xs
xsm
sm
md
lg

ผมไม่เชื่อว่าจะแก้ปัญหาภาคใต้ได้สำเร็จ (1)

เผยแพร่:   โดย: ยอดธง ทับทิวไม้

tavanron@yahoo.com

ผมไม่ได้ดูถูกใครหรือคัดค้านอะไรใคร เป็นเพียงแต่การทักท้วงตามธรรมดาเท่านั้นเอง

นั่นคือการแก้ปัญหาภาคใต้ซึ่งนายกรัฐมนตรีเดินทางลงไปประชุมที่ภาคใต้แล้ว และหวังว่าจะรู้เรื่องอะไรมากขึ้น ทั้งเรื่องปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้เป็นเรื่องเก่าที่สุดในบรรดาปัญหาของชาติไทยทั้งหมดในขณะนี้

เวลาผ่านไปแล้วเป็นปีแต่เราแก้อะไรไม่ได้แม้แต่ในฝัน ทั้งๆ ที่เราทุกคนทุกฝ่ายก็เก่งกันอย่างยิ่ง

ที่เราแก้ไม่ได้เพราะเหตุ 3 ประการเท่านั้นคือ (1) เราประมาทเกินไป ที่นึกว่าถ้ามีประเทศมีอำนาจ และมีกองทัพแล้วจะแก้ปัญหาได้ (2) เราแก้ปัญหากันโดยที่เราไม่รู้อะไรเลยว่าเรื่องราวหรือต้นตอของปัญหามันเป็นมายังไง แต่เราก็จะแก้กันสนุกสนานไปวันๆ ทั้งที่เราไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทั้งเรื่องปัญหาพื้นฐานของภาคใต้ และปัญหาคนภาคใต้ (3) เราไปคิดแต่เพียงว่าถ้าเกิดมาเป็นนักการเมืองไทยและเป็นรัฐบาลไทยแล้ว เราต้องเก่งหมดทุกอย่างและรู้เรื่องทุกอย่าง

นั่นแหละคือสาเหตุสำคัญของการแก้อะไรไม่ได้

และที่เลวที่สุดคือเรื่องของภาคใต้เป็นเรื่องเล็กๆ แต่เรา "เสือก" ทำและพยายามทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ไปจนกระทั่งไม่มีทางจะเรียกร้องให้สภาพเดิมมันกลับคืนมา หรืออาจจะเรียกได้ว่าสายเกินไปแล้วสำหรับตอนนี้

ที่น่าอนาถที่สุดก็คือ การพยายามสร้างข่าวของคนพวกหนึ่งซึ่งพากันนั่งง่วงเหงาหาวนอนอยู่ในภาคใต้ เพราะไม่รู้อะไร และไม่ทำอะไร นั่นคือคนที่ต้องคอยหาเรื่องที่จะทำลายใครสักคนหนึ่งหรือพวกหนึ่งว่าคนพวกนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก มันคือพวกที่จะ แบ่งแยกดินแดน 3 จังหวัด ของเราเป็นประเทศเอกราชอีกประเทศหนึ่งนั่นเอง ซึ่งเป็นเรื่องเก่าที่งัดขึ้นมาพูดวันไหนก็เป็นเรื่องวันนั้น

บรรดามนุษย์ที่อยู่กับความโง่ความเขลาที่สุดในกรุงเทพฯ ก็นั่งหลับหูหลับตาเชื่อกันไป แล้วก็ร่วมกันประโคมให้เป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นมา ทั้งๆ ที่คนที่ถูกกล่าวหานั้นเป็นเพียงคนคนเดียว ไม่เป็นกองทัพกองพลอะไรที่ไหน แต่ ใส่ไข่ทาสี กันเสียจนกระทั่งหลายสิบปีต่อมา ลูกหลานก็ต้องรับเคราะห์กรรมกันต่อไปอีก ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้

ก็คุณเด่น โต๊ะมีนา ไงล่ะ!

ง่ายดี!!

คุณเด่น โต๊ะมีนา เป็นนักการเมืองคนสำคัญคนหนึ่งของภาคใต้ ซึ่งรวมอยู่กับกลุ่มวาดะห์ ซึ่งนักการเมืองมุสลิมทุกคนก็เข้ามาอยู่กันอย่างเรียบร้อยเป็นเรื่องเป็นราวหลายปีมาแล้ว เฉพาะอย่างยิ่งมี คุณวันมูหะมัดนอร์ มะทา อีกคนหนึ่งซึ่งมีตำแหน่งเป็นกรรมการขององค์การมุสลิมโลกท่านหนึ่ง ก็กลายมาเป็นพวกแบ่งแยกดินแดนขึ้นมาพร้อมกับทุกคนเพราะท่านเป็นคนกลุ่มวาดะห์ และท่านก็เป็นไทย ต้นตระกูลของท่านไม่ได้เป็นผู้อพยพโยกย้ายมาจากอิรักอิหร่านหรือซีเรีย ท่านเป็นคนไทยมากกว่าลูกคนจีนที่เข้ามาเป็นรัฐมนตรี และเป็นใหญ่เป็นโตกันในบ้านเมืองทุกวันนี้เป็นไหนๆ ซึ่งทุกคนก็จะพูดกันเต็มปากว่าเป็นคนไทย และไม่มีใครไปลงโทษว่าท่านจะต้องแบ่งแยกเยาวราชหรือราชวงศ์ไปอยู่กับปักกิ่งหรือไต้หวัน

รัฐบาลไทยหรือนักการเมืองไทย จะรู้เรื่องภาคใต้อย่างมากก็เพียงเท่านั้น

และอย่างที่กล่าวมาแล้วก็คือ (ในข้อที่ 2) ปัญหาพื้นฐานของภาคใต้ และปัญหาคนภาคใต้ทุกวันนี้ต่างจากคนภาคใต้สมัยเมื่อ 40 ปีหรือ 50 ปีก่อน สมัยนั้นคนภาคใต้และคนมุสลิมไม่รู้อะไรมากนอกจากการทำมาหากินตามปกติ ไม่มีอะไรที่จะต้องคิดและไม่มีอะไรจะต้องระมัดระวัง ใครมีกินก็กิน ใครอยู่ได้ยังไงก็อยู่กันอย่างนั้น และคนเหล่านี้แก่เฒ่าและตายไปหมดแล้ว คนภาคใต้ทุกวันนี้ จึงเป็นคนรุ่นใหม่ที่อยู่กับความคิดความอ่านใหม่ๆ ทั้งสิ้น เฉพาะอย่างยิ่ง การตื่นตัวทางการเมือง หรือมีปัญหาทางการเมืองไม่ว่ามากหรือน้อยเข้ามาพัวพันกับชีวิต และความเป็นอยู่มากเข้าจนกระทั่งในที่สุดการเมืองที่เข้ามาอบรมสั่งสอนคนภาคใต้ชนิดเอาเป็นเอาตาย หรือเอาจริงเอาจัง นั่นก็คือ การมาของคอมมิวนิสต์ คนไทยที่นั่นเริ่มคิดว่าอะไรเป็นอะไร และรู้ว่าตัวจะต้องทำอะไรหรือจะได้อะไรขึ้นมาบ้าง ในที่สุดเมื่อถึงเวลาสุขงอมเข้า คอมมิวนิสต์ก็มีขบวนการที่พร้อมไปทั้งยุทธศาสตร์ และยุทธวิธีที่จะให้การศึกษาอบรมแก่คนรุ่นใหม่นั้น ทั้งไทยและมุสลิม

จากการเกิดมาเป็นคนไทยไม่ว่าภาคใต้หรือที่ไหน ในยุคสมัยอันเต็มไปด้วยความยากจนและความไม่รู้นั้น ทุกคนจะมีชีวิตอยู่และทำมาหากินไปตามมีตามเกิด สิ่งที่รัฐบาลของเราในยุคนั้นสมัยนั้นไม่ได้สนใจก็คือ การศึกษาเล่าเรียนของผู้คนในชาติทุกคน ปล่อยให้เป็นวัวเป็นควายที่และเล็มหญ้าฟางอยู่ในทุ่งกว้าง โดยไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปทางไหนที่มันจะดีกว่าหรืออย่างที่โลกเขาทำกัน นั่นคือคนที่จะต้องถูกสังคมที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นทรัพยากรที่มีค่าของสังคม

เมื่อเป็นเช่นนั้น เขาก็แสวงหาเอาเอง

ต่างคนต่างก็แสวงหา

ในตอนนั้นแหละ คอมมิวนิสต์ในภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดพัทลุง สงขลา เป็นต้นมาถึงหาดใหญ่และเลยมาถึง 3 จังหวัดภาคใต้ คอมมิวนิสต์ต่างๆ เหล่านี้เดินชนไหล่กันอยู่แม้แต่ข้าราชการก็เป็นตัวแทนของคอมมิวนิสต์ที่จะหาตัวได้ไม่ยาก

คนไทยในภาคใต้บริเวณดินแดนที่ว่านี้ ได้รู้ว่าปัญหาสังคมต่างๆ ที่เกิดขึ้น และจะเกิดขึ้นต่อไปนั้นมันมาจากที่ไหนอย่างไร การปกครองที่ทุจริตคิดมิชอบ การเอารัดเอาเปรียบของเจ้าบ้านผ่านเมืองทุกเรื่องที่มันเกิดขึ้น จะมีการวิพากษ์วิจารณ์และสั่งสอนกัน เช่นเดียวกันกับคนมุสลิมที่เริ่มเติบโตขึ้นมา และไม่มีทางออกทั้งผู้หญิงและผู้ชายก็จะหันเข้ามาสนใจคอมมิวนิสต์ที่ทำหน้าที่ได้อย่างศักดิ์สิทธิ์สองประการคือ ทั้งด้านยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี พร้อมด้วยการฝึกการสู้รบ และด้านการจัดตั้งที่มีหลักวิชา

ในกลุ่มวาดะห์ที่มีการบวชกันเป็นเรื่องเป็นราวนี้ หลายคนที่ผมรู้จักที่เคยเป็นหน่วยรบของพรรคคอมมิวนิสต์ไทยที่จริงจัง และเคยมาเยี่ยมผมที่บ้านก็ยังมีตัวมีตนอยู่

คนเหล่านี้สละโลภโกรธหลงอะไรต่ออะไรหมดแล้ว แต่สิ่งที่เขาทำกันอยู่ก็คือการส่งลูกหลานไปศึกษาทางศาสนาต่อในต่างประเทศแล้วแต่ใครจะพอใจเลือกที่ไหนที่นิยมกันมากที่สุดก็ในปากีสถาน นักศึกษาประเภทนี้ก็น่าจะกลับมาหากินตามความรู้วิชาที่ได้เล่าเรียนมาจากต่างประเทศ เช่นเดียวกับมุสลิมประเทศอื่นๆ ในเอเชียที่ต่างก็ได้ศึกษาเล่าเรียนมาอย่างสมบูรณ์ที่จะรู้ว่าคนมุสลิมยุคใหม่นี้จะต้องทำอะไรกันต่อไป

มาถึงทุกวันนี้ คนพวกนี้จะมีมากน้อยแค่ไหนไม่อาจจะรู้ได้ แต่แน่นอนที่สุดก็คือคนมุสลิมพวกนี้ก็อาจจะมารวมกลุ่มกันหรือมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนักศึกษาทางศาสนาที่มารวมกลุ่มกันอยู่ในฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย และมีความสัมพันธ์กันอย่างกว้างขวางแม้แต่พวกอัลกออิดะห์ ของ บิน ลาดิน นั้นก็ไม่น่าจะแปลก

หรือไม่บางคนอาจจะเคยไปทำสงครามในอัฟกานิสถานภายใต้การควบคุมของ ซีไอเอมาแล้วก็เป็นไปได้

และที่ผมอัศจรรย์ที่สุดก็คือว่าในตลาดเช้าที่หาดใหญ่เมื่อหลายปีมาแล้ว ผมพบเด็กสาวชาวมุสลิมคนหนึ่งนั่งขายผักอย่างทองไม่รู้ร้อน เธอเป็นเด็กนักเรียนชั้นมัธยมปลายในจังหวัดพัทลุง เธอจะมีของกระจุกกระจิกมาขายในตลาดหาดใหญ่พร้อมกับพรรคพวกทุกอาทิตย์ เธอเป็นคอมมิวนิสต์ที่ผมพบเธอในขณะที่เธอหิ้วปืนเอ็ม 16 อยู่ในระหว่างลาดตระเวนรอบๆ ฐานของเธอในจังหวัดพัทลุง

ผมเคยเดินทางเข้าไปพบปะคอมมิวนิสต์บางกลุ่มแถวๆ ตะโหมดและกงหราในวันหนึ่ง ชาวบ้านที่พาผมเข้าไปในฐานปฏิบัติการของคอมมิวนิสต์แถบนั้น ปรากฏว่าหัวหน้าฐานที่นั่นเป็นผู้หญิงสาว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนภาคใต้แม้แต่เป็นผู้หญิงก็ตื่นตัวทางการเมืองกันอย่างสมบูรณ์มานานแล้ว

บ้านเมืองที่มีอะไรผิดอะไรถูกหรือที่มีปัญหากันอยู่ทุกวันนี้ ไม่ต้องให้ใครไปบอกเขาหรอกว่า ใครจะต้องรักชาติบ้านเมืองอย่างไร หรืออะไรผิดอะไรถูก ทุกคนจะรู้กันดีว่าจะเล่นกับมันอย่างไร ไม่ต้องไปสอนเขาว่าอะไรดีอะไรชั่ว

พรรคไทยรักไทยน่าจะเข้าใจเรื่องนี้มากกว่าคนอื่น เพราะการที่พรรคไทยรักไทยที่ลงสมัครใน 3 จังหวัดภาคใต้เกือบไม่ได้แม้แต่คนเดียวนั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่ ข่าวนี้ออกมาตั้งแต่หลังเลือกตั้งซ่อมผู้แทนที่สงขลาแล้ว ในการเลือกตั้งครั้งนั้น พรรคไทยรักไทยก็ไม่ได้รับเลือก ตอนนั้นข่าวที่มาถึงผมก็คือว่าต่อให้สมัครอีกเป็นร้อยครั้งพรรคไทยรักไทยจะไม่ได้รับเลือก เหตุผลก็คือคนภาคใต้ ไม่เชื่อถือ และ ไม่นับถือ พรรคไทยรักไทย

ไม่ยอมรับนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร

แม้ว่าผู้สมัครของพรรคไทยรักไทยจะเป็นคนภาคใต้ และเคยได้รับเลือกมาก่อนสมัยที่ลงสมัครในนามพรรคความหวังใหม่

ไม่ว่าพรรคไทยรักไทยจะทำอะไรที่ประชาชนที่อื่นจะแซ่ซ้องสรรเสริญ แต่คน 3 จังหวัดภาคใต้จะถือแต่เพียงว่าเป็นการแสดงจำอวดหลอกชาวบ้านเท่านั้น

การพยายามทำทุกอย่างที่เป็นการใส่ไฟ และการกล่าวหาของรัฐบาลที่กระทำการอันเป็นการเหยียดหยามคน 3 จังหวัดภาคใต้นั้น สำหรับเรื่องหนักที่จะให้อภัยกันไม่ได้ตลอดชาตินี้ก็คือ

(1) การอุ้มทนายความคนหนึ่งคือ คุณสมชาย นีละไพจิตร ไปฆ่า เพราะว่าทนายความคนนั้นไปให้ความช่วยเหลือแก่คนมุสลิมที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมและทำร้ายหลายๆ ประการ เรื่องนี้รัฐบาลอาจจะคิดว่า การเอาคนไปฆ่าเพียงคนเดียวนั้นไม่น่าจะถือเป็นเรื่องใหญ่โตอะไรนัก ในความคิดเห็นของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ที่ได้รับคำสั่งให้ไปอุ้ม แต่สำหรับประชาชนเขามองไปว่าถ้าเป็นคนมุสลิมแล้ว รัฐบาลจะเหยียบย่ำทำลายอย่างไรก็ทำได้ แม้แต่ทนายความจะเข้าไปช่วยเหลือทางกฎหมายก็ทำไม่ได้ การช่วยเหลือคนมุสลิมที่ไม่มีความผิดเป็นความผิดอย่างใหญ่หลวงที่จะต้องจัดการเอาไปฆ่าเสีย โดยความเห็นชอบของรัฐบาลซึ่งไม่มีรัฐบาลที่ไหนในโลกได้เคยกระทำมา ยกเว้นสตาลิน และฮิตเลอร์ และการไม่รับผิดชอบต่อความถูกต้องโดยยินยอมให้อุ้มคนไม่มีความผิดไปฆ่าเสียอย่างไม่เหลือร่องรอยไว้นั้น รัฐบาลที่มีคุณธรรมในโลกไม่มีที่ไหนเขาทำกัน

(2) กรือเซะที่ลงทุนฆ่าคนที่ไม่มีอาวุธ และพร้อมที่จะมอบตัวต่อทางราชการแล้ว แต่ก็รีบรวบรัดฆ่าอย่างไม่เลี้ยงทันที

(3) การฆ่าผู้ประท้วงที่ตากใบ 2,786 คน โดยไม่บอกกล่าวหรือชี้แจงให้ผู้เกี่ยวข้องทุกคนทราบว่าแต่ละคนมีความผิดอะไรถึงขนาดที่จะต้องทำการฆ่าหมู่ ใช้กฎหมายข้อไหนมาลงโทษ การอ้างว่าใช้รถบรรทุกขนไปเพื่อให้ตายพร้อมกันโดยไม่มีคนรับผิดชอบ ไม่เคยมีกฎหมายหรือความเป็นธรรมที่ไหนยินยอมให้กระทำได้ บ้านเมืองมีกฎหมายมีขื่อมีแป ใครผิดตรงไหน ผิดอะไรก็จะต้องเปิดเผยให้เป็นที่เชื่อถือได้และชัดเจน แต่ที่รัฐบาลพรรคไทยรักไทยทำนั้นตรงกันข้าม

ทั้งสามเรื่องนี้ มันคือความแค้นและความเกลียดที่มีแต่จะฝังลึกลงไปในหัวใจคนมุสลิมใน 3 จังหวัดภาคใต้อย่างยั่งยืน และจะไม่มีการให้อภัยได้ในหมู่คนมุสลิม

และอีกเรื่องหนึ่ง คือการที่จะไปล้วงเอาความลับหรืองานการข่าวนั้นน่าจะเป็นเรื่องยาก ในเรื่องที่เป็นตายจริงๆ คน 3 จังหวัดภาคใต้มักจะไม่ยอมเปิดปากพูดอะไรง่ายๆ เขาจะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคน ครั้งหนึ่งสหายคอมมิวนิสต์ของผมซึ่งเป็นคนมุสลิมต้องการจะฆ่าใครคนหนึ่ง เขาจะทำง่ายๆ ต่อหน้าคนที่เห็นเหตุการณ์หลายคน คือเมื่อเขารู้แน่นอนว่าคนที่เขาต้องการจะฆ่าจะต้องขึ้นรถไฟที่สถานีหาดใหญ่ในเย็นวันหนึ่ง เขาก็จะไปที่สถานีรอรถไฟใกล้จะออก เขาก็ขึ้นไปที่ตู้ที่พรรคพวกที่จะต้องตายรายนั้นขึ้นไปนั่งเป็นเวลาพอดีที่รถจะออก คอมมิวนิสต์ของผมรายนี้ก็ล้วงปืนออกมายิงเอาดื้อๆ แล้วก็รีบลงจากรถที่กำลังจะเคลื่อนที่ออกไป เร็วและเงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สหายรายนั้นก็รีบลงจากรถไฟทันที เมื่อมาพบผม ผมก็ถามเขาว่า "ไปไหนมา" เขาจะนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอบสั้นๆ ว่า "ฆ่าคน!"

ไม่สะทกสะท้าน ไม่ตื่นเต้นเหมือนไม่มีความรู้สึก ผมต้องถามต่อไปว่า "คนตั้งเยอะแยะไปยิงได้ไง"

"เรื่องของผม คนอื่นไม่มีใครเขามาสนใจหรอก ผมยิงมาหลายคนแล้ว" เขาตอบ

3 จังหวัดภาคใต้ เป็นแหล่งเสื่อมโทรมที่เลวร้ายที่สุดของชาติ ในด้านการทำผิดกฎหมายทุกประการของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง แต่จะไม่มีคนสนใจปริปากออกมาว่าใครทำอะไรอยู่ที่ไหน ทั้งๆ ที่ก็รู้ก็เห็นกัน ทำให้ผมสงสารเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่หาข่าวกรองของตำรวจและของกองทัพที่มีอยู่เต็มภาคใต้ตลอดเวลา 1 ปีที่ผ่านมา เคยได้ข่าวอะไรที่มันเป็นเรื่องจริงบ้าง?

ถ้าไม่มี เด่น โต๊ะมีนากับพวกอยู่ที่นั่น ก็ไม่รู้ว่าจะเอาชื่อใครมาขายกินกัน

นี่เป็นปัญหาเบื้องต้นของ 3 จังหวัดภาคใต้ ที่ผมรู้สึกว่าน่าจะไม่มีทางแก้ไขอะไรได้ และยิ่งจะไม่มีวันแก้ได้ เพราะการตื่นตัวของคนมุสลิมครั้งนี้มันเป็นขบวนการที่มีการเมืองต่างประเทศเข้ามาร่วมผลประโยชน์ด้วย

กองพลพัฒนาที่จะตั้งขึ้นนั้น ผมก็เชื่อว่าจะไม่ได้ประโยชน์อะไร เพราะที่ 3 จังหวัดภาคใต้ต้นยางพารามันเยอะเพียงทหาร 12,000 คนนั้น คงไม่เพียงพอที่จะเข้าไปดูแลต้นยางและป่าเขาที่นั่นได้อย่างทั่วถึงแน่ๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น