ผู้จัดการรายวัน – มิสลิลลี่เผยปีนี้ตลาดธุรกิจดอกไม้คึกคักจากปัจจัยเลือกตั้งและวาเลนไทน์ คาดการณ์ยอดขายโตกว่า 2-3 เท่า ปีนี้มีแผนขยายช่องทางการขายใหม่ไปสู่โมเดิร์นเทรดในแบรนด์ “ลิลลี่ ทู โก” หลังตลาดดิลิเวอรี่เริ่มอิ่มตัว พร้อมโครงการตู้แช่แข็งใต้ตึกสำนักงาน อาคารที่พัก ตั้งเป้าสิ้นปียอดรายได้รวมโต 10%
นายเรวัต จินดาพล ผู้ก่อตั้ง บริษัท มิสลิลลี่ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจจัดส่งดอกไม้ภายใต้ชื่อมิสลิลลี่ เปิดเผยว่า ในปีนี้ตลาดรวมของธุรกิจจัดส่งดอกไม้มีความคึกคักเป็นพิเศษ เพราะนอกจากวันวาเลนไทน์แล้ว ยังใกล้เทศกาลเลือกตั้งใหญ่ของไทยที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 6 ก.พ. ด้วย โดยหลังการเลือกตั้งเสร็จ 2-3 สัปดาห์ ก็จะมีการแสดงความยินดีให้กับผู้ที่ได้รับเลือกตั้ง ซึ่งจะส่งผลทำให้ยอดรายได้ของมิสลิลลี่โตขึ้น 2-3 เท่าตัวหรือ 4 ล้านบาท ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ และจำนวนดอกไม้คาดว่าโตขึ้น 20%
นอกจากนี้ เทศกาลวาเลนไทน์ปีนี้ตรงกับวันจันทร์ ส่งผลดีต่อยอดขาย เพราะวันธรรมดาจะมียอดคนสั่งซื้อดอกไม้มากกว่าวันเสาร์และอาทิตย์ โดยคนกว่า 80% จะส่งให้คนในออฟฟิคด้วยกัน และโปรโมชั่นพิเศษสำหรับวาเลนไทน์ปีนี้อยู่ที่ช่อดอกไม้ 99 ดอก ราคา 29,999 บาท และดอกไม้ 108 ดอก ราคา 32, 999 บาท ทั้งนี้ ดอกไม้ในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่า 500 ล้านบาทหรือโตประมาณ 5-10%
การนำเข้าดอกไม้จากจีนที่มีราคาถูกกว่าไทยและมีคุณภาพดีกว่า ทำให้มีการตัดราคาลง ส่งผลกระทบต่อผู้ปลูกดอกไม้ในไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งทางภาครัฐควรจะเข้าไปดูแลและให้การช่วยเหลือ โดยเฉพาะในอนาคตมีการเปิดการค้าเสรีไทยจีนเกิดขึ้น แต่ในส่วนของบริษัทฯ ไม่ได้รับผลกระทบ เพราะดอกไม้ส่วนใหญ่จะสั่งซื้อเป็นรายปีจากทางเชียงใหม่และเชียงราย จึงไม่มีปัญหาเรื่องต้นทุนดอกไม้ที่สูงขึ้น
นายเรวัต กล่าวต่อถึงแผนการทำตลาดในปีนี้ว่า บริษัทฯ เตรียมขยายช่องทางการขายดอกไม้ไปยังโมเดิร์นเทรดมากขึ้น ภายใต้แบรนด์ "ลิลลี่ ทู โก" เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความสะดวก และราคาไม่แพง เฉลี่ยที่ 79 -300 บาท ซึ่งสาขาแรกตั้งอยู่ที่อาคารฟอร์จูนทาวเวอร์ เป็นสาขาต้นแบบเพื่อทดลองตลาด จากนั้นบริษัทฯ เตรียมขยายช่องทางการขายดอกไม้ไปตามชั้นในแผนกซูเปอร์มาร์เก็ต ในราคา 250 -290 บาท โดยตั้งเป้าปีนี้เปิดที่เทสโก้ โลตัส 19 แห่ง, เซ็นทรัล 4 แห่ง, วัตสัน 8 แห่ง และโรบินสัน 9 แห่ง
บริษัทฯ ยังมีแผนร่วมกับพันธมิตรทำธุรกิจตู้แช่แข็งสำหรับดอกไม้ในลักษณะกึ่งแฟรนไชส์ ซึ่งใช้เงินลงทุนไม่มากและไม่ต้องใช้คน โดยเน้นวางใต้อาคารสำนักงาน คอนโด และร้านอาหาร เป็นต้น ปีนี้ตั้งเป้าเปิดให้ได้ 50 จุด และคาดว่าจะมียอดขายจุดละ 3-5 หมื่นบาท
สำหรับรายได้ของบริษัทฯ ปีนี้ตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 10% จากปีที่แล้วที่มียอดรายได้ 38 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นแบรนด์มิสลิลลี่ ดอกไม้อวยพร 80% และดอกไม้ไว้อาลัยหรือพวงหรีด 20% ส่วนตลาดรวมดอกไม้มีมูลค่าประมาณ 7,500 ล้านบาท แบ่งเป็น ดอกไม้ไว้อาลัย 4,300 ล้านบาท, ดอกไม้สด 2,000 ล้านบาท และดอกไม้จัดส่งหรือดีลิเวอร์ลี่ 1,200 ล้านบาท ซึ่งมิสลิลลี่เป็นผู้นำตลาด ตามด้วยไวท์ โรส
นายเรวัต จินดาพล ผู้ก่อตั้ง บริษัท มิสลิลลี่ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจจัดส่งดอกไม้ภายใต้ชื่อมิสลิลลี่ เปิดเผยว่า ในปีนี้ตลาดรวมของธุรกิจจัดส่งดอกไม้มีความคึกคักเป็นพิเศษ เพราะนอกจากวันวาเลนไทน์แล้ว ยังใกล้เทศกาลเลือกตั้งใหญ่ของไทยที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 6 ก.พ. ด้วย โดยหลังการเลือกตั้งเสร็จ 2-3 สัปดาห์ ก็จะมีการแสดงความยินดีให้กับผู้ที่ได้รับเลือกตั้ง ซึ่งจะส่งผลทำให้ยอดรายได้ของมิสลิลลี่โตขึ้น 2-3 เท่าตัวหรือ 4 ล้านบาท ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ และจำนวนดอกไม้คาดว่าโตขึ้น 20%
นอกจากนี้ เทศกาลวาเลนไทน์ปีนี้ตรงกับวันจันทร์ ส่งผลดีต่อยอดขาย เพราะวันธรรมดาจะมียอดคนสั่งซื้อดอกไม้มากกว่าวันเสาร์และอาทิตย์ โดยคนกว่า 80% จะส่งให้คนในออฟฟิคด้วยกัน และโปรโมชั่นพิเศษสำหรับวาเลนไทน์ปีนี้อยู่ที่ช่อดอกไม้ 99 ดอก ราคา 29,999 บาท และดอกไม้ 108 ดอก ราคา 32, 999 บาท ทั้งนี้ ดอกไม้ในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่า 500 ล้านบาทหรือโตประมาณ 5-10%
การนำเข้าดอกไม้จากจีนที่มีราคาถูกกว่าไทยและมีคุณภาพดีกว่า ทำให้มีการตัดราคาลง ส่งผลกระทบต่อผู้ปลูกดอกไม้ในไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งทางภาครัฐควรจะเข้าไปดูแลและให้การช่วยเหลือ โดยเฉพาะในอนาคตมีการเปิดการค้าเสรีไทยจีนเกิดขึ้น แต่ในส่วนของบริษัทฯ ไม่ได้รับผลกระทบ เพราะดอกไม้ส่วนใหญ่จะสั่งซื้อเป็นรายปีจากทางเชียงใหม่และเชียงราย จึงไม่มีปัญหาเรื่องต้นทุนดอกไม้ที่สูงขึ้น
นายเรวัต กล่าวต่อถึงแผนการทำตลาดในปีนี้ว่า บริษัทฯ เตรียมขยายช่องทางการขายดอกไม้ไปยังโมเดิร์นเทรดมากขึ้น ภายใต้แบรนด์ "ลิลลี่ ทู โก" เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความสะดวก และราคาไม่แพง เฉลี่ยที่ 79 -300 บาท ซึ่งสาขาแรกตั้งอยู่ที่อาคารฟอร์จูนทาวเวอร์ เป็นสาขาต้นแบบเพื่อทดลองตลาด จากนั้นบริษัทฯ เตรียมขยายช่องทางการขายดอกไม้ไปตามชั้นในแผนกซูเปอร์มาร์เก็ต ในราคา 250 -290 บาท โดยตั้งเป้าปีนี้เปิดที่เทสโก้ โลตัส 19 แห่ง, เซ็นทรัล 4 แห่ง, วัตสัน 8 แห่ง และโรบินสัน 9 แห่ง
บริษัทฯ ยังมีแผนร่วมกับพันธมิตรทำธุรกิจตู้แช่แข็งสำหรับดอกไม้ในลักษณะกึ่งแฟรนไชส์ ซึ่งใช้เงินลงทุนไม่มากและไม่ต้องใช้คน โดยเน้นวางใต้อาคารสำนักงาน คอนโด และร้านอาหาร เป็นต้น ปีนี้ตั้งเป้าเปิดให้ได้ 50 จุด และคาดว่าจะมียอดขายจุดละ 3-5 หมื่นบาท
สำหรับรายได้ของบริษัทฯ ปีนี้ตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 10% จากปีที่แล้วที่มียอดรายได้ 38 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นแบรนด์มิสลิลลี่ ดอกไม้อวยพร 80% และดอกไม้ไว้อาลัยหรือพวงหรีด 20% ส่วนตลาดรวมดอกไม้มีมูลค่าประมาณ 7,500 ล้านบาท แบ่งเป็น ดอกไม้ไว้อาลัย 4,300 ล้านบาท, ดอกไม้สด 2,000 ล้านบาท และดอกไม้จัดส่งหรือดีลิเวอร์ลี่ 1,200 ล้านบาท ซึ่งมิสลิลลี่เป็นผู้นำตลาด ตามด้วยไวท์ โรส