ผู้จัดการรายวัน - ศรีทองพาณิชย์ปรับราคานาฬิกาที่นำเข้าจากสวิสฯเดือนหน้า ชี้สินค้ากลุ่มสื่ออิเลคทรอนิส์ดูดแชร์ เผยมีบางรายในตลาดปรับราคาขึ้นแล้ว 5-8% คาดช่วงนี้ผู้บริโภคอาจตื่นตัวและรีบแห่ไปซื้อนาฬิกาก่อนที่จะมีการปรับขึ้นราคา พร้อมตั้งเป้าสิ้นปียอดรายได้รวม 500 ล้านบาท
นายกฤษฎา มหาดำรงค์กุล กรรมการ หจก. ศรีทองพาณิชย์ ผู้จำหน่ายและนำเข้านาฬิกา 6 แบรนด์ อาทิ ซิติเซน,มิโด,ราโด,แฮมมิลตัน,เซอร์ตินาและบอล เปิดเผยว่า นาฬิกาที่นำเข้าจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์จะมีการปรับราคาขึ้น ในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้านี้ เนื่องจากค่าเงินสวิสแข็งค่าขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปีแล้ว ซึ่งในตลาดมีผู้ประกอบการบางรายปรับราคานาฬิกาขึ้นแล้ว 5-8% ในขณะที่นาฬิกาของศรีทองฯส่วนใหญ่จะนำเข้ามาจากสวิสฯ ได้แก่ มิโด ปรับขึ้นราคาสินค้าไปแล้ว 5% เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ส่วนนาฬิการาโด บริษัทสวอทกรุ้ปเป็นผู้ดูแลและบริหารการตลาด คาดว่าเดือนหน้าจะมีการปรับขึ้นราคา ขณะที่นาฬิกาที่เป็นกลุ่มนิช มาร์เก็ตอย่างนาฬิกาแฮมมิลตัน,เซอร์ตินาและบอล ยังไม่มีแผนปรับขึ้นราคาแต่อย่างใด
” ปีนี้กำลังซื้อของคนไทยมีความผันผวนพอสมควรจากปีที่แล้ว อีกทั้งปัจจุบันตลาดนาฬิกาโดนแย่งแชร์จากสินค้าอิเลคทรอนิกส์ เช่น มือถือและคอมพิวเตอร์ไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งกลุ่มอิเลคทรอนิกส์นี้จะมาแรงกว่าคู่แข่งที่เป็นนาฬิกาด้วยกันเอง โดยภาพรวมยังมองว่ากำลังซื้อของคนไทยยังดีอยู่ แต่ผู้บริโภคอาจจะตกใจบ้างเรื่องราคาที่ปรับขึ้นและอาจทำให้มีการตัดสินใจซื้อนาฬิกาเร็วขึ้นในช่วงนี้ ส่วนเรื่องราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับเพิ่มนั้นไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อศรีทองฯ และผู้บริโภคนาฬิกายังมีความต้องการซื้ออยู่ คาดว่าตลาดรวมปีนี้จะมีอัตราการเติบโต 15% ขณะที่ปีที่แล้วโต10-15%
ปีนี้จะมีการนำแบรนด์ใหม่เข้ามาทำตลาด แต่จะเน้นทำแบรนด์เดิมที่มีอยู่ให้ดีซึ่งการทำตลาดในแต่ละแบรนด์นั้นจะทำในรูปแบบที่แตกต่างกันไป งบการตลาดรวมปีนี้ 50 ล้านบาท แบ่งเป็นราโด 20-30 ล้านบาท
ด้านช่องทางการจำหน่ายนาฬิกาของศรีทองจะมี 3 ช่องทาง ได้แก่ 1. ช่องทางดีพาร์ทเมนต์สโตร์ เช่น เซ็นทรัลและเดอะมอลล์ 2. ขายผ่านดีลเลอร์ของศรีทองฯ 500 รายทั่วประเทศ และรีเทลชอป เช่น ร้านศรีทองพาณิชย์ โชว์รูมและร้านเดอะสวิสวอทช์แกลลอรี่
ล่าสุดศรีทองฯได้เปิดตัวนาฬิกาบอล (Ball) รุ่นเอ็นจิเนียร์ ไฮโดรคาร์บอน ในราคา 62,500 บาท เพื่อเจาะกลุ่มผู้ชายที่ชอบการผจญภัย หรือนักเดินทางและนักกีฬา โดยตั้งงบทางการตลาดของนาฬิกาบอลปีนี้ไว้ที่ 8-10 ล้านบาท และคาดว่ายอดขายสิ้นปีจะมีรายได้กว่า 30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มี 22 ล้านบาท ปัจจุบันนาฬิกาบอลมีให้เลือกกว่า 70 แบบและแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม นอกจากนี้ในช่วงเดือนกันยายนศรีทองฯเตรียมเปิดตัวนาฬิกาบอลรุ่นใหม่และมีมีเทคโนโลยีที่แปลกอีก 1 รุ่น
สำหรับยอดรายได้ของศรีทองฯ ปีที่ผ่านมามีมูลค่า 450 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นนาฬิการาโด,มิโดและซิติเซน คิดเป็น 80% ของรายได้ทั้งหมด ส่วน 20% เป็นนาฬิกาแฮมมิลตัน,เซอร์ตินาและบอล ส่วนปีนี้ตั้งเป้ายอดรายได้รวม 500 ล้านบาท
นายกฤษฎา มหาดำรงค์กุล กรรมการ หจก. ศรีทองพาณิชย์ ผู้จำหน่ายและนำเข้านาฬิกา 6 แบรนด์ อาทิ ซิติเซน,มิโด,ราโด,แฮมมิลตัน,เซอร์ตินาและบอล เปิดเผยว่า นาฬิกาที่นำเข้าจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์จะมีการปรับราคาขึ้น ในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้านี้ เนื่องจากค่าเงินสวิสแข็งค่าขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปีแล้ว ซึ่งในตลาดมีผู้ประกอบการบางรายปรับราคานาฬิกาขึ้นแล้ว 5-8% ในขณะที่นาฬิกาของศรีทองฯส่วนใหญ่จะนำเข้ามาจากสวิสฯ ได้แก่ มิโด ปรับขึ้นราคาสินค้าไปแล้ว 5% เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ส่วนนาฬิการาโด บริษัทสวอทกรุ้ปเป็นผู้ดูแลและบริหารการตลาด คาดว่าเดือนหน้าจะมีการปรับขึ้นราคา ขณะที่นาฬิกาที่เป็นกลุ่มนิช มาร์เก็ตอย่างนาฬิกาแฮมมิลตัน,เซอร์ตินาและบอล ยังไม่มีแผนปรับขึ้นราคาแต่อย่างใด
” ปีนี้กำลังซื้อของคนไทยมีความผันผวนพอสมควรจากปีที่แล้ว อีกทั้งปัจจุบันตลาดนาฬิกาโดนแย่งแชร์จากสินค้าอิเลคทรอนิกส์ เช่น มือถือและคอมพิวเตอร์ไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งกลุ่มอิเลคทรอนิกส์นี้จะมาแรงกว่าคู่แข่งที่เป็นนาฬิกาด้วยกันเอง โดยภาพรวมยังมองว่ากำลังซื้อของคนไทยยังดีอยู่ แต่ผู้บริโภคอาจจะตกใจบ้างเรื่องราคาที่ปรับขึ้นและอาจทำให้มีการตัดสินใจซื้อนาฬิกาเร็วขึ้นในช่วงนี้ ส่วนเรื่องราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับเพิ่มนั้นไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อศรีทองฯ และผู้บริโภคนาฬิกายังมีความต้องการซื้ออยู่ คาดว่าตลาดรวมปีนี้จะมีอัตราการเติบโต 15% ขณะที่ปีที่แล้วโต10-15%
ปีนี้จะมีการนำแบรนด์ใหม่เข้ามาทำตลาด แต่จะเน้นทำแบรนด์เดิมที่มีอยู่ให้ดีซึ่งการทำตลาดในแต่ละแบรนด์นั้นจะทำในรูปแบบที่แตกต่างกันไป งบการตลาดรวมปีนี้ 50 ล้านบาท แบ่งเป็นราโด 20-30 ล้านบาท
ด้านช่องทางการจำหน่ายนาฬิกาของศรีทองจะมี 3 ช่องทาง ได้แก่ 1. ช่องทางดีพาร์ทเมนต์สโตร์ เช่น เซ็นทรัลและเดอะมอลล์ 2. ขายผ่านดีลเลอร์ของศรีทองฯ 500 รายทั่วประเทศ และรีเทลชอป เช่น ร้านศรีทองพาณิชย์ โชว์รูมและร้านเดอะสวิสวอทช์แกลลอรี่
ล่าสุดศรีทองฯได้เปิดตัวนาฬิกาบอล (Ball) รุ่นเอ็นจิเนียร์ ไฮโดรคาร์บอน ในราคา 62,500 บาท เพื่อเจาะกลุ่มผู้ชายที่ชอบการผจญภัย หรือนักเดินทางและนักกีฬา โดยตั้งงบทางการตลาดของนาฬิกาบอลปีนี้ไว้ที่ 8-10 ล้านบาท และคาดว่ายอดขายสิ้นปีจะมีรายได้กว่า 30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มี 22 ล้านบาท ปัจจุบันนาฬิกาบอลมีให้เลือกกว่า 70 แบบและแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม นอกจากนี้ในช่วงเดือนกันยายนศรีทองฯเตรียมเปิดตัวนาฬิกาบอลรุ่นใหม่และมีมีเทคโนโลยีที่แปลกอีก 1 รุ่น
สำหรับยอดรายได้ของศรีทองฯ ปีที่ผ่านมามีมูลค่า 450 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นนาฬิการาโด,มิโดและซิติเซน คิดเป็น 80% ของรายได้ทั้งหมด ส่วน 20% เป็นนาฬิกาแฮมมิลตัน,เซอร์ตินาและบอล ส่วนปีนี้ตั้งเป้ายอดรายได้รวม 500 ล้านบาท