xs
xsm
sm
md
lg

อริยสัจการเมืองจีน (17) "คุณสมบัติ" ของพรรคเหนือทุน

เผยแพร่:   โดย: สันติ ตั้งรพีพากร

บทที่แล้ว ได้พูดถึงจุดเด่นอันเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของ "พรรคเหนือทุน" (ท่านที่ต้องการความกระจ่างในความหมายของ "พรรคเหนือทุน" โปรดอ่านตอนที่ 13-14 ประกอบ) ที่สำคัญคือ "ความก้าวหน้า" สองประการ คือ 1. เป็นกองหน้าของชนชั้นกรรมกร กองหน้าของปวงประชามหาชน และ 2. มีแนวคิดทฤษฎี วิสัยทัศน์ ล้ำยุคล้ำสมัย ชี้นำการเคลื่อนไหวปฏิบัติ "ก้าวล้ำหน้า" พรรคการเมืองกลุ่มทุนเสมอ

คุณสมบัติสองประการนี้ เมื่อแปรเข้าสู่กระบวนการปฏิบัติ (ตามการสรุปของพรรคฯ จีน) ก็คือ พรรคเหนือทุนจะต้อง 1. เป็นตัวแทนความเรียกร้องต้องการการพัฒนาของพลังการผลิตที่ก้าวหน้า 2. เป็นตัวแทนทิศทางการพัฒนาของวัฒนธรรมที่ก้าวหน้า และ 3. เป็นตัวแทนผลประโยชน์ที่แท้จริงของประชาชน

คือเป็น "ตัวแทน 3 ประการ" (ภาษาจีนว่า "ซันเก้อไต้เปี่ยว")

มุ่งปลดปล่อยและพัฒนาพลังการผลิต

อธิบายเพิ่มเติมได้ว่า ภารกิจพื้นฐานทางประวัติศาสตร์ของพรรคการเมือง "เหนือทุน" ไม่ว่าจะเป็นพรรคใดในประเทศใด ก็คือการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงระบบ ระบอบ ต่างๆ ของสังคม (ส่วนที่เป็นความสัมพันธ์ทางการผลิต) ให้เอื้อต่อการ "ปลดปล่อย" และ "พัฒนา" พลังการผลิต มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ภายในกรอบกำหนดของเงื่อนไขหรือบริบททางเศรษฐกิจสังคมโลก และสภาวะเป็นจริงภายในประเทศตน

ด้วยเห็นว่า พลังขับเคลื่อนเบื้องต้นที่สุด ในกระบวนการการพัฒนาโดยรวมของสังคมมนุษย์ก็คือ "พลังการผลิต" ซึ่งประกอบไปด้วยวัตถุปัจจัยและภูมิปัญญาของมนุษย์ในการจัดการกับวัตถุปัจจัยเหล่านั้นให้เกิดประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุดต่อมนุษย์และโลกโดยรวม

การใดที่ขัดขวางกระบวนการพัฒนาของพลังการผลิต จะต้องขจัดไป แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ การเสริมสร้างเงื่อนไขสภาพแวดล้อม อันได้แก่ ระบบ โครงสร้าง และกลไกใหม่ๆ ที่เอื้ออำนวยอย่างยิ่งต่อการพัฒนาขยายตัวของพลังการผลิต ซึ่งครอบคลุมทั้งทางด้านเศรษฐกิจการเมือง สังคม การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม

ภารกิจทางประวัติศาสตร์ของพรรคการเมืองเหนือทุน จึงล้วนแต่เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของปวงประชามหาชน การปฏิวัติเปลี่ยนแปลง และการปฏิรูปใหม่ๆ ที่จะติดตามมา ล้วนแต่เพื่อขจัดอุปสรรคและเสริมสร้างเงื่อนไขหรือ "เหตุปัจจัย" ของการพัฒนาความเจริญของสังคม และการพัฒนาความเป็นมนุษย์ของมนุษย์ทั้งสิ้น

การก่อตั้งและดำเนินการของพรรคเหนือทุน ก็เพื่อปฏิบัติภารกิจทางประวัติศาสตร์อันสูงส่งนี้ หากมิใช่ตั้งขึ้นมาเพื่อสนองความต้องการหรือความกระสันอำนาจของใครคนใด หรือเพื่อปกป้องคุ้มครอง ส่งเสริมฐานะบารมีของใครคนใด กลุ่มผลประโยชน์ใดๆ

ด้วยความสำนึกและตระหนักชัดถึงภารกิจทางประวัติศาสตร์เช่นนี้ พรรคเหนือทุนจึงมีแนวคิดจิตใจและอุดมการณ์ที่สะอาด สูงส่งกว่าพรรคกลุ่มทุน มีมาตรฐานวัดความดีงามของพรรคและสมาชิกพรรคที่ชัดเจน เป็นตัวแทนทิศทางการพัฒนาของวัฒนธรรมที่ก้าวหน้าได้เป็นอย่างดี

นี่คือความก้าวหน้าและเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัดของ "พรรคเหนือทุน" ต่อ "พรรคกลุ่มทุน"

ณ วันนี้ ประเทศจีน ภายใต้การบริหารของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งเป็นพรรคเหนือทุน กำลังได้รับการปฏิรูป เสริมสร้างปัจจัยและเงื่อนไขต่างๆ อย่างต่อเนื่อง สำหรับการปลดปล่อยและพัฒนาของพลังการผลิตของสังคมจีนอย่างรอบด้าน แม้ว่ายังมีปัญหาอีกมากมายจะต้องแก้ไข เนื่องจากเป็นประเทศใหญ่ ประชากรมาก และล้าหลังมานาน แต่สามารถสร้าง "ปาฏิหาริย์" ในด้านต่างๆ อย่างมากมาย ประจักษ์ชัดแก่สายตาชาวโลก

เพียงครึ่งศตวรรษ (โดยเฉพาะเมื่อย่างเข้าสู่ยุคปฏิรูปและเปิดกว้างในทศวรรษ ค.ศ.1980) ประเทศจีนได้เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การศึกษา วัฒนธรรม ฯลฯ

ประเทศจีนได้รับการยอมรับไปทั่วโลก ประชาชนจีนรู้สึกมีศักดิ์ศรียิ่งกว่ายุคสมัยใดๆ

พรรคเหนือทุนไทย แบบไหนอย่างไร

จากกรณีของประเทศจีนและพรรคคอมมิวนิสต์จีน จึงไม่มีเหตุผลหรือข้ออ้างอันใด ที่จะปฏิเสธการเกิดขึ้นของพรรคการเมืองเหนือทุนในสังคมไทย เพียงแต่ว่า การเกิดขึ้นและดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรคเหนือทุนไทย จะต้องสอดคล้องกับลักษณะของยุคสมัย (สันติภาพและการพัฒนา) และสภาวะเป็นจริงของสังคมไทย (ต้องการความสามัคคีเป็นที่สุด)

บทบาทของพรรคเหนือทุนไทยคือ 1. ขณะที่ไม่ได้เป็นผู้ใช้อำนาจบริหารประเทศ ดำเนินการทุกอย่างเพื่อนำไปสู่การเสริมสร้างปัจจัยเงื่อนไขในการ "ปลดปล่อย" และ "พัฒนา" พลังการผลิต หลักๆ ก็คือผลักดันให้พรรคบริหารประเทศรับแนวทางนโยบายของตนไปดำเนินการปฏิรูปเปลี่ยนแปลง ระบบโครงสร้าง และกลไก ให้เอื้อต่อการปลดปล่อยและพัฒนาพลังการผลิตของสังคมให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

2. เมื่อได้ขึ้นเป็นพรรคบริหารประเทศ ดำเนินการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงระบบโครงสร้าง และกลไก ต่างๆ อย่างทั่วด้าน เพื่อนำไปสู่การปลดปล่อยและพัฒนาพลังการผลิตอย่างทั่วด้าน

อาจกล่าวได้ว่า มีแต่พรรคการเมืองเช่นนี้เท่านั้น ที่จะเป็นหลักประกันให้แก่การพัฒนาประเทศไทยไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ประชาชนไทยอยู่ดีกินมีความสุข เป็นอิสระ สามารถพัฒนาและ "ปลดปล่อย" ตนเองได้อย่างรอบด้านและอย่างสมบูรณ์ทั้งทางด้านวัตถุและจิตใจ

การแสดงออกของ "คุณสมบัติ" พรรคเหนือทุน

การแสดงออกถึง "คุณสมบัติ" ของพรรคเหนือทุน จะปรากฏออกมา ในรูปของแนวทาง นโยบาย สำหรับชี้นำการเคลื่อนไหว ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับความเรียกร้องต้องการของยุคสมัยและสภาวการณ์เป็นจริงของประเทศชาติและประชาชน ทั้งในช่วงที่เป็นและยังไม่ได้เป็นผู้ใช้อำนาจบริหารประเทศ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนทางสังคมไปสู่ความก้าวหน้ายิ่งขึ้นเรื่อยๆ

ในการนี้ สมาชิกพรรคทั้งหมดจะต้องฝึกฝนหล่อหลอมตนเองในท่ามกลางการเคลื่อนไหวปฏิบัติแนวทาง นโยบายของพรรค ยืนหยัดปฏิบัติตัวในฐานะ "ตัวแทน 3 ประการ" ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ซึ่งในแต่ละห้วงของการขับเคลื่อนภารกิจทางประวัติศาสตร์ของพรรคฯ สมาชิกพรรคในฐานะปัจเจกบุคคล จะเป็น "สื่อ" แสดงออกถึงเนื้อหาสาระของ "คุณสมบัติ" ของพรรคดังกล่าวในรูปแบบต่างๆ ที่แตกต่างกันไป

ด้วยแนวทาง นโยบายที่ถูกต้อง และการแสดงออกถึงคุณสมบัติ "ตัวแทน 3 ประการ" ของสมาชิกพรรค ในที่สุดก็จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาขึ้นในหมู่ประชาชนอย่างกว้างขวาง และเมื่อผ่านการจัดตั้งของพรรค ก็จะกลายเป็นมวลชนห้อมล้อมพรรคดุจ "ผนังทองแดง กำแพงเหล็ก" ยินดีสามัคคีกันเข้ารอบๆ พรรค ก้าวเดินตามไปพร้อมกับพรรคแบบ "ถึงไหนถึงกัน"

เนื้อหาสาระและมาตรฐานของความเป็น "ตัวแทน 3 ประการ"

ในกรณีของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน ลักษณะก้าวหน้าที่สะท้อนคุณสมบัติของความเป็น "ตัวแทน 3 ประการ" (หรือ "สามตัวแทน") มีเนื้อหาสาระและมาตรฐานที่แตกต่างกันไปในแต่ละห้วงของการเคลื่อนไหว ดังนี้

1. ในห้วงสงครามปฏิวัติ อุปสรรคขัดขวางการพัฒนาพลังการผลิตของสังคมจีน คือ "ภูเขาสามลูก" ภารกิจของพรรคฯจีนก็คือ สามัคคีประชาชนจีนปฏิวัติโค่นล้ม "ภูเขาใหญ่ 3 ลูก" อันประกอบด้วย 1) การครอบงำของมหาอำนาจต่างชาติ หรือ "จักรพรรดินิยม" 2) ระบอบการปกครองแบบเก่า หรือ "ศักดินานิยม" และ 3) กลุ่มทุนใหญ่และขุนนางใหญ่ที่ใช้อำนาจบริหารประเทศแสวงผลประโยชน์ส่วนตน หรือ "ทุนนิยมขุนนาง"

การดำเนินสงคราม ต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธ ต้องหลั่งเลือดและสละชีวิต ปรากฏมีคนดีคนเก่งของพรรคฯเกิดขึ้นมากมาย ได้รับการจารึกไว้ในฐานะ "วีรชนผู้กล้า" ตราตรึงไว้ในประวัติศาสตร์จีนอย่างสมเกียรติ

อาจกล่าวได้ว่า ที่ใดต้องการมากที่สุด ไม่ว่าจะอันตรายมากน้อยแค่ไหน กระทั่งจำเป็นต้องเอาชีวิตเข้าแลก สมาชิกพรรคฯ จะเป็นผู้อาสา "นำหน้า" เสมอ ด้วยความตระหนักยิ่งถึง "ภารกิจ" ทางประวัติศาสตร์ของพรรคฯและของตนในฐานะสมาชิกพรรคฯ

2. ในห้วงของการฟื้นฟูบูรณะประเทศภายหลังสงครามสิ้นสุดลง (ภายหลังการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี ค.ศ.1949) พรรคฯจีนก้าวขึ้นเป็นพรรคบริหารประเทศ กำหนดแนวทาง นโยบายต่างๆ สำหรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา วัฒนธรรม ฯลฯ อย่างทั่วด้าน ต้องการผู้ปฏิบัติงานที่ทรหดอดทน ไม่กลัวยาก ไม่กลัวการเสียสละความสุขส่วนตัว ไปยังทุกๆ ที่ที่พรรคและรัฐบาลต้องการ ทั้งในเมืองและชนบท

มาตรฐานหรือค่านิยมของสมาชิกพรรคฯ ในห้วงดังกล่าว ก็คือ การถือเอาประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง การใดที่จะเป็นผลดีต่อส่วนรวม ต่อประเทศชาติ ไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหน ต้องใช้เวลานานแค่ไหน ก็ยินดีที่จะมุ่งไปแบกรับ ด้วยจิตใจที่ฮึกเหิม ฯลฯ

ในห้วงดังกล่าว ได้เกิดมี "บุคคลตัวอย่าง" ผู้อุทิศตนเพื่อส่วนรวมมากมาย ได้รับการเชิดชูสดุดี เป็นแบบอย่างของเยาวชนและประชาชนจีนอย่างเอิกเกริก เกียรติก้องกำจาย

3. เมื่อก้าวเข้าสู่ห้วงของการปฏิรูปและพัฒนาประเทศให้ทันสมัย (เริ่มตั้งแต่ปลายทศวรรษ ค.ศ. 1970) ภารกิจสำคัญคือการพัฒนาเศรษฐกิจ พรรคฯ จีนได้กำหนดแนวทาง นโยบายปฏิรูปและเปิดกว้างอย่างทั่วด้าน จำเป็นต้องมีบุคลากรของพรรคที่มีความรู้ความสามารถสูง มีความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาชีพเฉพาะมากมาย ทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์และสังคมศาสตร์ การพัฒนาการศึกษา การฝึกปรือทักษะในด้านต่างๆ กลายเป็นสิ่งจำเป็น

สมาชิกพรรคฯ ในฐานะ "กองหน้า" ของการพัฒนาประเทศให้ทันสมัย มีหน้าที่ต้องเร่งขวนขวาย ศึกษาหาความรู้ในสาขาวิชาต่างๆ ต้อง "เปิดกว้าง" เรียนรู้สิ่งดีๆ จากคนอื่นประเทศอื่น รวมทั้งทักษะการบริหารจัดการ

การใช้ความรู้และบุคคลที่มีความรู้ดำเนินการพัฒนาประเทศ ทำให้พรรคฯ จีนต้องปรับมาตรฐานและสาระของคุณสมบัติของสมาชิกพรรคฯ ให้ครอบคลุมไปถึงกลุ่มคนที่คิดเก่ง ทำเก่ง มีความรู้และทักษะในการบริหารจัดการ โดยไม่คำนึงว่าเขาหรือเธอคนนั้นจะมีฐานะร่ำรวยหรือไม่อย่างใด ขอแต่เพียงว่า เขาหรือเธอผู้นั้นยินดีที่จะอุทิศตัว ใช้ความรู้ความสามารถของตนอย่างเต็มที่ให้กับภารกิจการพัฒนาสร้างสรรค์ประเทศให้ทันสมัย เจริญก้าวหน้าเคียงบ่าเคียงไหล่กับนานาอารยประเทศได้อย่างแท้จริง ก็จะได้รับการพิจารณารับสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค และประเมินผลงานของความเป็นสมาชิกพรรคที่ดีจากผลงานในหน้าที่รับผิดชอบ

ในห้วงประวัติศาสตร์ดังกล่าว สิ่งที่น่าสนใจและจำเป็นต้องทำความเข้าใจให้ถึงแก่นก็คือ การนำเอาระบบเศรษฐกิจตลาดเข้ามาประยุกต์ใช้ในระบอบสังคมนิยมจีน

ผลคือ ทำให้เกิดการขับเคลื่อนของตลาด ทั้งตลาดการผลิต และตลาดการบริโภค การไหลเลื่อนของวัตถุดิบ สินค้า แรงงาน ฯลฯ ดำเนินไปได้อย่างคล่องตัว แตกต่างไปจากการใช้ระบบการวางแผนจากส่วนกลางอย่างชัดเจน

ผลต่อมาก็คือ เกิดการเหลื่อมล้ำของสถานภาพทางเศรษฐกิจของคนจีน มีคนกลุ่มหนึ่งรวยขึ้น และอีกหลายส่วนที่มีฐานะความเป็นอยู่แตกต่างกันไป (แบ่งเป็นระดับชั้นต่างๆ ได้ 10 ชั้นด้วยกัน)

คนดีคนเก่งที่จะแบกรับภารกิจทางประวัติศาสตร์ในการปลดปล่อยและพัฒนาพลังการผลิต จึงกระจายตัวอยู่ในกลุ่มคนชั้นต่างๆของสังคม แทนที่จะกระจุกตัวอยู่แต่ในกลุ่มชนผู้ใช้แรงงานกาย เช่นกรรมกรและเกษตรกร

ด้วยเหตุนี้ พรรคคอมมิวนิสต์จีนจึงได้กำหนดคุณสมบัติของสมาชิกพรรคว่า ขอแต่ให้ยอมรับและปฏิบัติตามอุดมการณ์ แนวทางนโยบาย ที่พรรคกำหนดไว้ ทุกคนไม่ว่าจะยากดีมีจนแค่ไหนอย่างไร ก็มีสิทธิสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้

เมื่อเข้าไปอยู่ในพรรคฯ เป็นคนดีคนเก่งของพรรค ก็จะได้รับคัดเลือกให้รับผิดชอบในตำแหน่งหน้าที่สำคัญ ร่วมกันบริหารประเทศให้เจริญรุ่งเรือง ประชาชนอยู่ดีกินดีมีสุขถ้วนหน้า

จึงเป็นที่ชัดเจนยิ่งว่า "คุณสมบัติ" พื้นฐานของพรรคและสมาชิกพรรคเหนือทุน ไม่ว่าจะอยู่ในห้วงประวัติศาสตร์ใด ล้วนแต่ตั้งอยู่บนหลัก "ตัวแทน 3 ประการ" โดยมีเนื้อหาสาระปรับเปลี่ยนไปตามสภาวะและขั้นตอนของความต้องการที่เป็นจริงของสังคม
กำลังโหลดความคิดเห็น