ศูนย์ข่าวเชียงใหม่-ชาวบ้านฝางยอมเปิดทางเข้า-ออกหมู่บ้านให้รถสวนส้ม "ธนาธร"ผ่านแล้ว หลังนายอำเภอ และ ส.ส.เป็นตัวกลางเจรจา เสนอให้ทำข้อตกลงร่วม โดยการเร่งสร้างทางสาธารณะเข้าเหมืองและรื้อท่อน้ำออก แฉมีผู้มัอิทธิพลข่มขู่เอาชีวิตแกนนำชาวบ้านที่มีความขัดแย้งกับสวนส้ม
จากกรณีความขัดแย้ง ระหว่างชาวบ้านหมู่ที่ 6 บ้านสันทรายคองน้อย ต.เวียง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ กับสวนส้มธนาธร ที่เกิดขึ้น จากการที่คนงานของสวนส้ม ได้ไปรื้อถอนรั้วกั้นหนองน้ำสาธารณะของหมู่บ้านออก ทั้งๆ ที่ได้เคยมีการทำข้อตกลงร่วมกันแล้ว ว่าจะกั้นรั้วไว้เพื่อกันเป็นพื้นที่สาธารณะ พร้อมกับสวนส้มจะสร้างทางเลียบหนองน้ำดังกล่าว เข้าไปสู่บริเวณลำเหมืองของหมู่บ้านด้วย
ปรากฏว่า สวนส้มธนาธร กลับไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง สร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้านมาก จนเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับเจ้าของสวนส้ม และปิดถนนในหมู่บ้าน ไม่ให้รถของสวนส้มธนาธรเข้า-ออกผ่านหมู่บ้านตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ชาวบ้านตกลงยอมเปิดถนน ให้รถของสวนส้มธนาธร ผ่านเข้า-ออกได้แล้ว
นายจันทร์ หนองหิน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 บ้านสันทรายคองน้อย เปิดเผยว่า เดิมเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ชาวบ้านได้มีข้อตกลงร่วมกัน ว่าจะก่อสร้างรั้วกันหนองน้ำสาธารณะ ของหมู่บ้านที่อยู่ติดกับพื้นที่ของสวนส้มธนาธรขึ้นใหม่ หลังจากที่ถูกรื้อถอนไปก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ก่อนที่ชาวบ้านจะลงมือก่อสร้างรั้วขึ้นใหม่ นายอำเภอฝาง และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในอำเภอฝาง รวมทั้งนายสันติ ตันสุหัช ส.ส.เชียงใหม่ เขต 10 ได้มาเจรจากับกลุ่มชาวบ้านและตัวแทนของสวนส้มธนาธร ในฐานะคนกลาง เพื่อขอให้ทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงกันได้อย่างสันติวิธี
โดยเสนอว่า อำเภอจะร่างหนังสือข้อตกลง ระหว่างทั้งสองฝ่าย ที่เบื้องต้นมีรายละเอียดว่า จะให้สวนส้มสร้างเส้นทางผ่านหนองน้ำเข้าไปสู่ลำเหมืองสาธารณะของหมู่บ้านได้ รวมทั้งสวนส้มจะรื้อถอนท่อน้ำของสวนส้ม ที่วางต่อกับลำเหมืองออก แล้วยกให้เป็นพื้นที่สาธารณะ ที่สามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ เพื่อให้ชาวบ้านได้รับประโยชน์เต็มที่ ซึ่งข้อเสนอดังกล่าว เป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่าย โดยอำเภอจะเร่งกลับไปร่างรายละเอียดข้อตกลงทั้งหมด และจัดให้มีการลงนามร่วมกันต่อไปโดยเร็วที่สุด
จากการที่สามารถเจรจาตกลงกันได้ กลุ่มชาวบ้านจึงได้ยกเลิกการก่อสร้างรั้วกั้นหนองน้ำ รวมทั้งทำการเปิดถนนเข้าออกหมู่บ้าน ให้รถของสวนส้มธนาธรสามารถผ่านเข้า-ออกได้อย่างเป็นปกติแล้ว
"ใจจริงของชาวบ้านไม่ได้ต้องการให้เกิดความขัดแย้งขึ้น เมื่อสามารถตกลงกันได้ โดยสวนส้มยินยอมที่จะสร้างทางสาธารณะเข้าลำเหมือง และรื้อท่อที่วางไว้ออก ชาวบ้านก็มีความยินดีและอยากให้ดำเนินการโดยเร็วที่สุด โดยที่ทั้งสวนส้มได้รับประโยชน์ และชาวบ้านก็ได้รับประโยชน์" นายจันทร์ กล่าว
นอกจากนี้นายจันทร์ ยอมรับว่า ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ระหว่างชาวบ้านกับสวนส้ม อาจจะมีการกระทบกระทั่งกันเกิดขึ้นบ้าง แต่มองว่าทั้งสองฝ่ายไม่ตั้งใจจะทำให้เกิดความรุนแรงขึ้น ดังนั้น หากสามารถหาจุดยืนให้อยู่ร่วมกันได้ โดยที่ได้รับประโยชน์ทั้งสองฝ่ายแล้วจึงน่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า ซึ่งเวลานี้มีความคิดว่า เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจะนำตัวแทนชาวบ้าน เข้าพบกับเจ้าของสวนส้มธนาธร เพื่อขอขมาในสิ่งที่ผ่านๆ มา เนื่องจากเป็นผู้ที่อาวุโสกว่า และขอให้อยู่ร่วมกันเหมือนพี่น้อง
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้าที่จะมีการเจรจาตกลงกันได้ระหว่างกลุ่มชาวบ้านกับสวนส้มธนาธรนั้น ได้มีข่าวลือในพื้นที่อย่างหนาหูว่ามีผู้มีอิทธิพลบางราย ที่มีความสนิทสนมกับทางสวนส้มธนาธรได้ข่มขู่เอาชีวิตแกนนำชาวบ้าน ที่มีความขัดแย้งกับสวนส้ม ซึ่งจากข่าวลือที่ออกมา ได้สร้างความไม่สบายใจให้กับชาวบ้าน จึงได้มีการนำเรื่องแจ้งให้กับปลัดอาวุโสอำเภอฝาง และสารวัตรปราบปรามของสถานีตำรวจภูธรอำเภอฝางทราบแล้วด้วยวาจาเพื่อขอความคุ้มครอง
จากกรณีความขัดแย้ง ระหว่างชาวบ้านหมู่ที่ 6 บ้านสันทรายคองน้อย ต.เวียง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ กับสวนส้มธนาธร ที่เกิดขึ้น จากการที่คนงานของสวนส้ม ได้ไปรื้อถอนรั้วกั้นหนองน้ำสาธารณะของหมู่บ้านออก ทั้งๆ ที่ได้เคยมีการทำข้อตกลงร่วมกันแล้ว ว่าจะกั้นรั้วไว้เพื่อกันเป็นพื้นที่สาธารณะ พร้อมกับสวนส้มจะสร้างทางเลียบหนองน้ำดังกล่าว เข้าไปสู่บริเวณลำเหมืองของหมู่บ้านด้วย
ปรากฏว่า สวนส้มธนาธร กลับไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง สร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้านมาก จนเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับเจ้าของสวนส้ม และปิดถนนในหมู่บ้าน ไม่ให้รถของสวนส้มธนาธรเข้า-ออกผ่านหมู่บ้านตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ชาวบ้านตกลงยอมเปิดถนน ให้รถของสวนส้มธนาธร ผ่านเข้า-ออกได้แล้ว
นายจันทร์ หนองหิน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 บ้านสันทรายคองน้อย เปิดเผยว่า เดิมเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ชาวบ้านได้มีข้อตกลงร่วมกัน ว่าจะก่อสร้างรั้วกันหนองน้ำสาธารณะ ของหมู่บ้านที่อยู่ติดกับพื้นที่ของสวนส้มธนาธรขึ้นใหม่ หลังจากที่ถูกรื้อถอนไปก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ก่อนที่ชาวบ้านจะลงมือก่อสร้างรั้วขึ้นใหม่ นายอำเภอฝาง และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในอำเภอฝาง รวมทั้งนายสันติ ตันสุหัช ส.ส.เชียงใหม่ เขต 10 ได้มาเจรจากับกลุ่มชาวบ้านและตัวแทนของสวนส้มธนาธร ในฐานะคนกลาง เพื่อขอให้ทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงกันได้อย่างสันติวิธี
โดยเสนอว่า อำเภอจะร่างหนังสือข้อตกลง ระหว่างทั้งสองฝ่าย ที่เบื้องต้นมีรายละเอียดว่า จะให้สวนส้มสร้างเส้นทางผ่านหนองน้ำเข้าไปสู่ลำเหมืองสาธารณะของหมู่บ้านได้ รวมทั้งสวนส้มจะรื้อถอนท่อน้ำของสวนส้ม ที่วางต่อกับลำเหมืองออก แล้วยกให้เป็นพื้นที่สาธารณะ ที่สามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ เพื่อให้ชาวบ้านได้รับประโยชน์เต็มที่ ซึ่งข้อเสนอดังกล่าว เป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่าย โดยอำเภอจะเร่งกลับไปร่างรายละเอียดข้อตกลงทั้งหมด และจัดให้มีการลงนามร่วมกันต่อไปโดยเร็วที่สุด
จากการที่สามารถเจรจาตกลงกันได้ กลุ่มชาวบ้านจึงได้ยกเลิกการก่อสร้างรั้วกั้นหนองน้ำ รวมทั้งทำการเปิดถนนเข้าออกหมู่บ้าน ให้รถของสวนส้มธนาธรสามารถผ่านเข้า-ออกได้อย่างเป็นปกติแล้ว
"ใจจริงของชาวบ้านไม่ได้ต้องการให้เกิดความขัดแย้งขึ้น เมื่อสามารถตกลงกันได้ โดยสวนส้มยินยอมที่จะสร้างทางสาธารณะเข้าลำเหมือง และรื้อท่อที่วางไว้ออก ชาวบ้านก็มีความยินดีและอยากให้ดำเนินการโดยเร็วที่สุด โดยที่ทั้งสวนส้มได้รับประโยชน์ และชาวบ้านก็ได้รับประโยชน์" นายจันทร์ กล่าว
นอกจากนี้นายจันทร์ ยอมรับว่า ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ระหว่างชาวบ้านกับสวนส้ม อาจจะมีการกระทบกระทั่งกันเกิดขึ้นบ้าง แต่มองว่าทั้งสองฝ่ายไม่ตั้งใจจะทำให้เกิดความรุนแรงขึ้น ดังนั้น หากสามารถหาจุดยืนให้อยู่ร่วมกันได้ โดยที่ได้รับประโยชน์ทั้งสองฝ่ายแล้วจึงน่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า ซึ่งเวลานี้มีความคิดว่า เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจะนำตัวแทนชาวบ้าน เข้าพบกับเจ้าของสวนส้มธนาธร เพื่อขอขมาในสิ่งที่ผ่านๆ มา เนื่องจากเป็นผู้ที่อาวุโสกว่า และขอให้อยู่ร่วมกันเหมือนพี่น้อง
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้าที่จะมีการเจรจาตกลงกันได้ระหว่างกลุ่มชาวบ้านกับสวนส้มธนาธรนั้น ได้มีข่าวลือในพื้นที่อย่างหนาหูว่ามีผู้มีอิทธิพลบางราย ที่มีความสนิทสนมกับทางสวนส้มธนาธรได้ข่มขู่เอาชีวิตแกนนำชาวบ้าน ที่มีความขัดแย้งกับสวนส้ม ซึ่งจากข่าวลือที่ออกมา ได้สร้างความไม่สบายใจให้กับชาวบ้าน จึงได้มีการนำเรื่องแจ้งให้กับปลัดอาวุโสอำเภอฝาง และสารวัตรปราบปรามของสถานีตำรวจภูธรอำเภอฝางทราบแล้วด้วยวาจาเพื่อขอความคุ้มครอง