เลือกตั้งใหม่กาญจนบุรี ไม่คึกคัก เริ่มนับคะแนน 21.00 น. คาดรู้ผลเที่ยงคืน ขณะที่ เขต 3 อุบลราชธานี คึกคึก “โกวิทย์” มั่นใจชนะแน่ ด้านผู้สนับสนุน “วิฑูรย์” นำหลักฐานพร้อมพยานเข้าแจ้งความมีการแจกเงินให้เลือกเบอร์ 9 ปชป.สกัดโกงช่วงนับคะแนนนำชาวบ้านนับ 100 ร้อง กกต.ขอบันทึกวีดีโอ ที่สุด กกต.เขตอนุญาต เริ่มนับคะแนน 21.00 น. รู้ผลเช้าวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (20 ก.พ.) ซึ่ง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีคำสั่งให้เลือกตั้ง ส.ส.ใหม่ จำนวน 2 เขตรือ เขตเลือกตั้งที่ 3 จ.อุบลราชธานี เนื่องจาก นายวิฑูรย์ นามบุตร ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้คะแนนสูงสุด ถูกใบเหลือง เนื่องจากทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และเขตเลือกตั้งที่ 3 จ.กาญจนบุรี เนื่องจาก กกต.สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง นายปราเมศ โพธารากุล ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้คะแนนสูงสุด เนื่องจากเป็นสมาชิกพรรคการเมืองเกินกว่า 1 พรรค
สำหรับ เขต 3 จ.กาญจนบุรี ซึ่งมีผู้สมัครลงเลือกตั้ง ส.ส.เพียง 2 คน คือ นายปราเมศ และนายเรวัต สิรินุกูล ผู้สมัครจากพรรคไทยรักไทย ดังนั้นเมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ นายเรวัต จึงมีสิทธิลงเลือกตั้งเพียงคนเดียว แต่ต้องได้คะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 20 % ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แต่ถ้าน้อยกว่านั้นจะต้องเลือกตั้งใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเปิดหีบลงคะแนนทั้ง 2 เขต ปรากฎว่าบรรยากาศ จ.กาญจนบุรี เป็นไปด้วยความเงียบเหงา เพราะเหลือผู้สมัครเพียงคนเดีย
นางอารีย์ อิ้งจะนิล ประธาน กกต.กาญจนบุรี กล่าวภายหลังเดินทางตรวจความเรียบร้อยในหน่วยเลือกตั้งต่าง ๆ ว่า การเลือกตั้งเรียบร้อย เป็นปกติ สำหรับประชาชนคงออกมาใช้สิทธิ์น้อยกว่าครั้งที่แล้วอย่างแน่นอน แต่คงไม่น่าจะมีปัญหา โดยหลังปิดหีบเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่ก็จะนำหีบมาส่งที่สถานที่นับคะแนนที่ศาลาประชาคมอ.ท่ามะกา จากนั้นคาดว่าจะเริ่มนับคะแนนได้ในเวลา 21.00 น. และเสร็จสิ้นประมาณ 24.00 น. ซึ่งน่าจะทราบผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการแล้ว
ส่วน เขต 3 จ.อุบลราชธานี มีผู้สมัครเดิม 5 คน จึงต้องแข่งขันกันใหม่ ประกอบด้วย นายวิฑูรย์ นามบุตร พรรคประชาธิปัตย์ นายโกวิทย์ ธรรมานุชิต พรรคไทยรักไทย นายชัชวาล วาระนุช พรรคมหาชน นายอำพล สุวรรณกูฎ พรรคชาติประชาธิปไตย และนางอรทัย รัศมี พรรคความหวังใหม่ โดยบรรยากาศการเลือกตั้ง มีความคึกคักมากเนื่องจากยังคงมีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้นระหว่างผู้สมัคร 5 คน 5 พรรคการเมือง โดยเฉพาะ ผู้สมัครที่แข่งกันรุนแรงคือ นายวิฑูรย์ กับนาย โกวิทย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศ ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 6 หมู่ที่ 5 เทศบาล ตำบลเขื่องใน อ.เขื่องใน ซึ่งหน่วยเลือกตั้งอยู่ที่ศาลากลางบ้าน บ้านสว่าง มีผู้มาใช้สิทธิ เป็นจำนวนมาก ต่อคิวเป็นแถวยาว และในหน่วยเลือกตั้งดังกล่าว มีผู้สมัครจาก 2 พรรคการเมือง คือ นายวิฑูรย์ และนายโกวิท มาใช้สิทธิ
นายโกวิทย์ กล่าวภายหลังใช้สิทธิเลือกตั้ง ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เวลาไม่ห่างจาก ครั้งที่ผ่านมา แม้เวลาหาเสียงจะค่อนข้างสั้น แต่มีแกนนำของพรรคมาช่วยหาเสียง ประชาชนเข้าใจถึงทิศทางทางการเมืองว่าควรจะเลือก ส.ส.อย่างไร มั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นไปตามกฎหมายและจะเป็นครั้งสุดท้าย
ด้านนายวิฑูรย์ ซึ่งเดินทางมาลงคะแนนเวลา 10.30 น. พร้อมภรรยาและบุตรสาววัย 10 ปี ซึ่งขับรถยนต์มาให้ เพื่อเป็นการเอาฤกษ์ โดยกล่าวว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมาบุตรสาวคนดังกล่าวก็ขับรถมาให้ตนลงคะแนน สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ มีเวลาหาเสียงน้อย ทั้งนี้ ได้พยายามแจ้ง กกต.ถึงพฤติกรรมต่างๆ ที่ไม่ค่อยปกติ แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ จึงอยากให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิให้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องจับตาเป็นพิเศษคือหลังจากปิดหีบแล้วต้องดูการขนหีบ โดยได้ให้ทีมงานขับรถตามประกบหีบบัตรเลือกตั้งของทุกหน่วย รวมทั้งต้องเฝ้าดูการนับคะแนนด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า บ่ายวันเดียวกัน นายสุวิทย์ แวววงศ์ กำนันตำบลค้อทอง อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ได้นำชาวบ้านหมู่ 3 และ 4 ต.ค้อทอง รวม 4 คน และรายชื่อชาวบ้านอีก 2 คน เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ จริยเพียรพันธุ์ พนักงานสอบสวนสบ.1 สภ.อ.เขื่องใน ว่าได้รับแจกเงินคนละ 200 บาท จากสมาชิก อบต.ค้อทอง รายหนึ่ง ระบุให้เลือกผู้สมัครหมายเลข 9 พรรคไทยรักไทย
ขณะเดียวกัน นายถนอม ส่งสุข และนายปัญญา สรวิชิต ทนายความของ นายวิฑูรย์ นามบุตร ได้นำ นางพิศมัย แย้มโชติ ชาวบ้านหมู่ 3 ตำบลก่อเอ้ อ.เขื่องใน เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ เช่นกัน โดยบอกว่าได้รับแจกเงินจากหัวคะแนนพรรคไทยรักไทย 200 บาท จึงได้รับหลักฐานเป็นธนบัตรฉบับละ 100 บาท รวม 14 ฉบับ เพื่อดำเนินการต่อไป
ขณะเดียวกันมีรายงานระบุว่า เมื่อกลางดึกวันที่ 19 ก.พ.ก่อนวันลงคะแนน มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มชายฉกรรจ์เป็นกลุ่มย่อย 3-4 คน สะพายกระเป๋ากระจายพบปะประชาชน ที่มีสิทธิในเขตเลือกตั้งพร้อมกันทั่วทั้งเขต แต่เมื่อชุดเคลื่อนที่เร็ว กกต.ได้รับแจ้ง แล้วจะเข้าตรวจสอบชายฉกรรจ์เหล่านี้ได้พากันสลายตัว โดยขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
นางมารศรี บุญรินทร์ ผอ.การเลือกตั้งกล่าวว่า การมาใช้สิทธิของประชาชนตลอดทั้งวัน ไม่มีปัญหาใดๆเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่สามารถอำนวยความสะดวกให้ใช้สิทธิได้อย่างเต็มที่ เพราะครั้งที่แล้วมีผู้ใช้สิทธิได้เพียง 750 คน แต่ครั้งนี้ มีผู้มาใช้สิทธิลงคะแนนไปแล้ว 872 ราย จากจำนวน 1,380 คน ทำให้คาดว่า จะมีผู้ใช้สิทธิที่หน่วยกว่า 80 %
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากปิดหีบบัตรเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งได้รีบขนหีบบัตรมาส่งยัง สำนักงานเขตเลือกตั้งที่ 3 หลังที่ว่าการอำเภอเขื่องใน ซึ่งเป็นสถานที่นับคะแนนโดยหีบบัตรที่มาถึงเป็นหน่วยแรก คือ หน่วยเลือกตั้งที่ 10 ต.ยางขี้นก ส่วนหน่วยเลือกตั้งที่มาเป็นหน่วยสุดท้าย คือ หน่วยเลือกตั้งที่ 19 ต.ขามใหญ่ มาถึงในเวลา 16.55 น.
นายสัมฤทธิ์ ศรีสว่าง ประธาน กกต.ประจำเขต 3 อุบลราชธานี กล่าวว่า การขนหีบบัตรมารวมเพื่อนับคะแนนจะเร็วกว่าครั้งที่ผ่านมา และไม่น่ามีปัญหาอะไร ทั้งนี้การนับคะแนนได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 100 นาย เพื่อดูแลความสงบและป้องกันการประท้วง ส่วนการนับคะแนนคาดว่าจะเริ่มนับได้ก่อนเวลา 21.00 น.และจะรู้ผลอย่างไม่เป็นทางการในช่วงเช้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเวลา 17.40 น. ซึ่งเป็นช่วงที่หีบบัตรเลือกตั้งมาครบหมดแล้ว และอยู่ในระหว่างการตรวจสอบเอกสารและยอดผู้ใช้สิทธิ ได้มีกลุ่มผู้สนับสนุน นายวิฑูรย์ มารวมตัวกันที่บริเวณด้านหน้าสถานที่นับคะแนน นำโดย นายเทพพนม ศิริวิทยาลักษณ์ ตัวแทนผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ได้ยื่นหนังสือต่อนายกฤษ์ชัย บุญโปร่ง กกต.เขต 3 โดยขอให้ กกต.อนุญาตให้นำกล้องวิดีโอ เข้าไปถ่ายภาพการตรวจนับคะแนนและร่วมสังเกตการณ์หน้าป้ายนับคะแนน
หลังจากนั้น กกต.เขตได้เชิญตัวแทนขึ้นไปหารือที่บริเวณชั้น 2 ของสถานที่นับคะแนน ขณะที่ประชาชนผู้สนับสนุนอีกเกือบ 100 คน ได้รออยู่ที่ประตูด้านล่าง พร้อมส่งเสียงโห่ร้อง เพื่อขอความเป็นธรรมและมองว่าการเลือกตั้งไม่โปร่งใส
ทั้งนี้เมื่อแกนนำได้หารือเรียบร้อยแล้วได้ลงมาแจ้งต่อผู้ชุมนุมว่า กกต.อนุญาตให้นำกล้องเข้าไปถ่ายภาพและร่วมสังเกตการณ์ได้ อย่างไรก็ตาม ยังมีชาวบ้านบางส่วนไม่พอใจที่ไม่ได้ไปร่วมถ่ายภาพและสังเกตการณ์ตั้งแต่หีบบัตรมาถึง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (20 ก.พ.) ซึ่ง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีคำสั่งให้เลือกตั้ง ส.ส.ใหม่ จำนวน 2 เขตรือ เขตเลือกตั้งที่ 3 จ.อุบลราชธานี เนื่องจาก นายวิฑูรย์ นามบุตร ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้คะแนนสูงสุด ถูกใบเหลือง เนื่องจากทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และเขตเลือกตั้งที่ 3 จ.กาญจนบุรี เนื่องจาก กกต.สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง นายปราเมศ โพธารากุล ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้คะแนนสูงสุด เนื่องจากเป็นสมาชิกพรรคการเมืองเกินกว่า 1 พรรค
สำหรับ เขต 3 จ.กาญจนบุรี ซึ่งมีผู้สมัครลงเลือกตั้ง ส.ส.เพียง 2 คน คือ นายปราเมศ และนายเรวัต สิรินุกูล ผู้สมัครจากพรรคไทยรักไทย ดังนั้นเมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ นายเรวัต จึงมีสิทธิลงเลือกตั้งเพียงคนเดียว แต่ต้องได้คะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 20 % ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แต่ถ้าน้อยกว่านั้นจะต้องเลือกตั้งใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเปิดหีบลงคะแนนทั้ง 2 เขต ปรากฎว่าบรรยากาศ จ.กาญจนบุรี เป็นไปด้วยความเงียบเหงา เพราะเหลือผู้สมัครเพียงคนเดีย
นางอารีย์ อิ้งจะนิล ประธาน กกต.กาญจนบุรี กล่าวภายหลังเดินทางตรวจความเรียบร้อยในหน่วยเลือกตั้งต่าง ๆ ว่า การเลือกตั้งเรียบร้อย เป็นปกติ สำหรับประชาชนคงออกมาใช้สิทธิ์น้อยกว่าครั้งที่แล้วอย่างแน่นอน แต่คงไม่น่าจะมีปัญหา โดยหลังปิดหีบเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่ก็จะนำหีบมาส่งที่สถานที่นับคะแนนที่ศาลาประชาคมอ.ท่ามะกา จากนั้นคาดว่าจะเริ่มนับคะแนนได้ในเวลา 21.00 น. และเสร็จสิ้นประมาณ 24.00 น. ซึ่งน่าจะทราบผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการแล้ว
ส่วน เขต 3 จ.อุบลราชธานี มีผู้สมัครเดิม 5 คน จึงต้องแข่งขันกันใหม่ ประกอบด้วย นายวิฑูรย์ นามบุตร พรรคประชาธิปัตย์ นายโกวิทย์ ธรรมานุชิต พรรคไทยรักไทย นายชัชวาล วาระนุช พรรคมหาชน นายอำพล สุวรรณกูฎ พรรคชาติประชาธิปไตย และนางอรทัย รัศมี พรรคความหวังใหม่ โดยบรรยากาศการเลือกตั้ง มีความคึกคักมากเนื่องจากยังคงมีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้นระหว่างผู้สมัคร 5 คน 5 พรรคการเมือง โดยเฉพาะ ผู้สมัครที่แข่งกันรุนแรงคือ นายวิฑูรย์ กับนาย โกวิทย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศ ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 6 หมู่ที่ 5 เทศบาล ตำบลเขื่องใน อ.เขื่องใน ซึ่งหน่วยเลือกตั้งอยู่ที่ศาลากลางบ้าน บ้านสว่าง มีผู้มาใช้สิทธิ เป็นจำนวนมาก ต่อคิวเป็นแถวยาว และในหน่วยเลือกตั้งดังกล่าว มีผู้สมัครจาก 2 พรรคการเมือง คือ นายวิฑูรย์ และนายโกวิท มาใช้สิทธิ
นายโกวิทย์ กล่าวภายหลังใช้สิทธิเลือกตั้ง ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เวลาไม่ห่างจาก ครั้งที่ผ่านมา แม้เวลาหาเสียงจะค่อนข้างสั้น แต่มีแกนนำของพรรคมาช่วยหาเสียง ประชาชนเข้าใจถึงทิศทางทางการเมืองว่าควรจะเลือก ส.ส.อย่างไร มั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นไปตามกฎหมายและจะเป็นครั้งสุดท้าย
ด้านนายวิฑูรย์ ซึ่งเดินทางมาลงคะแนนเวลา 10.30 น. พร้อมภรรยาและบุตรสาววัย 10 ปี ซึ่งขับรถยนต์มาให้ เพื่อเป็นการเอาฤกษ์ โดยกล่าวว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมาบุตรสาวคนดังกล่าวก็ขับรถมาให้ตนลงคะแนน สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ มีเวลาหาเสียงน้อย ทั้งนี้ ได้พยายามแจ้ง กกต.ถึงพฤติกรรมต่างๆ ที่ไม่ค่อยปกติ แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ จึงอยากให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิให้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องจับตาเป็นพิเศษคือหลังจากปิดหีบแล้วต้องดูการขนหีบ โดยได้ให้ทีมงานขับรถตามประกบหีบบัตรเลือกตั้งของทุกหน่วย รวมทั้งต้องเฝ้าดูการนับคะแนนด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า บ่ายวันเดียวกัน นายสุวิทย์ แวววงศ์ กำนันตำบลค้อทอง อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ได้นำชาวบ้านหมู่ 3 และ 4 ต.ค้อทอง รวม 4 คน และรายชื่อชาวบ้านอีก 2 คน เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ จริยเพียรพันธุ์ พนักงานสอบสวนสบ.1 สภ.อ.เขื่องใน ว่าได้รับแจกเงินคนละ 200 บาท จากสมาชิก อบต.ค้อทอง รายหนึ่ง ระบุให้เลือกผู้สมัครหมายเลข 9 พรรคไทยรักไทย
ขณะเดียวกัน นายถนอม ส่งสุข และนายปัญญา สรวิชิต ทนายความของ นายวิฑูรย์ นามบุตร ได้นำ นางพิศมัย แย้มโชติ ชาวบ้านหมู่ 3 ตำบลก่อเอ้ อ.เขื่องใน เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ เช่นกัน โดยบอกว่าได้รับแจกเงินจากหัวคะแนนพรรคไทยรักไทย 200 บาท จึงได้รับหลักฐานเป็นธนบัตรฉบับละ 100 บาท รวม 14 ฉบับ เพื่อดำเนินการต่อไป
ขณะเดียวกันมีรายงานระบุว่า เมื่อกลางดึกวันที่ 19 ก.พ.ก่อนวันลงคะแนน มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มชายฉกรรจ์เป็นกลุ่มย่อย 3-4 คน สะพายกระเป๋ากระจายพบปะประชาชน ที่มีสิทธิในเขตเลือกตั้งพร้อมกันทั่วทั้งเขต แต่เมื่อชุดเคลื่อนที่เร็ว กกต.ได้รับแจ้ง แล้วจะเข้าตรวจสอบชายฉกรรจ์เหล่านี้ได้พากันสลายตัว โดยขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
นางมารศรี บุญรินทร์ ผอ.การเลือกตั้งกล่าวว่า การมาใช้สิทธิของประชาชนตลอดทั้งวัน ไม่มีปัญหาใดๆเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่สามารถอำนวยความสะดวกให้ใช้สิทธิได้อย่างเต็มที่ เพราะครั้งที่แล้วมีผู้ใช้สิทธิได้เพียง 750 คน แต่ครั้งนี้ มีผู้มาใช้สิทธิลงคะแนนไปแล้ว 872 ราย จากจำนวน 1,380 คน ทำให้คาดว่า จะมีผู้ใช้สิทธิที่หน่วยกว่า 80 %
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากปิดหีบบัตรเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งได้รีบขนหีบบัตรมาส่งยัง สำนักงานเขตเลือกตั้งที่ 3 หลังที่ว่าการอำเภอเขื่องใน ซึ่งเป็นสถานที่นับคะแนนโดยหีบบัตรที่มาถึงเป็นหน่วยแรก คือ หน่วยเลือกตั้งที่ 10 ต.ยางขี้นก ส่วนหน่วยเลือกตั้งที่มาเป็นหน่วยสุดท้าย คือ หน่วยเลือกตั้งที่ 19 ต.ขามใหญ่ มาถึงในเวลา 16.55 น.
นายสัมฤทธิ์ ศรีสว่าง ประธาน กกต.ประจำเขต 3 อุบลราชธานี กล่าวว่า การขนหีบบัตรมารวมเพื่อนับคะแนนจะเร็วกว่าครั้งที่ผ่านมา และไม่น่ามีปัญหาอะไร ทั้งนี้การนับคะแนนได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 100 นาย เพื่อดูแลความสงบและป้องกันการประท้วง ส่วนการนับคะแนนคาดว่าจะเริ่มนับได้ก่อนเวลา 21.00 น.และจะรู้ผลอย่างไม่เป็นทางการในช่วงเช้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเวลา 17.40 น. ซึ่งเป็นช่วงที่หีบบัตรเลือกตั้งมาครบหมดแล้ว และอยู่ในระหว่างการตรวจสอบเอกสารและยอดผู้ใช้สิทธิ ได้มีกลุ่มผู้สนับสนุน นายวิฑูรย์ มารวมตัวกันที่บริเวณด้านหน้าสถานที่นับคะแนน นำโดย นายเทพพนม ศิริวิทยาลักษณ์ ตัวแทนผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ได้ยื่นหนังสือต่อนายกฤษ์ชัย บุญโปร่ง กกต.เขต 3 โดยขอให้ กกต.อนุญาตให้นำกล้องวิดีโอ เข้าไปถ่ายภาพการตรวจนับคะแนนและร่วมสังเกตการณ์หน้าป้ายนับคะแนน
หลังจากนั้น กกต.เขตได้เชิญตัวแทนขึ้นไปหารือที่บริเวณชั้น 2 ของสถานที่นับคะแนน ขณะที่ประชาชนผู้สนับสนุนอีกเกือบ 100 คน ได้รออยู่ที่ประตูด้านล่าง พร้อมส่งเสียงโห่ร้อง เพื่อขอความเป็นธรรมและมองว่าการเลือกตั้งไม่โปร่งใส
ทั้งนี้เมื่อแกนนำได้หารือเรียบร้อยแล้วได้ลงมาแจ้งต่อผู้ชุมนุมว่า กกต.อนุญาตให้นำกล้องเข้าไปถ่ายภาพและร่วมสังเกตการณ์ได้ อย่างไรก็ตาม ยังมีชาวบ้านบางส่วนไม่พอใจที่ไม่ได้ไปร่วมถ่ายภาพและสังเกตการณ์ตั้งแต่หีบบัตรมาถึง