เอเอฟพี / รอยเตอร์ - โจรสลัดช่องแคบมะละกาควงปืนออกอาละวาดไล่ยิงเรือมาเลเซีย พร้อมลักพาตัวกัปตัน-ต้นเรือ หายเข้ากลีบเมฆ นับเป็นการก่อเหตุครั้งแรกหลังเกิดมหันตภัยคลื่นยักษ์เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
โนเอล ชง ผู้จัดการภูมิภาคประจำศูนย์รายงานเหตุโจรสลัดของสำนักงานเดินเรือทะเลระหว่างประเทศ (ไอเอ็มบี) ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เผยวานนี้ (2) ว่า คนร้ายได้ยิงปืนกลเข้าใส่เรือ "ไฮไลน์ 26" ของบริษัทชิปปิ้งในรัฐซาราวัก เพื่อบังคับให้จอดท่ามกลางความมืดเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา ก่อนจะบุกขึ้นไปบนเรือและทำลายข้าวของ โดยเหตุเกิดขึ้นห่างจากชายฝั่งเกาะปีนัง ของมาเลเซีย 50 ไมล์ทะเล
ขณะเกิดเหตุเรือลำดังกล่าวซึ่งมีลูกเรือทั้งหมด 9 คน อยู่ระหว่างการลากเรือบรรทุกถ่านหิน มุ่งหน้าสู่เมืองลูมุต ในรัฐเประ ทางภาคเหนือของมาเลเซีย โดยชงเล่าว่า ลักษณะปฏิบัติการของคนร้ายคล้ายกับการโจมตีหลายครั้งก่อนหน้านี้ที่เกิดขึ้นนอกชายฝั่งเกาะสุมาตรา หรือทางทิศเหนือของจ.อาเจะห์
"โจรสลัดยิงปืนใส่เรือ ก่อนจะบุกขึ้นไปลักพาตัวกัปตันชาวมาเลเซีย และต้นเรือชาวอินโดนีเซีย" ชงเล่าต่อว่า "พวกมันยังยิงขาของต้นกลจนเลือดไหลนองอย่างไร้ความปรานี"
เขาเผยอีกว่า โจรสลัดหนีไปทางน่านน้ำของอินโดนีเซียพร้อมกับตัวประกันทั้งสองคนโดยไม่แตะต้องสินค้า และว่า "นี่ถือเป็นคดีแรกนับตั้งแต่เกิดสึนามิ เราหวังว่าคลื่นยักษ์จะกวาดเอาทรัพย์สินของโจรอย่างเรือและปืนหายไป ทว่า พวกมันกำลังกลับมาอีกครั้ง"
ทั้งนี้ ศูนย์รายงานเหตุโจรสลัด เผยรายงานประจำปีเมื่อเดือนที่ผ่านมาว่า ปี 2004 มีนักเดินเรือทั่วโลกถูกโจรสลัดสังหารเสียชีวิตทั้งหมด 30 ราย ในจำนวนนี้ 4 ราย เกิดขึ้นบริเวณช่องแคบมะละกา ซึ่งมีเรือผ่านเข้าออกราวปีละ 50,000 ลำ
ชงกล่าวว่า การสืบสวนเหตุโจรสลัดล่าสุดกำลังดำเนินการต่อไป พร้อมกับแนะให้เรือที่ต้องแล่นผ่านบริเวณดังกล่าว พยายามอยู่ใกล้แนวชายฝั่งของมาเลเซียให้มากที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีของเหล่ามิจฉาชีพ
อนึ่ง ในวันเดียวกัน เตียว ฉี เฮียน รัฐมนตรีกลาโหมของสิงคโปร์ กล่าวระหว่างงานสัมมนาว่าด้วยความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเล เสนอให้ที่ประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือทางการเมืองและความมั่นคงในเอเชีย-แปซิฟิก (เออาร์เอฟ) ควรหันมาจัดการซักซ้อมความปลอดภัยทางทะเลร่วมกัน เพื่อพัฒนาความสามารถในการรับมือการก่อการร้ายและภัยคุกคามอื่นๆ
เขามองว่า เออาร์เอฟซึ่งมีสมาชิก 24 ประเทศ และจัดการประชุมเป็นประจำทุกปี ควรมีการทำงานร่วมกันนอกเหนือจากการเจรจาหารือเพียงอย่างเดียว กระนั้น ผู้ช่วยเสนาธิการกองทัพเรืออินโดนีเซียย้ำว่า อิเหนายังคงคัดค้านความช่วยเหลือของกองทัพต่างชาติ ในการลาดตระเวนป้องกันการก่อการร้ายในช่องแคบมะละกา แม้จะยินดีรับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมหลังวิกฤตคลื่นยักษ์ที่ผ่านมาก็ตาม
โนเอล ชง ผู้จัดการภูมิภาคประจำศูนย์รายงานเหตุโจรสลัดของสำนักงานเดินเรือทะเลระหว่างประเทศ (ไอเอ็มบี) ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เผยวานนี้ (2) ว่า คนร้ายได้ยิงปืนกลเข้าใส่เรือ "ไฮไลน์ 26" ของบริษัทชิปปิ้งในรัฐซาราวัก เพื่อบังคับให้จอดท่ามกลางความมืดเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา ก่อนจะบุกขึ้นไปบนเรือและทำลายข้าวของ โดยเหตุเกิดขึ้นห่างจากชายฝั่งเกาะปีนัง ของมาเลเซีย 50 ไมล์ทะเล
ขณะเกิดเหตุเรือลำดังกล่าวซึ่งมีลูกเรือทั้งหมด 9 คน อยู่ระหว่างการลากเรือบรรทุกถ่านหิน มุ่งหน้าสู่เมืองลูมุต ในรัฐเประ ทางภาคเหนือของมาเลเซีย โดยชงเล่าว่า ลักษณะปฏิบัติการของคนร้ายคล้ายกับการโจมตีหลายครั้งก่อนหน้านี้ที่เกิดขึ้นนอกชายฝั่งเกาะสุมาตรา หรือทางทิศเหนือของจ.อาเจะห์
"โจรสลัดยิงปืนใส่เรือ ก่อนจะบุกขึ้นไปลักพาตัวกัปตันชาวมาเลเซีย และต้นเรือชาวอินโดนีเซีย" ชงเล่าต่อว่า "พวกมันยังยิงขาของต้นกลจนเลือดไหลนองอย่างไร้ความปรานี"
เขาเผยอีกว่า โจรสลัดหนีไปทางน่านน้ำของอินโดนีเซียพร้อมกับตัวประกันทั้งสองคนโดยไม่แตะต้องสินค้า และว่า "นี่ถือเป็นคดีแรกนับตั้งแต่เกิดสึนามิ เราหวังว่าคลื่นยักษ์จะกวาดเอาทรัพย์สินของโจรอย่างเรือและปืนหายไป ทว่า พวกมันกำลังกลับมาอีกครั้ง"
ทั้งนี้ ศูนย์รายงานเหตุโจรสลัด เผยรายงานประจำปีเมื่อเดือนที่ผ่านมาว่า ปี 2004 มีนักเดินเรือทั่วโลกถูกโจรสลัดสังหารเสียชีวิตทั้งหมด 30 ราย ในจำนวนนี้ 4 ราย เกิดขึ้นบริเวณช่องแคบมะละกา ซึ่งมีเรือผ่านเข้าออกราวปีละ 50,000 ลำ
ชงกล่าวว่า การสืบสวนเหตุโจรสลัดล่าสุดกำลังดำเนินการต่อไป พร้อมกับแนะให้เรือที่ต้องแล่นผ่านบริเวณดังกล่าว พยายามอยู่ใกล้แนวชายฝั่งของมาเลเซียให้มากที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีของเหล่ามิจฉาชีพ
อนึ่ง ในวันเดียวกัน เตียว ฉี เฮียน รัฐมนตรีกลาโหมของสิงคโปร์ กล่าวระหว่างงานสัมมนาว่าด้วยความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเล เสนอให้ที่ประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือทางการเมืองและความมั่นคงในเอเชีย-แปซิฟิก (เออาร์เอฟ) ควรหันมาจัดการซักซ้อมความปลอดภัยทางทะเลร่วมกัน เพื่อพัฒนาความสามารถในการรับมือการก่อการร้ายและภัยคุกคามอื่นๆ
เขามองว่า เออาร์เอฟซึ่งมีสมาชิก 24 ประเทศ และจัดการประชุมเป็นประจำทุกปี ควรมีการทำงานร่วมกันนอกเหนือจากการเจรจาหารือเพียงอย่างเดียว กระนั้น ผู้ช่วยเสนาธิการกองทัพเรืออินโดนีเซียย้ำว่า อิเหนายังคงคัดค้านความช่วยเหลือของกองทัพต่างชาติ ในการลาดตระเวนป้องกันการก่อการร้ายในช่องแคบมะละกา แม้จะยินดีรับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมหลังวิกฤตคลื่นยักษ์ที่ผ่านมาก็ตาม