ผู้จัดการรายวัน– “แครอท เฮล์ทแคร์” ฉวยกระแสสุขภาพบูม เปิดตัวธุรกิจเครื่องดื่มสมุนไพรแบรนด์แคช 3 รสชาติแย่งตลาดชาเขียว-น้ำผลไม้ แย้มปีนี้มีสิทธิ์เปิดตัวเครื่องดื่มแก้อาการเมาค้างชนยักษ์ใหญ่ ตั้งเป้าสิ้นปีกวาดรายได้ 600 ล้านบาท คว้าแชร์10% ปีหน้าทุ่มงบ 100 ล้านบาทสร้างโรงงานผลิตเอง รับแผนทำผลิตภัณฑ์สมุนไพรครบวงจร
นางอินทิรา เขมกวัฒน์ ประธานบริหาร บริษัท แครอท เฮล์ทแคร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มสมุนไพรตราแคช เปิดเผยว่า ได้จัดตั้งบริษัทแครอท เฮล์ทแคร์ จำกัด ขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2547 ด้วยทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรใน 3 กลุ่ม ประกอบด้วย น้ำสมุนไพร อาหารเสริมและยาสมุนไพร และเครื่องสำอางสมุนไพรภายใต้ชื่อ “แคช”
ล่าสุด บริษัทได้ เปิดตัว ผลิตภัณฑ์น้ำสมุนไพรลงสู่ตลาดเป็นผลิตภัณฑ์แรก มีด้วยกัน 3 รสชาติ ได้แก่ ส้มแขกผสมคำฝอยและกระเจี๊ยบ,ใบหม่อนพลัส และเห็ดหลินจือผสมมะนาว โดยจะเริ่มวางจำหน่ายเดือนกุมภาพันธ์นี้ มี 2 ขนาด ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ขวดเพ็ท 500 ซีซี 30 บาท และยูเอเชที 14 บาท สำหรับในช่วงแรกได้ให้บริษัทมาลี บางกอก เป็นผู้ผลิต โดยมีกำลังผลิตแบ่งเป็นบรรจุภัณฑ์ขวดเพ็ท 4 แสนขวดต่อเดือน และยูเอชทีหลายล้านกล่องต่อเดือน และภายในปีนี้ บริษัทยังมีแผนเปิดตัวเครื่องดื่มสมุนไพรใหม่ 1-2 รสชาติ ได้แก่ เครื่องดื่มสมุนไพรแก้อาการเมาค้าง
ในปีแรกบริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ 600 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่ง 10% จากมูลค่าตลาดรวมชาเขียวและน้ำผลไม้ 6,000 ล้านบาท จากการใช้งบการตลาดรวม 50 ล้านบาท และแจกสินค้าตัวอย่างให้กลุ่มเป้าหมายเกิดการทดลองดื่ม ซึ่งบริษัทวางไว้เป็นกลุ่มคนทำงานเป็นหลัก ขณะที่สินค้าจะวางจำหน่ายทั้งช่องทางโมเดิร์นเทรด และเทรดดิชันนัลเทรด รวมทั้ง มีแผนจะเจาะช่องทางโรงพยาบาลเพิ่มเติมต่อไป โดยได้ให้บริษัท พรีเมียร์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เป็นตัวแทนจัดจำหน่าย
ในปีหน้าบริษัทจะทุ่มงบลงทุน 100 ล้านบาท ซื้อเครื่องจักรและสร้างโรงงานขึ้น จากนั้นทยอยเปิดผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและยาสมุนไพร รวมทั้งเครื่องสำอางภายใต้แบรนด์แคชต่อไป
“ตลาดเครื่องดื่มสมุนไพรจะเติบโตได้ดีจะต้องมีการสร้างตลาดด้วยการให้ความรู้ข้อมูลข่าวสารแก่กลุ่มเป้าหมาย ซึ่งบริษัทได้เตรียมจัดกิจกรรมการตลาด ด้วยการจัดงานสัมมนา โดยมองว่าภายในอีก 5 ปีข้างนี้ตลาดดังกล่าวอาจจะมีมูลค่าสูงถึง3,000 ล้านบาท ส่วนคู่แข่งในตลาดนี้จะเป็นกลุ่มเครื่องดื่มชาเขียวและน้ำผลไม้”
นางอินทิรา กล่าวว่า บริษัทยังมีแผนขยายเครื่องดื่มสมุนไพรไปยังตลาดต่างประเทศภายในอีก6เดือนหรือ 1 ปีข้างหน้านี้ โดยในเบื้องต้นวางไว้เป็นประเทศไต้หวัน ญี่ปุ่น ลาว พม่า เขมร มาเลเซีย และสิงคโปร์ และตั้งเป้าว่ารายได้รวมจากการทำธุรกิจในปีที่สองจะมี 700-800 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีแรกตั้งเป้า 600 ล้านบา
นางอินทิรา เขมกวัฒน์ ประธานบริหาร บริษัท แครอท เฮล์ทแคร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มสมุนไพรตราแคช เปิดเผยว่า ได้จัดตั้งบริษัทแครอท เฮล์ทแคร์ จำกัด ขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2547 ด้วยทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรใน 3 กลุ่ม ประกอบด้วย น้ำสมุนไพร อาหารเสริมและยาสมุนไพร และเครื่องสำอางสมุนไพรภายใต้ชื่อ “แคช”
ล่าสุด บริษัทได้ เปิดตัว ผลิตภัณฑ์น้ำสมุนไพรลงสู่ตลาดเป็นผลิตภัณฑ์แรก มีด้วยกัน 3 รสชาติ ได้แก่ ส้มแขกผสมคำฝอยและกระเจี๊ยบ,ใบหม่อนพลัส และเห็ดหลินจือผสมมะนาว โดยจะเริ่มวางจำหน่ายเดือนกุมภาพันธ์นี้ มี 2 ขนาด ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ขวดเพ็ท 500 ซีซี 30 บาท และยูเอเชที 14 บาท สำหรับในช่วงแรกได้ให้บริษัทมาลี บางกอก เป็นผู้ผลิต โดยมีกำลังผลิตแบ่งเป็นบรรจุภัณฑ์ขวดเพ็ท 4 แสนขวดต่อเดือน และยูเอชทีหลายล้านกล่องต่อเดือน และภายในปีนี้ บริษัทยังมีแผนเปิดตัวเครื่องดื่มสมุนไพรใหม่ 1-2 รสชาติ ได้แก่ เครื่องดื่มสมุนไพรแก้อาการเมาค้าง
ในปีแรกบริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ 600 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่ง 10% จากมูลค่าตลาดรวมชาเขียวและน้ำผลไม้ 6,000 ล้านบาท จากการใช้งบการตลาดรวม 50 ล้านบาท และแจกสินค้าตัวอย่างให้กลุ่มเป้าหมายเกิดการทดลองดื่ม ซึ่งบริษัทวางไว้เป็นกลุ่มคนทำงานเป็นหลัก ขณะที่สินค้าจะวางจำหน่ายทั้งช่องทางโมเดิร์นเทรด และเทรดดิชันนัลเทรด รวมทั้ง มีแผนจะเจาะช่องทางโรงพยาบาลเพิ่มเติมต่อไป โดยได้ให้บริษัท พรีเมียร์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เป็นตัวแทนจัดจำหน่าย
ในปีหน้าบริษัทจะทุ่มงบลงทุน 100 ล้านบาท ซื้อเครื่องจักรและสร้างโรงงานขึ้น จากนั้นทยอยเปิดผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและยาสมุนไพร รวมทั้งเครื่องสำอางภายใต้แบรนด์แคชต่อไป
“ตลาดเครื่องดื่มสมุนไพรจะเติบโตได้ดีจะต้องมีการสร้างตลาดด้วยการให้ความรู้ข้อมูลข่าวสารแก่กลุ่มเป้าหมาย ซึ่งบริษัทได้เตรียมจัดกิจกรรมการตลาด ด้วยการจัดงานสัมมนา โดยมองว่าภายในอีก 5 ปีข้างนี้ตลาดดังกล่าวอาจจะมีมูลค่าสูงถึง3,000 ล้านบาท ส่วนคู่แข่งในตลาดนี้จะเป็นกลุ่มเครื่องดื่มชาเขียวและน้ำผลไม้”
นางอินทิรา กล่าวว่า บริษัทยังมีแผนขยายเครื่องดื่มสมุนไพรไปยังตลาดต่างประเทศภายในอีก6เดือนหรือ 1 ปีข้างหน้านี้ โดยในเบื้องต้นวางไว้เป็นประเทศไต้หวัน ญี่ปุ่น ลาว พม่า เขมร มาเลเซีย และสิงคโปร์ และตั้งเป้าว่ารายได้รวมจากการทำธุรกิจในปีที่สองจะมี 700-800 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีแรกตั้งเป้า 600 ล้านบา