xs
xsm
sm
md
lg

อย่าดึงฟ้าต่ำ…อย่าย่ำศรัทธา

เผยแพร่:   โดย: สิริอัญญา

ปัญหาการจัดพิมพ์สติกเกอร์พระบรมราโชวาทในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชเสาวนีย์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ กำลังจะบานปลายและจะไม่เป็นผลดีต่อใครเลย ถึงเวลาแล้วที่คนไทยจะต้องตั้งสติยั้งคิดเพื่อยุติการกระทำอันไม่บังควรทั้งปวง

อย่าดึงฟ้าต่ำ อย่าเหยียบย่ำศรัทธาประชาชน อย่าทำลายฉัตรชัยและธงชัยของแผ่นดิน เพียงเพื่อช่วงชิงอำนาจทางการเมือง และต้องเลิกพฤติกรรมชั่วร้ายนี้เสียในทันที

ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ซึ่งรู้กันทั่วไปว่าเป็นผู้นำทางความคิดคนหนึ่งของประเทศ ได้ออกมากล่าวอย่างสั้น ๆ เป็นการเตือนสติเช่นเดียวกันว่าการอัญเชิญพระบรมราโชวาท ย่อมหมายความรวมถึงการอัญเชิญพระราชเสาวนีย์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มาเผยแพร่แก่ปวงชนนั้นไม่ใช่ความผิด แต่หากนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองก็เป็นสิ่งที่ไม่บังควร

ยิ่งเที่ยวฟ้องร้องกันให้บานปลายใหญ่โตก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าไม่ฟังความคิดความเห็นของผู้เป็นบัณฑิต ยังคิดที่จะเหยียบย่ำน้ำใจประชาชนคนไทยอีกต่อไป คนจำพวกนี้เป็นพวกบ้าคลั่งในอำนาจ ทั้ง ๆ ที่ด่าว่าคนอื่นว่าเหลิงอำนาจ จึงถึงเวลาแล้วที่คนไทยทั้งประเทศจะได้ลงโทษคนจำพวกนี้ให้สาสม

จะได้เลิกพฤติกรรมแบบนี้ จะได้เลิกเอาอย่างบรรพบุรุษของพวกเขาที่ใช้วิธีการและพฤติกรรมแบบนี้ในทางการเมืองตลอดมาเสียที แผ่นดินไทยจะได้สูงขึ้น

โดยรัฐธรรมนูญที่มีมาทุกฉบับ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดในทางใด ๆ ไม่ได้ ซึ่งหมายความว่าจะละเมิดด้วยการฟ้องร้อง การกระทำให้กระทบกระเทือนต่อพระบรมเดชานุภาพ การกระทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท หรือกระทั่งการอ้างอิงอาศัยพระบารมีมาใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตนนั้นเป็นสิ่งที่กระทำไม่ได้โดยเด็ดขาด

โดยวัฒนธรรมประเพณีและความสัมพันธ์ระหว่างพระมหากษัตริย์กับประชาชนเล่า? พระมหากษัตริย์ก็ทรงสถิตเป็นมิ่งขวัญ เป็นฉัตรชัย เป็นธงชัย เป็นประทีปชัย ของประเทศชาติและประชาชน ทรงเป็นศูนย์รวมของความศรัทธา ความเคารพนับถือ ความเชื่อมั่น ความอบอุ่นใจ ความวางใจ และความอิ่มใจของปวงชนชาวไทยมาแต่บรรพกาล

การใด ๆ เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์จึงเป็นการที่เกี่ยวกับจิตใจของปวงชน หากกระทบกระทั่งในทางใด ๆ แล้ว ย่อมกระทบกระเทือนต่อจิตใจคนไทยทั้งประเทศ

พระมหากษัตริย์ไทยมีความเป็นพิเศษยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์ใดในโลก เพราะทรงสถิตอยู่ในฐานะที่เป็นสมมติเทวราช กระทั่งบางครั้งก็ถือกันว่าพระมหากษัตริย์คือพระสยามเทวาธิราชที่ยังมีชีวิต ทรงมีความใกล้ชิดกับอาณาประชาราษฎร์ ทรงห่วงใยพสกนิกรประดุจดั่งบุตรในอุทร ยามร้อนก็ทรงผ่อนคลายให้กลายเป็นเย็น ยามทุกข์เข็ญก็ทรงแผ่พระบารมีมาขจัดปัดเป่าให้อาณาประชาราษฎร์ได้ปราศจากทุกข์ ยามแผ่นดินรุ่มร้อนด้วยปัญหาและความขัดแย้งก็ทรงแผ่พระบารมีมาปัดเป่าระงับยับยั้งให้เกิดความสามัคคีสมานฉันท์ เพื่อความดำรงคงมั่นเป็นนิรันดร์ของแผ่นดิน

พระมหากษัตริย์ไทยทรงดำรงพระองค์อยู่ในทศพิธราชธรรมอย่างสมบูรณ์ตลอดระยะเวลาอันยาวนานแห่งประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะในรัชกาลปัจจุบันนั้น ทรงประพฤติปฏิบัติพระองค์อยู่ในพรต อยู่ในธรรมอย่างสม่ำเสมอ ดังที่ทรงประกาศเป็นพระปฐมบรมราชโองการเมื่อครั้งเสด็จขึ้นเสวยสิริราชสมบัติว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”

ด้วยทศพิธราชธรรมนี้ พระมหากษัตริย์ไทยจึงไม่เพียงแต่จะเป็นที่เคารพสักการะของปวงชนชาวไทยเท่านั้น หากยังทรงเป็นที่เคารพสักการะของบรรดาประชาชาติมากหลายในโลกนี้ และทรงเป็นที่ยอมรับนับถือของบรรดาประมุขและผู้นำรัฐบาลทั่วโลกอีกด้วย

ตลอดระยะเวลาอันยาวนานแห่งรัชกาล เป็นที่ประจักษ์ชัดแก่ปวงชนว่าทรงยึดมั่นและทรงปฏิบัติตามที่ทรงปฏิญญาตามพระปฐมบรมราชโองการนั้น ทรงตั้งพระองค์อยู่ในธรรม ทรงเคารพธรรม ทรงปฏิบัติธรรม ทั้งหมดนี้มีความเป็นไปเพื่อประโยชน์และเพื่อความสุขแห่งมหาชนชาวสยามทั้งสิ้น

แต่ก็มีคนใจชั่วบางกลุ่มบางพวกที่บ้าคลั่งในอำนาจ คิดแต่จะแสวงหาอำนาจส่วนตนและพวก โดยไม่คำนึงถึงศักดิ์และสิทธิ์อันสูงยิ่งของพระมหากษัตริย์ ไม่คำนึงถึงจิตใจของคนไทยทั้งประเทศ ได้ก่อพฤติกรรมที่บิดเบือนเบี่ยงเบนและใช้ศรัทธาความเชื่อถือของประชาชนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้เป็นอาวุธในทางการเมืองเพื่อทำลายล้างปรปักษ์ทางการเมืองของตน จนประเทศชาติต้องเสียคนดีมีฝีมือไปเป็นจำนวนมาก

เมื่อกลางศตวรรษก่อนก็กระทำกรรมในเรื่องนี้โดยการให้ผู้คนไปร้องตะโกนในโรงหนังว่า “ปรีดีฆ่าในหลวง” บิดเบือนเหตุการณ์สวรรคตในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลให้กลายเป็นเรื่องการเมือง เป็นผลให้ยอดคนของแผ่นดินต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และต้องระหกระเหินไปเผชิญชะตากรรมอันยากเข็ญในต่างประเทศ จนกระทั่งถึงแก่อนิจกรรม

หลังจากนั้นมาก็ยังกระทำกรรมชนิดเดียวกันนี้กับปรปักษ์ทางการเมืองของตัวอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย

เอากันในระยะใกล้ ๆ ก็ใช้พฤติกรรมอย่างเดียวกันนี้ทำลายพล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ ด้วยการปล่อยข่าวว่าบุคคลสำคัญระดับสูงตบหน้าพล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ ซึ่งเป็นเรื่องโกหกและใส่ร้ายทั้งเพ เพราะคนระดับพล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ นั้นไม่ใช่ขี้ไก่ หากถือได้ว่าเป็นอัศวินคนสำคัญของแผ่นดิน ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์มีศักดิ์รามาธิบดีชั้นมหาโยธิน ซึ่งแผ่นดินนี้ปัจจุบันนี้ไม่มีนักการเมืองคนไหนที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณเยี่ยงนั้นเพราะการส่วนพระองค์โดยแท้

ถัดมาก็ยังมีการปล่อยข่าวเพื่อทำลาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถึงขนาดปล่อยข่าวกล่าวหาว่าริอ่านจะเป็นประธานาธิบดีบ้าง คิดจะทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์บ้าง การกระทำกรรมในลักษณะนี้คงหวังในผลว่าจะเกิดผลเหมือนกับที่เคยเป็นมาในอดีต

แต่คราวนี้ทำการไม่สำเร็จ เพราะฟ้ามีตา ฟ้าทรงธรรม ฟ้ารู้การอันเป็นไปในแผ่นดิน วิชามารอันชั่วร้ายจึงถูกทำลายลงอย่างยับเยิน เพราะหลังจากที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แล้ว ข่าวอัปมงคลนั้นก็มลายหายไป

มาถึงการเลือกตั้งครั้งนี้ พฤติกรรมแบบนี้ก็ไม่เคยหมดไปจากความคิดของนักการเมืองสิ้นคิดบางจำพวก วางแผนกันจัดทำสติกเกอร์อัญเชิญพระบรมราโชวาทและพระราชเสาวนีย์เพื่อนำมาใช้ในการรณรงค์ทางการเมือง

พระบรมราโชวาทในเรื่องนี้ทรงพระราชทานเนื่องในโอกาสที่พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ นำคณะผู้ว่าราชการจังหวัดซีอีโอเข้าเฝ้าถวายสัตย์ ทรงมีพระบรมราโชวาทว่าผู้ว่าฯซีอีโอจะต้องทำการทั้งปวงด้วยความซื่อสัตย์สุจริต จะทุจริตสักนิดเดียวก็ไม่ได้ ถ้าใครทุจริตขอแช่งให้มีอันเป็นไป แต่ถ้าใครทำการโดยสุจริตก็ทรงอวยชัยให้พร ให้มีอายุยืนถึงร้อยปี

พระบรมราโชวาทที่มีลักษณะเป็นการแสดงธรรมอันเป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์อย่างหนึ่งในรัชกาลนี้ทรงกระทำทุกครั้งทุกโอกาสที่ทรงสามารถประกาศพระธรรมได้ มิได้ทรงมุ่งร้ายต่อผู้หนึ่งผู้ใด

แต่ก็มีนักการเมืองชั่วอัญเชิญพระบรมราโชวาทนี้เพียงเพื่อให้ประชาชนหลงผิดว่าเป็นเรื่องที่ทรงตำหนินายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นคนละเรื่อง และไม่เกี่ยวข้องกันเลย

ในส่วนของกระแสพระราชเสาวนีย์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถนั้น เป็นเรื่องที่ทรงพระราชทานแก่พสกนิกรเพื่อบำรุงขวัญอาณาประชาราษฎร์และเพื่อเป็นกำลังใจแก่พสกนิกรไม่ให้ท้อแท้ต่อความลำบากยากจน โดยทรงมีพระราชเสาวนีย์ว่าความยากจนไม่ใช่สิ่งที่น่ารังเกียจ การทุจริตและการกระทำที่ไม่ชอบต่างหากเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ คนโลภที่ไม่รู้จักพอต่างหากเป็นที่น่ารังเกียจ

ซึ่งเป็นการประกาศพระธรรมโดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั่นเอง มิได้ทรงมุ่งร้ายหมายทำลายผู้หนึ่งผู้ใดเป็นการเฉพาะ หากเป็นไปเพื่อให้อนุสาสน์เป็นคติในการดำเนินชีวิตของปวงชน ให้รู้จักสิ่งพึงรังเกียจและสิ่งไม่พึงรังเกียจนั่นเอง

แต่ก็มีนักการเมืองชั่วอัญเชิญพระราชเสาวนีย์นี้เพียงเพื่อให้ประชาชนหลงผิดว่าเป็นเรื่องที่ทรงตำหนินายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นคนละเรื่องและไม่เกี่ยวข้องกันเลย

พระบรมราโชวาทและพระราชเสาวนีย์นั้นเป็นของสูง และควรเทิดทูนไว้เหนือเกล้าของปวงชนชาวไทย การจารึกไว้ก็ดี การเขียนไว้บูชาในบ้านช่องของตนเองก็ดี การพิมพ์เผยแพร่ก็ดี เป็นสิ่งที่พึงกระทำ พึงปฏิบัติให้เป็นไปตามพระบรมราโชวาทและพระราชเสาวนีย์สั้น ก็จะมีอานิสงส์ให้ผู้ประพฤติปฏิบัติพ้นหายคลายทุกข์ ประสบแต่ความสุขความเจริญ และเป็นกำลังของชีวิตในการดำรงชีวิตให้เป็นปกติสุขภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารนั้น

แต่การนำมาใช้จะต้องนำมาใช้ด้วยความเคารพ ด้วยความเทิดทูนบูชา ด้วยความปรารถนาในความร่มเย็นเป็นสุขของบ้านเมืองและราษฎรเป็นที่ตั้ง จะอ้างอิงอาศัยหรือนำมาใช้เพื่อประโยชน์ใด ๆ ในส่วนตนไม่ได้เป็นอันขาด ยิ่งการนำมาใช้ทำลายล้างกันในทางการเมืองแล้วเป็นสิ่งที่ประชาชนชาวไทยจะไม่มีวันให้อภัยโดยเด็ดขาด

พระพุทธรูปเป็นของสูง เป็นที่เคารพบูชาของชาวพุทธ จะกระทำย่ำยีหรือนำไปใช้ในทางต่ำไม่ได้ฉันใด พระบรมราโชวาทและพระราชเสาวนีย์ก็ฉันนั้น

การอ้างอย่างหน้าด้าน ๆ ว่าการพิมพ์สติ๊กเกอร์พระบรมราโชวาทและพระราชเสาวนีย์นั้นผิดที่ตรงไหน คือการกระทำที่เหยียบย่ำน้ำใจคนไทยชนิดที่ให้อภัยกันไม่ได้

ก็เหมือนกับการเอาพระพุทธรูปไปตีหัวคนนั่นแหละ เป็นคนละเรื่องกับการมีพระพุทธรูป คือการมีพระพุทธรูปไว้บูชาไม่ผิด แต่การใช้พระพุทธรูปไปตีหัวคนเป็นการทำให้พระพุทธรูปนั้นกลายเป็นอาวุธที่ใช้ในการทำร้ายทำลาย เป็นสิ่งที่ผิดบาปมหันต์นัก

รู้จักสำนึกผิดกันเสียบ้าง แต่คงจะยาก เว้นแต่ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศจะได้สั่งสอนบทเรียนที่สาสมแก่นักการเมืองที่ไม่รู้จักฟ้าสูงดินต่ำ และไม่คำนึงถึงความรู้สึกนึกคิดจิตใจประชาชน และเวลาการให้บทเรียนที่สาสมกำลังมาถึงแล้วในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 นี้
กำลังโหลดความคิดเห็น