สวอท์ชเชื่อนาฬิกาแฟชั่นยังมีการแข่งขันสูงและมีช่องว่างในการทำตลาดอีกมาก เผยแผนปีนี้รุกตลาดต่างจังหวัดหนักขึ้น เตรียมขายแฟรนไชส์ตามหัวเมืองหลัก 4 แห่ง หวังขยายฐานกลุ่มลูกค้าภูธรเพิ่ม 10% พร้อมเตรียมเพิ่มแชร์นาฬิกากลุ่มเด็กและผู้ใหญ่ สิ้นปีคาดยอดขายโตขึ้น 30%
นางสาวศิริวรรณ พงศ์กิจวรสิน ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดนาฬิกาสวอท์ช (Swatch) บริษัท เดอะ สวอท์ช กรุ๊ป เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯเดินหน้าขยายตลาดนาฬิกาสวอท์ชไปยังลูกค้าต่างจังหวัดมากขึ้นในลักษณะการขายแฟรนไชส์ คาดว่าภายในปีนี้จะเปิดได้ 4 แห่งตามภูมิภาคใหญ่ของไทย โดยประมาณเดือนหรือ 2 เดือนหน้านี้จะเปิดสาขาใหม่แถวภาคใต้ ด้วยงบลงทุนที่แฟรนไชส์ต้องจ่ายประมาณ 1-2 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดลูกค้าต่างจังหวัดปีนี้จะเพิ่มขึ้น 10% รวมเป็น 30% จากเดิมมีสัดส่วน 20% และลูกค้ากรุงเทพฯ 80%
ปัจจุบันสวอท์ชมีแฟรนไชส์อยู่ที่พัทยาใต้แห่งเดียว เปิดบริการไปเมื่อช่วงปลายปีที่แล้วและได้รับการตอบรับที่ดี ส่วนชอปที่ลงทุนเปิดเองที่จังซีลอน ภูเก็ต คาดว่าประมาณเดือนกันยายนจะเปิดได้ พร้อมกันนี้บริษัทฯเตรียมรุกตลาดกลุ่มเด็กมากขึ้น ซึ่งขณะนี้สวอท์ชมีนาฬิกาFlik Flak ที่ออกมาเพื่อเจาะกลุ่มเด็ก8-12 ปี คาดว่าปีนี้ยอดขายกลุ่มเด็กและผู้ใหญ่จะมีสัดส่วน 5-10% รวมทั้งการเน้นทำตลาดเครื่องประดับของสวอท์ชเพิ่มขึ้น คาดว่าปีนี้สัดส่วนการขายกลุ่มดังกล่าวนี้จะเพิ่มขึ้น 10-15% จากเดิมมี 5%
แผนการตลาดในปีนี้จะมองไลฟ์สไตล์ของผู้ใส่มากขึ้น ด้วยการนำนาฬิกาแต่ละกลุ่มมาจับยำไว้รวมกันและมองที่ประโยชน์การใช้สอยมากกว่าการแบ่งนาฬิกาออกเป็นกลุ่มๆ เหมือนอย่างปีที่แล้ว โดยราคาของนาฬิกาสวอทช์จะอยู่ประมาณ 1,800-4,950 บาท ขณะที่กลุ่มลูกค้าของสวอท์ชจะมีอายุประมาณ 15-30ปี โดยตั้งงบทางการตลาดไว้ 10 ล้านบาท ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์และจัดกิจกรรมต่างๆ ล่าสุดสวอท์ชเปิดตัวคอลเลคชั่น 5 เทรนด์ของฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน2005 ได้แก่ คัลเลอร์ แฟลช (เทรนด์ที่เน้นสีสัน), ลิซาร์ด เลาจน์ (เทรนด์ลายสัตว์เลื้อยคลาน),เน็กซ์ (เทรนด์ของคนรุ่นใหม่) เป็นต้น
ด้านช่องทางจำหน่ายปัจจุบันนี้มีในห้างสรรพสินค้า 14 แห่ง และในรูปแบบชอป มี 4 แห่ง คือ สยามเซ็นเตอร์, เซ็นทรัล ลาดพร้าว, เกษรพลาซ่าและเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ยอดรายได้ของของนาฬิกาสวอทช์ปีที่แล้ว บริษัทฯมีรายได้ประมาณ 100 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนกลุ่มลูกค้าผู้หญิง 60% และผู้ชาย 40% ในปีนี้คาดว่ายอดรายได้จะโตขึ้น 30% จากการที่สินค้ากลุ่มแฟชั่นมีการเติบโตสูงขึ้นและดิสทิบิวชั่นที่มีจำนวนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม จากค่าเงินสวิสฟรังก์แข็งค่าขึ้นส่งผลให้นาฬิกาที่นำเข้าจากสวิสเซฮร์แลนด์ปรับราคาขึ้นหลายรายแล้ว เฉลี่ย 6-8% ในส่วนนาฬิกาสวอท์ช ซึ่งเป็นนาฬิกาที่นำเข้ามาจากสวิสฯก็ได้มีการปรับราคาขึ้นไปแล้วในบางประเทศแถบเอเชีย ในสว่นของไทยยังไม่ปรับขึ้น ซึ่งหากจำเป็นจริงๆ คงปรับขึ้นไม่มาก ประกอบกัยราคาของนาฬิกาสวอท์ช ก็ไม่แพง เมื่อเทียบกับยี่ห้อ เช่น ราโด,โรเล็กซ์ เป็นต้น
นางสาวศิริวรรณ พงศ์กิจวรสิน ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดนาฬิกาสวอท์ช (Swatch) บริษัท เดอะ สวอท์ช กรุ๊ป เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯเดินหน้าขยายตลาดนาฬิกาสวอท์ชไปยังลูกค้าต่างจังหวัดมากขึ้นในลักษณะการขายแฟรนไชส์ คาดว่าภายในปีนี้จะเปิดได้ 4 แห่งตามภูมิภาคใหญ่ของไทย โดยประมาณเดือนหรือ 2 เดือนหน้านี้จะเปิดสาขาใหม่แถวภาคใต้ ด้วยงบลงทุนที่แฟรนไชส์ต้องจ่ายประมาณ 1-2 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดลูกค้าต่างจังหวัดปีนี้จะเพิ่มขึ้น 10% รวมเป็น 30% จากเดิมมีสัดส่วน 20% และลูกค้ากรุงเทพฯ 80%
ปัจจุบันสวอท์ชมีแฟรนไชส์อยู่ที่พัทยาใต้แห่งเดียว เปิดบริการไปเมื่อช่วงปลายปีที่แล้วและได้รับการตอบรับที่ดี ส่วนชอปที่ลงทุนเปิดเองที่จังซีลอน ภูเก็ต คาดว่าประมาณเดือนกันยายนจะเปิดได้ พร้อมกันนี้บริษัทฯเตรียมรุกตลาดกลุ่มเด็กมากขึ้น ซึ่งขณะนี้สวอท์ชมีนาฬิกาFlik Flak ที่ออกมาเพื่อเจาะกลุ่มเด็ก8-12 ปี คาดว่าปีนี้ยอดขายกลุ่มเด็กและผู้ใหญ่จะมีสัดส่วน 5-10% รวมทั้งการเน้นทำตลาดเครื่องประดับของสวอท์ชเพิ่มขึ้น คาดว่าปีนี้สัดส่วนการขายกลุ่มดังกล่าวนี้จะเพิ่มขึ้น 10-15% จากเดิมมี 5%
แผนการตลาดในปีนี้จะมองไลฟ์สไตล์ของผู้ใส่มากขึ้น ด้วยการนำนาฬิกาแต่ละกลุ่มมาจับยำไว้รวมกันและมองที่ประโยชน์การใช้สอยมากกว่าการแบ่งนาฬิกาออกเป็นกลุ่มๆ เหมือนอย่างปีที่แล้ว โดยราคาของนาฬิกาสวอทช์จะอยู่ประมาณ 1,800-4,950 บาท ขณะที่กลุ่มลูกค้าของสวอท์ชจะมีอายุประมาณ 15-30ปี โดยตั้งงบทางการตลาดไว้ 10 ล้านบาท ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์และจัดกิจกรรมต่างๆ ล่าสุดสวอท์ชเปิดตัวคอลเลคชั่น 5 เทรนด์ของฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน2005 ได้แก่ คัลเลอร์ แฟลช (เทรนด์ที่เน้นสีสัน), ลิซาร์ด เลาจน์ (เทรนด์ลายสัตว์เลื้อยคลาน),เน็กซ์ (เทรนด์ของคนรุ่นใหม่) เป็นต้น
ด้านช่องทางจำหน่ายปัจจุบันนี้มีในห้างสรรพสินค้า 14 แห่ง และในรูปแบบชอป มี 4 แห่ง คือ สยามเซ็นเตอร์, เซ็นทรัล ลาดพร้าว, เกษรพลาซ่าและเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ยอดรายได้ของของนาฬิกาสวอทช์ปีที่แล้ว บริษัทฯมีรายได้ประมาณ 100 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนกลุ่มลูกค้าผู้หญิง 60% และผู้ชาย 40% ในปีนี้คาดว่ายอดรายได้จะโตขึ้น 30% จากการที่สินค้ากลุ่มแฟชั่นมีการเติบโตสูงขึ้นและดิสทิบิวชั่นที่มีจำนวนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม จากค่าเงินสวิสฟรังก์แข็งค่าขึ้นส่งผลให้นาฬิกาที่นำเข้าจากสวิสเซฮร์แลนด์ปรับราคาขึ้นหลายรายแล้ว เฉลี่ย 6-8% ในส่วนนาฬิกาสวอท์ช ซึ่งเป็นนาฬิกาที่นำเข้ามาจากสวิสฯก็ได้มีการปรับราคาขึ้นไปแล้วในบางประเทศแถบเอเชีย ในสว่นของไทยยังไม่ปรับขึ้น ซึ่งหากจำเป็นจริงๆ คงปรับขึ้นไม่มาก ประกอบกัยราคาของนาฬิกาสวอท์ช ก็ไม่แพง เมื่อเทียบกับยี่ห้อ เช่น ราโด,โรเล็กซ์ เป็นต้น