xs
xsm
sm
md
lg

บีโอไอเยี่ยมชมท่าเรืออันดับ 1 ของโลกที่สิงคโปร์

เผยแพร่:   โดย: ยุทธศักดิ์ คณาสวัสดิ์

คณะของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) นำโดยนายสาธิต ศิริรังคมานนท์ เลขาธิการ ได้เยี่ยมชมกิจการของบริษัท Port of Singapore Authority (PSA) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2548 นับว่ามีเรื่องน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งที่จะขอมาเล่าสู่กันฟัง

ปัจจุบันท่าเรือ PSA ของสิงคโปร์ นับเป็นท่าเรือที่ขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์มากที่สุดในโลกหลายปีติดต่อกัน จากสถิติปี 2547 ท่าเรือ PSA นับเฉพาะในสิงคโปร์มีปริมาณการขนถ่ายตู้สินค้ามากถึง 20.6 ล้านตู้ เพิ่มจากปี 2546 ที่มีปริมาณการขนถ่าย 18.1 ล้านตู้ ปัจจุบันท่าเรือ PSA กำลังเร่งลงทุนขยายท่าเรือเพื่อเพิ่มความสามารถในการขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์จากปัจจุบัน 20 ล้านตู้/ปี เป็น 24 ล้านตู้/ปี

บริษัท PSA ไม่ได้เก่งแต่ในบ้านเท่านั้น แต่ยังขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ โดยรูปแบบการลงทุนในต่างประเทศมีทั้งถือหุ้นทั้งสิ้นและร่วมทุน โดยหากเป็นไปได้ ก็จะพยายามร่วมทุน เนื่องจากตระหนักว่านักลงทุนท้องถิ่นจะมีความรู้เกี่ยวกับท้องถิ่น (Local Knowledge) ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการดำเนินธุรกิจ

ปัจจุบันบริษัท PSA มีโครงการลงทุนในต่างประเทศรวม 17 ท่าเรือ ใน 11 ประเทศ
โดยจากสถิติในปี 2547 ปริมาณการขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ของบริษัท PSA ในต่างประเทศมีปริมาณรวม 12.5 ล้านตู้ เพิ่มจากปี 2546 ซึ่งมีปริมาณการขนถ่าย 10.6 ล้านตู้

บริษัท PSA ให้ความสนใจก่อสร้างท่าเรือในประเทศจีนเป็นอย่างมาก โดยลงทุนในกิจการท่าเรือไปแล้วหลายแห่ง เป็นต้นว่า Dalian Container Terminal, Fuzhou-Jiangyin International Container Terminal, Guangzhou Container Terminals เนื่องจากปริมาณการขนถ่ายสินค้าในประเทศจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก ในปี 2546 จีนมีปริมาณขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์มากถึง 48 ล้านตู้ นับเป็นครั้งแรกที่มีปริมาณการขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์แซงหน้าสหรัฐฯ

จุดเด่นของบริษัท PSA คือ ได้รับการยกย่องว่าบริหารงานดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก สายการเดินเรือที่มาใช้บริการท่าเรือ PSA แทบไม่ประสบปัญหาเลย โดยเฉพาะความทันสมัยในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ กล่าวกันว่า PSA เป็นท่าเรือซึ่งมีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศดีที่สุดในโลก

ท่าเรือ PSA ใช้ระบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการลดเวลาและค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ ยังใช้ระบบคอมพิวเตอร์ CITOS หรือ Computer Integrated Terminal Operations System ซึ่งทำให้ผู้บริหารท่าเรือสามารถวางแผน ควบคุม และตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์แต่ละตู้ คนขับรถหัวลาก และเครนอย่างต่อเนื่อง

แม้ท่าเรือ PSA จะมีประสิทธิภาพสูงที่สุดในโลก แต่ก็พยายามปรับปรุงประสิทธิภาพอยู่ตลอดเวลา โดยจากเดิมมีท่าเทียบเรือ 3 แห่ง คือ Tanjong Pagar Terminal, Keppel Terminal และ Brani Terminal สำหรับท่าเทียบเรือใหม่ลำดับที่ 4 คือ Pasir Panjang Terminal ซึ่งเปิดดำเนินการเมื่อปี 2540 นับเป็น “Next Generation Port” หรือ “ท่าเรือยุคสมัยต่อไป” เนื่องจากมีนวัตกรรมสำคัญ 3 ประการ

ประการแรก ระบบ “Flow-Through Gate System” ได้รับรางวัลนวัตกรรมเมื่อปี 2542 เนื่องจากเป็นระบบที่ทันสมัยที่สุดในโลก มีประสิทธิภาพเหนือกว่าท่าเรือในยุโรปหรือสหรัฐฯ ทำให้การนำเข้า-ส่งออกตู้คอนเทนเนอร์จะผ่านพิธีการศุลกากรโดยใช้เวลาเพียง 20 - 25 วินาที/คัน นับว่าเร็วที่สุดในโลก

ประการที่สอง เป็นท่าเรือแห่งแรกของโลกที่ใช้นวัตกรรมใหม่ คือ Remote-controlled Overhead Bridge Crane ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน เดิมพนักงานบังคับเครนแต่ละคน สามารถควบคุมเครนได้เพียง 1 ตัว แต่เมื่อใช้ระบบใหม่แล้ว พนักงานแต่ละคนสามารถควบคุมเครนได้มากถึง 6 ตัว โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ควบคุม คล้ายๆ กับเราใช้เมาส์ทำงานกับคอมพิวเตอร์ การทำงานจะเป็นแบบอัตโนมัติแทบทั้งหมด

ประการที่สาม มีการติดตั้งเครนขนาดใหญ่ที่เรียกว่า Post-Panamax Quay Cranes เพื่อขนถ่ายสินค้าขึ้นลงเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ โดยแขนของเครนมีความยาวถึง 55 เมตร สามารถให้บริการแก่เรือที่มีขนาดความกว้างของลำตัวเรือไม่เกิน 18 ตู้ ปัจจุบันได้ก้าวสู่ “Super Crane” ซึ่งเป็นเครนขนาดยักษ์มีความยาวมากถึง 60 เมตร สามารถให้บริการแก่เรือที่มีความกว้างของลำตัวเรือมากถึง 22 ตู้

คณะของ บีโอไอ ได้แลกเปลี่ยนทัศนะกับผู้บริหารของท่าเรือ PSA ในหลายหัวข้อ ประการแรก ปัญหาในการบริหารท่าเรือนั้น ความยุ่งยากไม่ได้อยู่ที่อุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวก โดยกรณีเครนหากมีเงินก็สามารถสั่งซื้อเครนรุ่นที่ทันสมัยได้ และใช้เวลาเพียงแค่ 2 สัปดาห์ ในการฝึกอบรมให้บุคลากรใช้เครนยกตู้สินค้าขึ้นลงจากเรือ

สำหรับเคล็ดลับแห่งความสำเร็จว่าทำไมผู้ใช้บริการจึงเห็นว่าท่าเรือสิงคโปร์มีบริการที่ดีเยี่ยม ขณะที่บ่นว่าท่าเรือแห่งอื่นบริการแย่นั้น ผู้บริหารของ PSA ได้แสดงความคิดเห็นว่าขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมภายในองค์กร ธุรกิจท่าเรือต้องสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย เปรียบเสมือนกับการตัดผม ลูกค้าบางคนต้องการสระผมก่อนตัดผม ขณะบางคนก็ต้องการสระผมหลังตัดผม

ประการที่สอง ความทันสมัยในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ นับว่าสำคัญมากในธุรกิจท่าเรือ โดยการบริหารท่าเรือนับว่าแตกต่างจากท่าอากาศยานเป็นอย่างมาก โดยกรณีท่าอากาศยาน หากเปลี่ยนประตูสำหรับขึ้นเครื่องบิน ก็เพียงแต่ออกประกาศเท่านั้น ผู้โดยสารจะเดินไปยังประตูใหม่ได้ทันที ผู้ให้บริการแทบจะไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด

แต่กรณีของท่าเรือนับว่าตรงกันข้าม หากเปลี่ยนจุดที่กำหนดให้เรือเข้ามาเทียบท่าแล้ว จะต้องเสียค่าใช้จ่ายมหาศาลในการใช้รถบรรทุกขนย้ายตู้คอนเทนเนอร์จำนวนมากจากท่าเทียบเรือหนึ่งไปยังอีกท่าเทียบเรือหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น กรณีต้องการตู้คอนเทนเนอร์อยู่ล่างสุด แต่มีการวางตู้ซ้อนกันหลายชั้น จะต้องยกตู้คอนเทนเนอร์ข้างบนเป็นจำนวนมากมายหลายตู้ เพียงเพื่อขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ล่างสุดใบเดียวเท่านั้น นับเป็นค่าใช้จ่ายที่สูญเสียโดยไม่จำเป็น

ผู้ให้บริการธุรกิจท่าเรือจะพยายามทำให้การขนถ่ายสินค้ารวดเร็วที่สุด เพื่อใช้ประโยชน์จากพื้นที่ท่าเรือให้คุ้มค่าที่สุด โดยต้องวางแผนในด้านต่างๆ โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ โดยเฉพาะการบริหารท่าเรือขนาดใหญ่ซึ่งมีการขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์มากกว่า 5 ล้านตู้/ปี จะมีความยุ่งยากกว่าการบริหารท่าเรือขนาดเล็กเป็นทวีคูณ

ก่อนเรือจะเข้าเทียบท่า ระบบเทคโนโลยีต้องรู้ล่วงหน้าว่าควรเรียงตู้คอนเทนเนอร์บนเรืออย่างไรบ้าง จากนั้นจะคำนวณโดยอัตโนมัติว่าควรขนย้ายตู้สินค้าอย่างไรและวางตู้บนลานหน้าท่าเทียบเรือแห่งใดเพื่อให้ระยะทางขนส่งสั้นที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น หากเป็นไปได้ จะพยายามขนส่งตู้คอนเทนเนอร์จากเรือลำหนึ่งไปอีกลำหนึ่งโดยตรง ไม่ต้องวางสินค้าไว้ที่ลานก่อน

ประการที่สาม การขนส่งทางเรือเหมือนกับการขนส่งทางอากาศในแง่ที่ว่า ผู้ใช้บริการสามารถใช้เส้นทางตรงไปยังจุดหมายปลายทาง ซึ่งในกรณีขนส่งทางอากาศจะเรียกว่า Direct Flight กล่าวคือ บินตรงโดยไม่ต้องต่อเครื่องบิน

หากปริมาณการขนส่งในเส้นทางใดมากถึงระดับหนึ่ง ก็จะมีเส้นทางเดินเรือตรงระหว่าง 2 ท่าเรือดังกล่าว เป็นต้นว่า หากปริมาณการขนส่งระหว่างไทยและสหรัฐฯ มีเป็นจำนวนมาก จะมีบริการเดินเรือในเส้นทางนี้โดยตรง ส่วนใหญ่จะไม่ต้องมาเปลี่ยนถ่ายตู้สินค้าที่สิงคโปร์อีกต่อไป และในอนาคตหากปริมาณการขนส่งระหว่างไทยและจีนหรือปริมาณการขนส่งระหว่างออสเตรเลียและยุโรปมีมากถึงระดับหนึ่ง ก็จะมีบริการเส้นทางเดินเรือตรงเช่นเดียวกัน

จากข้อจำกัดข้างต้น ภารกิจสำคัญของท่าเรือ PSA ของสิงคโปร์ คือ พยายามพัฒนาตลาดใหม่ๆ ในตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นอยู่เสมอ มิฉะนั้นจะมีลูกค้ามาใช้บริการลดลง เพราะจะมีเส้นทางเดินเรือตรงมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ตลาดภายในประเทศ คือ ปริมาณการขนส่งระหว่างสิงคโปร์ไปยังประเทศต่างๆ มีปริมาณน้อยมาก เนื่องจากสิงคโปร์เป็นประเทศขนาดเล็ก

ประการที่สี่ ต้นทุนท่าเรือเป็นเพียงส่วนย่อยของต้นทุนในด้านลอจิสติกส์เท่านั้น โดยได้ประมาณการว่าต้นทุนในการใช้บริการท่าเรือคิดเป็นสัดส่วน 7% ของต้นทุนด้านลอจิสติกส์ทั้งหมด ดังนั้น หากจะปรับปรุงประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายในด้านลอจิสติกส์แล้ว ควรเน้นในส่วนที่เหลืออีก 93% เป็นต้นว่า ลดความไม่สะดวกในด้านพิธีการศุลกากร เพิ่มประสิทธิภาพศูนย์กระจายสินค้า ฯลฯ

การแก้ไขปัญหานั้น จะต้องพยายามลดกฎระเบียบและขั้นตอนของทางราชการให้น้อยที่สุด เพื่อให้พิธีการศุลกากรและท่าเรือมีความเรียบง่าย พร้อมกับให้ระบบคอมพิวเตอร์ทำงานแบบอัตโนมัติทดแทนคน หากไม่ใช้ระบบอัตโนมัติ โดยยอมให้ข้าราชการมาอนุมัติแต่ละอินวอยซ์หรือแต่ละใบขนแล้ว ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่พิธีการศุลกากรและท่าเรืออย่างมีประสิทธิภาพ รูปแบบนี้ก่อให้เกิดปัญหาความล่าช้าติดตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

สำหรับปัญหาที่ว่าช่องแคบมะละกาจะมีความกว้างไม่เพียงพอในการรองรับปริมาณการขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้นในอนาคตนั้น ผู้บริหารของ PSA ไม่วิตกเกี่ยวกับปัญหานี้แต่อย่างใด โดยเห็นว่ายังมีความสามารถรองรับปริมาณการขนส่งสินค้าอีกจำนวนมาก แต่วิตกเกี่ยวกับปัญหาความปลอดภัยมากกว่า เป็นต้นว่า ปัญหาโจรสลัด ปัญหาก่อการร้าย

สุดท้ายนี้ บีโอไอได้สอบถามว่าคลื่นยักษ์สึนามิส่งผลกระทบต่อท่าเรือมากน้อยเพียงไร ผู้บริหารของ PSA เห็นว่ามีผลกระทบโดยตรงค่อนข้างน้อย เว้นแต่คลื่นจะพัดพาให้เรือมากระทบอุปกรณ์ของท่าเรือทำให้เสียหายเท่านั้น โดยท่าเรือที่บริษัท PSA ไปลงทุนในอินเดีย ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับประเทศศรีลังกา ไม่ได้รับผลกระทบจากคลื่นสึนามิแต่อย่างใด มีเพียงปัญหาน้ำท่วมอยู่บ้างเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น