xs
xsm
sm
md
lg

เหยื่อราหู…ใครจะเป็นรายต่อไป?

เผยแพร่:   โดย: สิริอัญญา

อาทิตย์นี้มีข่าวเล่าลือกระหึ่มกันไปทั้งบ้านทั้งเมืองว่าราหูกำลังอมเมือง จะเกิดเหตุเภทภัยร้ายแรงถึงขนาดเตือนลูกเตือนหลานกันว่าในห้วงวันที่ 12 มีนาคม ศกนี้ ให้ระวังอันตรายอย่าได้ออกจากบ้านเป็นอันขาด

มันจะบ้ากันใหญ่แล้ว!

นั่นเป็นเรื่องของพวกที่ฉวยโอกาสหลอกลวงหากินกับการสร้างความหวาดกลัวหรือไม่ก็เป็นเรื่องของพวกสร้างความหลงงมงายเพื่อแสวงหาลาภจากการสะเดาะเคราะห์หรือทำพิธีบูชาราหู หรือไม่ก็เป็นพวกโรคจิตที่คิดเหตุสร้างข่าวลือแบบพิสดารไม่หยุดไม่หย่อน

แต่ก็สอดคล้องกับอัชฌาสัยของคนไทยยิ่งนัก เพราะข่าวลือแบบนี้เป็นข่าวที่ลือได้ง่าย ลือได้กว้างไกล และเกิดผลได้ตามที่นักปล่อยข่าวลือต้องการเสียด้วย

ทำเอาพวกหัวฝรั่งหรือพวกหัวใหม่พากันแปลกใจไปตาม ๆ กันว่าทำไมคนไทยจึงเป็นไปได้ถึงปานนี้ ความแปลกใจเช่นนี้เกิดขึ้นเพราะไม่รู้รากฐานความคิดจิตใจของคนไทย ซึ่งแต่โบราณมาก็มีการผูกเป็นคำพังเพยว่า “เจ๊กตื่นไฟ ไทยตื่นข่าว ลาวตื่นยศ” ซึ่งเท่าที่สังเกตก็เห็นจะเป็นจริงตามคำพังเพยนั้น

ต้นเหตุที่จะเกิดเป็นข่าวเล่าลือเช่นนั้นก็เพราะว่าในวันที่ 12 มีนาคม ศกนี้ จะมีดาวพระเคราะห์สำคัญย้ายราศีถึงสองดวง คือในเวลา 2 นาฬิกา 39 นาที ดาวอังคารจะย้ายจากราศีธนูขึ้นไปอยู่ราศีมังกร ดาวดวงนี้เป็นดาวการทหารหรือผู้ใช้กำลัง เมื่อย้ายขึ้นไปทำมุม 90 องศากับลัคนาดวงเมืองจึงมีเรื่องให้เล่าลือกันได้มาก

อีกดวงหนึ่งก็คือราหูซึ่งโคจรทับดวงเมืองมา 18 เดือนแล้ว จะย้ายจากราศีเมษไปสู่ราศีมีน ในเวลา 18 นาฬิกา 9 นาที ราหูนี้ถือกันว่าเป็นดาวร้ายในชะตา จึงเป็นเหตุให้พยากรณ์กันไปต่าง ๆ นานาอย่างสม่ำเสมอ และแทบทุกครั้งที่ราหูย้ายราศีก็จะมีข่าวเล่าลือในทางร้ายเสมอไป

และในที่สุดก็จะมีการทำพิธีสะเดาะเคราะห์บ้าง ทำพิธีบูชาราหูบ้าง ส่งราหูบ้าง เป็นทางให้พวกนักพิธีกรรมเหล่านั้นได้ลาภมากมายมหาศาล ทำมาหากินกับราหูกันเป็นล่ำเป็นสัน

แต่ที่ครั้งนี้ข่าวเล่าลือเกี่ยวกับราหูหนาหูมากกว่าทุกครั้งก็เพราะดูเหมือนว่าไม่เพียงแต่ชาวบ้านเท่านั้นที่หวาดหวั่นกับราหู แต่ความหวาดหวั่นนั้นยังลุกลามเข้าไปในวงการการเมือง ถึงกับมีการเร่งรัดกระบวนการต่าง ๆ ในการแต่งตั้งประธานรัฐสภาและนายกรัฐมนตรีให้เสร็จสิ้นก่อนวันที่ 12 มีนาคม 2548 ซึ่งผู้คนเขาสังเกตกันอยู่แล้วก็เลยรู้ว่านี่อาจเพราะความหวาดหวั่นราหูนั่นเอง

การเร่งรัดกระบวนการดังกล่าวเป็นเรื่องปกติที่สามารถกระทำได้ แต่การออกข่าวกำหนดการต่าง ๆ สู่สาธารณะราวกับว่าเป็นการขีดเส้นการปฏิบัติพระราชภารกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นเป็นการไม่บังควรอย่างยิ่ง ควรจะได้ตระหนักและสังวรยิ่งกว่านี้

เอาเป็นว่าในเวลานี้ความหวาดหวั่นในฤทธิ์แรงของราหูดูเหมือนว่าจะแผ่ปกคลุมไปทั่วประเทศนี้ และเป็นความหวาดหวั่นที่เกิดขึ้นเพราะเหตุที่ไม่รู้จักราหู ไม่เข้าใจราหู จัดเป็นโมหะหรือความหลงเพราะเหตุจากความกลัวภัยอย่างหนึ่ง

ดังนั้นจึงควรทำความรู้จัก ทำความเข้าใจกับราหูอีกสักครั้งหนึ่ง เพราะเมื่อรู้และเข้าใจแล้วก็จะรู้และเข้าใจราหูตามความเป็นจริงของมัน

อันว่าราหูนั้นมีอยู่สามความหมาย!

ความหมายแรก หมายถึงชื่อของเทพอสูรตนหนึ่งในคติความเชื่อของฮินดู และมีประวัติตำนานปรากฏในตำนานรามเกียรติ์ที่ราหูเป็นยักษ์ บำเพ็ญตบะจนมีฤทธิ์เดชกลายเป็นเทพและได้ดื่มน้ำอมฤตจนมีชีวิตเป็นอมตะ แต่ก็ได้สร้างศัตรูไว้ในหมู่เทพยดาทั้งหลายมากมาย ทั้งความร้ายกาจของราหูก็เป็นที่ร่ำลือ วัฒนธรรมอินเดียแพร่หลายเข้ามาในประเทศไทย ได้นำพาเอาคติความเชื่อเกี่ยวกับราหูดังกล่าวติดมาด้วย

ความหมายที่สอง หมายถึงปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดจันทรคราสหรือสุริยคราส แล้วผลจากความเชื่อจากความหมายแรกนำไปสู่ความเข้าใจและความเชื่อว่าจันทรคราสหรือสุริยคราสนั้นเกิดขึ้นได้เพราะราหูอมจันทร์หรืออมพระอาทิตย์ไว้ ดังนั้นในการช่วยพระจันทร์และพระอาทิตย์จึงต้องช่วยกันตีฆ้องร้องป่าวยิงปืนจุดประทัดเพราะนัยว่าราหูนั้นกลัวเสียงดัง กลัวคนมาก ๆ ซึ่งการช่วยราหูแบบนี้ก็ยังมีแพร่หลายอยู่ในหลายประเทศในเอเชียใต้และเอเชียอาคเนย์ รวมทั้งในชนบทของประเทศไทย

ความหมายที่สาม หมายถึงหนึ่งในดาวพระเคราะห์ที่พวกโหรใช้ในการคำนวณชะตาเมือง ชะตาคน และฤกษ์ผานาทีต่าง ๆ แต่ก็ถือกันว่าแท้จริงแล้วราหูนั้นไม่ใช่ดาวพระเคราะห์หรือดาวฤกษ์ใด ๆ แต่เป็นเงาของโลกซึ่งมีผลในภาคพยากรณ์และในการคำนวณฤกษ์ผานาที

ในความหมายที่สามนี้จะครอบคลุมความหมายที่หนึ่งเอาไว้ด้วยเพราะในภาคพยากรณ์นั้นได้มีการนำตำนานของราหูมาผูกเป็นภาคพยากรณ์ ดังนั้นจึงจำต้องกล่าวความหมายที่สามให้กว้างสักหน่อยหนึ่ง

แม้จะถือว่าราหูเป็นเพียงเงาแต่ก็มีการกำหนดระยะเวลาและวิถีโคจรของราหูไว้อย่างชัดเจน ในคัมภีร์จักรทีปนีจรได้พรรณนาวิถีและกำหนดการโคจรแต่ละรอบของราหูไว้ว่า

“ราหูสุรินทร์ฤท- ธิสถิตพลังตน
ปีกึ่งก็เกิดกล คติย้อนราศีไป”

นั่นคือวิถีโคจรของราหูนั้นแตกต่างจากดาวพระเคราะห์อื่น คือโคจรย้อนราศีและมีกำหนดปีครึ่งต่อหนึ่งราศี ข้อที่น่าสังเกตก็คือในคัมภีร์จักรทีปนีจรนี้ไม่ถือว่าราหูเป็นเพียงเงาที่ต้องอาศัยกำลังจากแหล่งพลังงานอื่น แต่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นดาวที่มีพลังในตัวของตัวเอง

ราหูโคจรอยู่ในแต่ละราศีเป็นเวลาปีครึ่งหรือ 18 เดือน มาครั้งนี้ราหูโคจรอยู่ในราศีเมษทับลัคนาดวงเมืองมา 18 เดือนแล้ว และจะครบกำหนดในวันที่ 12 มีนาคม ศกนี้ เวลา 18 นาฬิกา 9 นาที จึงเป็นที่มาของคำเล่าข่าวลือในปัจจุบันสมัยนี้

แต่โบราณกาลมาการคำนวณชะตาแม้กระทั่งคัมภีร์เลขศาสตร์ที่ว่าด้วยการพยากรณ์จากเลข 7 ตัว ไม่มีดาวราหู แต่ยุคหลังจากนั้นก็ปรากฏดาวราหูขึ้นในคัมภีร์ต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าตำราพรหมชาติ คัมภีร์อสีติธาตุ คัมภีร์จักรทีปนีจร คัมภีร์ทักษา เป็นต้น และในห้วงนั้นก็ยังไม่ปรากฏการค้นพบดาวมฤตยู ดาวเนปจูน และดาวพลูโตแต่ประการใด

ดังนั้นคัมภีร์พยากรณ์แต่โบราณมาจึงถือว่าดาวพระเคราะห์ที่ส่งผลและใช้พยากรณ์ชะตาเมือง ชะตาคน และฤกษ์ผานาทีมีเพียง 8 ดวงเท่านั้น คืออาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัส ศุกร์ เสาร์ และราหู และเมื่อนับลัคนาเป็นอีกหนึ่งพระเคราะห์ประจำตัวคนหรือตัวเมืองจึงถือเป็น 9 ดวง ดังที่คัมภีร์จักรทีปนีจรที่รจนาโดยพระอุตมะรามเถรได้แสดงไว้

แล้วสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรีทรงรจนาเป็นพระนิพนธ์ไว้ว่า

“แถลงปางนพเคราะห์ สุรเทพโคจร
ในจักรากร ทวิทัศราศี
โดยอานุภาพผยอง จรท่องวิถีลี
พักรเสริดและมนท์มี วิสมห้าประการกล”

ในคัมภีร์อิสีติธาตุได้กำหนดให้ราหูเป็นดาวประจำปูมธาตุลม เช่นเดียวกับดาวอังคาร ซึ่งสอดคล้องตรงกันกับการกำหนดให้ราหูครองราศีกุมภ์ในจักรราศี ซึ่งเป็นราศีธาตุลม แต่ก็มีความน่าสังเกตที่ลงตัวว่าใน 12 ปูมแห่งจักรราศีนั้นเมื่อรวมตัวเลขดาวพระเคราะห์ที่อยู่ตรงกันข้ามกันจะมีจำนวน 9 เท่ากับนพเคราะห์เสมอ ดังนั้นราศีสิงห์ซึ่งครองโดยพระอาทิตย์เมื่อรวมกับราศีกุมภ์ซึ่งครองโดยราหูก็จะมีจำนวน 9 เช่นเดียวกัน

เลข 9 จึงเป็นเลขสูงสุด เป็นความหมายรวมของนพเคราะห์ เป็นเลขมงคล เหตุนี้กระมังจึงมีการกำหนดให้การเลือกนายกรัฐมนตรีตรงกับวันที่ 9 มีนาคม 2548

ราหูใช่ว่าจะร้ายไปทุกเรื่อง ทุกกรณี ทุกที่ ทุกแห่ง ทำนองเดียวกับดาวพฤหัสซึ่งถือเป็นประธานของดาวนพเคราะห์ก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป การจะดีร้ายประการใดยังต้องอาศัยเหตุปัจจัยอื่นคือความปกติ และไม่ปกติ 5 ประการ ดังที่คัมภีร์จักรทีปนีจรได้พรรณนาไว้ และยังขึ้นอยู่กับว่าพบมิตรหรือศัตรูอีกต่างหาก

“ปางทวยวราเทพ พระเคราะห์อัฐวิสัย
เสด็จโดยวิถีใด ปะทะทับและทันกัน
เมื่อมิตรก็ชอบชื่น บ่มีโทษแถลงทัณฑ์
ปางเป็นศัตรูสรร- พอุบาทว์วิบัติเข็ญ
โหราศาสตร์ก็พึงพิศ กระจ่างจิตวิจารณ์เห็น
แห่งเหล่าพระเคราะห์เป็น และมิตรหมู่อริมา
ทับถูกพระเคราะห์ใด สุขทุกข์จะบีฑา
คุณโทษ ฤ อาญา ก็จะตามฉบับบรรพ์”

ราหูนั้นไม่เกี่ยวกับแผ่นดินไหว แต่อาจเกี่ยวกับคลื่นและน้ำท่วมเพราะลมสามารถส่งผลกับไฟและน้ำได้อย่างรวดเร็วและรุนแรง แผ่นดินไหวเป็นเรื่องดาวพระเสาร์และมฤตยูโดยเฉพาะ

ในยามที่ราหูทับดวงเมืองลมต้องไฟ เหตุเภทภัยทางไฟและระเบิดจึงเกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน ความโมหะ ความลุ่มหลง ความหลงผิด ความผิดพลาด จึงเกิดขึ้นไม่ขาดสาย ภัยร้ายจึงเกิดขึ้นกับบ้านเมือง แต่ที่แรงหนักหนาสาหัสพร่าชีวิตคน สัตว์ และพืชสุดคณานับนั้นเป็นผลกระทบจากราหูเพียงส่วนเดียว ส่วนหลักอยู่ที่พระนางรากษสเทวี นางสงกรานต์ปี 2547 ซึ่งปรากฏในบทความประกาศสงกรานต์ปี 2547 เรื่อง “พระนางรากษสเทวีมาแล้ว!” และลงตีพิมพ์ในคอลัมน์นี้เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2547

ราหูพ้นไปเสียได้จากดวงเมืองบ้านเมืองจะดี ความมืดงำ ความคลุมเครือ และปัญหาหลายเรื่องที่ยังสะสางไม่ได้จะคลี่คลายไป จึงนับว่าเป็นผลดีแก่บ้านเมืองยิ่งกว่าเมื่อตอนราหูกินเมือง

ราหูเข้าสู่ราศีมีนย่อมเกิดผลกระทบแก่คนที่มีลัคนาในราศีมีน ราศีกันย์ ถัดลงมาก็จะเป็นคนที่มีลัคนาราศีกรกฎและราศีพิจิก ถัดไปอีกก็คือคนที่มีลัคนาราศีพฤษภและราศีธนู แต่ผลกระทบจะเบาบางกว่าสองจำพวกแรก

เป็นผลกระทบเท่านั้น แต่จะเกิดเหตุดีร้ายประการใดยังขึ้นอยู่กับว่ามีดาวที่เป็นมิตรตั้งรับอยู่หรือไม่ ดาวประจำวันเกิดเป็นมิตรหรือเป็นศัตรูกับราหูหรือไม่ และกระทบในเรื่องอันเป็นความหมายใด ซึ่งเป็นเรื่องในภาคพยากรณ์

ราหูย้ายครั้งนี้ผลดีจึงมีกับบ้านเมือง แต่จะเกิดผลกระทบกับใครก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขดังที่กล่าวมา ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคนและไม่ได้เป็นผลร้ายกับทุกคนดังที่เป็นข่าวเล่าลือนั้นเลย ใครจะเป็นรายต่อไปที่ตกเป็นเหยื่อของราหู หรือได้มหาโชคจากราหูก็ต้องดูจากคำพยากรณ์ราหูจร

ได้แนบคำพยากรณ์ซึ่งรจนาโดยสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรีในกรณีที่ราหูปะทะทับกับดาวพระเคราะห์และลัคนามาให้ดูประกอบด้วยแล้ว แต่จะลงตีพิมพ์ได้หรือไม่ก็สุดแท้แต่กองบรรณาธิการเถิด

------------------

คัมภีร์จักรทีปนีจรของอุตมะรามเถร
แปลและนิพนธ์โดยสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี
บทราหูโคจรทับดาวเคราะห์และลัคนา


1. ราหูทับอาทิตย์
“อสุรินทราหู จรจักรากร
กุมเล็งระวิวร จะประทุษฐลาภา
ศัตรูจะเมียงมาตร จะวิวาทวิวาทา
จากบุตรภริยา ก็ตะโกรงทะโทงกาย”

2. ราหูทับจันทร์
“ราหูประทับจันทร์ อริอันจะหมองหมาย
ยอลาภพลีหมาย ก็สมัครสมาการ”

3. ราหูทับอังคาร
“ราหูสุรินทร์ยักษ์ จรทักพระอังคาร
สินทรัพย์บุราณนาน จะขจัดขจายสูญ
หนึ่งผู้อิศราช กิจกาจจะเพิ่มพูน
โสดหนึ่งอุบัติมูล คติเพลิงจะพลันมี”

4. ราหูทับพุธ
“ราหูสุรินทร์ทับ พุธภัยจะยายี
ต้องราชทัณฑ์ทวี จะระส่ำระสายสิน”

5. ราหูทับพฤหัส
“ราหูสถิตทับ พฤหัสบดินทร์
ฉ่ำโชคนริน- ทรท้าวอำนวยทาน”

6. ราหูทับศุกร์
“ราหูประทับศุกร์ กรนั้นจะเกิดพาล
ในเรือนจะเกิดการ อคนีอย่าดูเบา”

7. ราหูทับเสาร์
“ราหูสุรินทร์ร่วม ปะทะถูกพระเคราะห์เสาร์
สวัสดิ์โชคยุพเยา- วดรุณจะสมปอง
เกิดการธนาเนือง อธิทานเอนกนอง
สินทรัพย์ทั้งผอง จะลุเสร็จประสงค์ตน”

8. ราหูทับราหู
“ราหูและราหู ปะทะทันและกันกล
นั้นห้ามจรหน บรเทศจะอันตราย
สินทรัพย์จะร่อยริน ธิบดินทร์จะหมองหมาย
โทษตนจะมัดกาย และจะเกิดพระเพลิงกาฬ
ศัตรูจะแกล้งกล่าว พจน์ล่อและดวงผลาญ
พยาธิ์ใหญ่จะประหาร บ่มิญาติจะม้วยมรณ์”

9. ราหูทับลัคนา
“ราหูประทับลัคน์ ระมัดมักอริรอน
อย่าพลั้งเล่ห์คนวอน กิจรับธุระพาล
จองคุณจะคืนโทษ ทุรโยศประหนึ่งพราน
บินบอกทุรัสสถาน ก็ประทุษฐเบียนบีฑ์”
กำลังโหลดความคิดเห็น