นายเนวิน ชิดชอบ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาปศุสัตว์แห่งชาติ ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วานนี้(26 ม.ค.)ว่า การจัดการน้ำนมดิบของเกษตรกรภายในประเทศ ซึ่งมีปริมาณการผลิต 2,377 ตัน/วัน คิดเป็น867,000 ตัน/ปี โดยที่ประชุมได้ร่วมกันกำหนดหลักการจัดการไว้ 2 แนวทางคือการกำหนดเกณฑ์โควตานมโรงเรียน และการจัดตั้งกองทุนเพื่อรับซื้อน้ำนมดิบ
แนวทางแรก หากผู้ประกอบการรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรภายในประเทศ 2 ส่วน จะได้รับสิทธิ์ในการขายนมเข้าโครงการส่งเสริมนมโรงเรียน 1 ส่วน โดยส่วนที่เหลืออีก 1 ส่วน ผู้ประกอบการก็นำไปขายในตลาดในเชิงพาณิชย์ตามกระบวนการ คาดว่าตามหลักการนี้จะรองรับน้ำนมดิบของเกษตรกรภายในประเทศได้ จำนวน 290,000
ตัน/ปี ทำให้เหลืออยู่อีก 577,000 ตัน/ปี
สำหรับ น้ำนมดิบของเกษตรกรที่เหลือจากการแก้ไขปัญหาตามแนวทางแรก จำนวน 577,000 ตัน/ปีนั้น หลักการคือจะพิจารณาจากผู้ที่ได้รับจัดสรรโควตานำเข้านมผงขาดมันเนย โดยมีเงื่อนไขว่าหากซื้อน้ำนมดิบในประเทศ 6 ส่วน จะได้รับการจัดสรรโควตานำเข้านมผงขาดมันเนย 1 ส่วน ในกรณีผู้ประกอบการไม่ประสงค์จะรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรในประเทศ จะต้องบริจาคเงินเข้ากองทุน 25% ของราคานำเข้านมผง
คาดว่าจะมีเงินเข้ากองทุนในปีแรกจำนวน 220 ล้านบาท
ทั้งนี้ กองทุนน้ำนมดิบที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่นี้ จะนำเงินที่ได้จากการบริจาคไปซื้อนมกล่องแจกจ่ายนักเรียนได้เพิ่มมากขึ้น เท่ากับว่าจากเดิมเด็กนักเรียนได้ดื่มนมตามโครงการนมโรงเรียน 230 วัน/ปี จะได้ดื่มนมเพิ่มขึ้นเป็น 280 วัน/ปี ซึ่งหากเป็นไปตามหลักการนี้จะไม่มีปัญหาน้ำนมดิบล้นตลาดเกิดขึ้น อย่างแน่นอน
โดยกองทุนดังกล่าวจะจัดตั้งแล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์
ส่วนการจัดสรรโควตานำเข้านมผงขาดมันเนย ปี 2548 ตามพันธกรณี WTO และความตกลงการค้าเสรี ไทย-ออสเตรเลีย FTA จำนวน 57,200 ตัน/ปี ณ อัตราภาษี 5% โดยที่ประชุมได้มีมติจัดสรรโควตานมให้ผู้ประกอบการ 4 กลุ่มเช่นเดิม ประกอบด้วย กลุ่มผู้ผลิตนมข้น กลุ่มนิติบุคคลผู้ประกอบการแปรรูปอาหารนมอื่น กลุ่มนิติบุคคลผู้ผลิตเพื่อการส่งออก และกลุ่มนิติบุคคลผู้ผลิตน้ำนมเปรี้ยว เป็นต้น
นายเชิดชัย วิเชียรวรรณ โฆษกชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า หากรัฐบาลดำเนินการได้ตามหลักการนี้ เชื่อว่าจะสามารถแก้ไขปัญหานมล้นตลาดได้ เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีกลไกในการช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ประกอบการสามารถนำเข้านมผงจากต่างประเทศได้อย่างง่ายดายและเลือกที่จะไม่รับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรภายในประเทศปัญหาจึงเกิดขึ้น
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวเตรียมตัวขับเคลื่อนสมาชิกชุมนุมจำนวน 1 หมื่นคน เพื่อจัดฉากช่วยนายเนวิน กลบข่าวเรื่องการสัญญาซื้อเสียงนั้น ข้อเท็จจริงคือต้องการมาชุมนุมจริง แต่ไม่ได้เป็นการจัดฉากเพื่อเป็นเครื่องมือของพรรคการเมืองใด ต้องการมาเพราะความเดือดร้อนจริงๆ แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามที่พรรคการเมืองใดทำให้ชาวเกษตรกรโคนมเดือดร้อนก็จะต้องเกิดการชุมนุมประท้วงแน่นอน
แนวทางแรก หากผู้ประกอบการรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรภายในประเทศ 2 ส่วน จะได้รับสิทธิ์ในการขายนมเข้าโครงการส่งเสริมนมโรงเรียน 1 ส่วน โดยส่วนที่เหลืออีก 1 ส่วน ผู้ประกอบการก็นำไปขายในตลาดในเชิงพาณิชย์ตามกระบวนการ คาดว่าตามหลักการนี้จะรองรับน้ำนมดิบของเกษตรกรภายในประเทศได้ จำนวน 290,000
ตัน/ปี ทำให้เหลืออยู่อีก 577,000 ตัน/ปี
สำหรับ น้ำนมดิบของเกษตรกรที่เหลือจากการแก้ไขปัญหาตามแนวทางแรก จำนวน 577,000 ตัน/ปีนั้น หลักการคือจะพิจารณาจากผู้ที่ได้รับจัดสรรโควตานำเข้านมผงขาดมันเนย โดยมีเงื่อนไขว่าหากซื้อน้ำนมดิบในประเทศ 6 ส่วน จะได้รับการจัดสรรโควตานำเข้านมผงขาดมันเนย 1 ส่วน ในกรณีผู้ประกอบการไม่ประสงค์จะรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรในประเทศ จะต้องบริจาคเงินเข้ากองทุน 25% ของราคานำเข้านมผง
คาดว่าจะมีเงินเข้ากองทุนในปีแรกจำนวน 220 ล้านบาท
ทั้งนี้ กองทุนน้ำนมดิบที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่นี้ จะนำเงินที่ได้จากการบริจาคไปซื้อนมกล่องแจกจ่ายนักเรียนได้เพิ่มมากขึ้น เท่ากับว่าจากเดิมเด็กนักเรียนได้ดื่มนมตามโครงการนมโรงเรียน 230 วัน/ปี จะได้ดื่มนมเพิ่มขึ้นเป็น 280 วัน/ปี ซึ่งหากเป็นไปตามหลักการนี้จะไม่มีปัญหาน้ำนมดิบล้นตลาดเกิดขึ้น อย่างแน่นอน
โดยกองทุนดังกล่าวจะจัดตั้งแล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์
ส่วนการจัดสรรโควตานำเข้านมผงขาดมันเนย ปี 2548 ตามพันธกรณี WTO และความตกลงการค้าเสรี ไทย-ออสเตรเลีย FTA จำนวน 57,200 ตัน/ปี ณ อัตราภาษี 5% โดยที่ประชุมได้มีมติจัดสรรโควตานมให้ผู้ประกอบการ 4 กลุ่มเช่นเดิม ประกอบด้วย กลุ่มผู้ผลิตนมข้น กลุ่มนิติบุคคลผู้ประกอบการแปรรูปอาหารนมอื่น กลุ่มนิติบุคคลผู้ผลิตเพื่อการส่งออก และกลุ่มนิติบุคคลผู้ผลิตน้ำนมเปรี้ยว เป็นต้น
นายเชิดชัย วิเชียรวรรณ โฆษกชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า หากรัฐบาลดำเนินการได้ตามหลักการนี้ เชื่อว่าจะสามารถแก้ไขปัญหานมล้นตลาดได้ เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีกลไกในการช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ประกอบการสามารถนำเข้านมผงจากต่างประเทศได้อย่างง่ายดายและเลือกที่จะไม่รับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรภายในประเทศปัญหาจึงเกิดขึ้น
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวเตรียมตัวขับเคลื่อนสมาชิกชุมนุมจำนวน 1 หมื่นคน เพื่อจัดฉากช่วยนายเนวิน กลบข่าวเรื่องการสัญญาซื้อเสียงนั้น ข้อเท็จจริงคือต้องการมาชุมนุมจริง แต่ไม่ได้เป็นการจัดฉากเพื่อเป็นเครื่องมือของพรรคการเมืองใด ต้องการมาเพราะความเดือดร้อนจริงๆ แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามที่พรรคการเมืองใดทำให้ชาวเกษตรกรโคนมเดือดร้อนก็จะต้องเกิดการชุมนุมประท้วงแน่นอน