ครึ่งหลังของชีวิตโฮเวิร์ด ฮิวจ์ส ไม่ได้รุ่งโรจน์เหมือนช่วงวัยหนุ่ม แต่ก็มีสีสันจนอดนำมาเล่าไม่ได้
เส้นทางสายบันเทิงของเขาเริ่มขรุขระ เมื่อฮิวจ์สซื้อสตูดิโอ "อาร์เคโอ" ในฮอลลีวูดมาไว้ในครอบครอง แต่ก็ทำตัวไม่รับผิดชอบจนเสียการเสียงาน ส่วนเส้นทางสายการบินก็ย่ำแย่ ปี 1961 เขาถูกฝ่ายบริหารของสายการบิน TWA ซึ่งเขานั่งเป็นประธานอยู่ยื่นฟ้อง จนสุดท้ายต้องขายสายการบินให้คนอื่นไป ก่อนจะกลับเข้าวงการอีกครั้งช่วงทศวรรษ 1970 ด้วยการซื้อสายการบินแอร์เวสต์แล้วเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "ฮิวจ์ส แอร์เวสต์"
ช่วงปลายทศวรษ 1950 ฮิวจ์สมีอาการย้ำคิดย้ำทำ (OCD) หนุ่มสังคมที่ตกเป็นข่าวไม่เว้นแต่ละวันเก็บตัวเงียบ กลายเป็นหนุ่มลึกลับ จนมีข่าวลือกันว่าเขาป่วยหนัก มีปัญหาทางประสาท หรือแม้แต่ลือกันว่าเขาตายไปแล้ว และมีคนปลอมตัวเข้ามาแทน
ว่ากันว่าอาการของโรคนี้ มีให้เห็นตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1930 เพื่อนคนหนึ่งเล่าว่าเขาคลั่งไคล้กับขนาดของเมล็ดถั่วซึ่งเป็นอาหารโปรด และจะใช้ส้อมพิเศษคัดถั่วตามขนาดก่อนกิน เมื่ออาการปรากฏชัด เขาใช้ชีวิตในห้องมืด และหวาดกลัวเชื้อโรคอย่างหนัก อีกทั้งตัดผมและเล็บแค่ปีละครั้ง
ฮิวจ์สใช้ชีวิตอยู่ในเพนต์เฮาส์หรูชั้นบนสุดของโรงแรม และย้ายจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง จนกระทั่งเขาซื้อโรงแรม "เดสเซิร์ด อินน์" (เพราะโรงแรมขู่จะไล่เขาออก) รวมทั้งโรงแรมและคาสิโนอีกหลายแห่งในลาสเวกัส ฮิวจ์สนำลาสเวกัสเข้าสู่ยุคใหม่ เมื่อเขาซื้อกิจการจำนวนมากจากพวกมาเฟีย นอกจากนี้ยังซื้อสถานีโทรทัศน์ไว้ด้วย เพื่อจะได้มีอะไรดูตามใจยามที่ตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยโรคนอนไม่หลับ
ช่วงที่เขามีพฤติกรรมแปลกๆ คนที่ปวดหัวที่สุดคือบรรดาผู้ช่วยที่ต้องคอยตามเอาใจเจ้านาย ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ อย่างไอศกรีม ไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆ อย่างกรณีที่ฮิวจ์สสั่งจ่ายประธานาธิบดีลินดอน บี จอห์นสัน และริชาร์ด นิกสัน 1 ล้านดอลลาร์ เพื่อยุติโครงการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ เพราะเขากลัวอันตรายจากกัมมันตภาพรังสี (แน่นอนว่าไม่มีใครหาญกล้าไปติดสินบนผู้นำประเทศ พวกเขาบอกกับฮิวจ์สเพียงว่าประธานาธิบดีปฏิเสธข้อเสนอ ส่วนนิกสันนั้นติดต่อไม่ได้)
ในส่วนของชีวิตครอบครัว เขาแต่งงานกับนักแสดงสาว จีน ปีเตอร์ส ในปี 1957 และหย่าขาดจากกันในปี 1971 ซึ่งเธอยอมรับค่าเลี้ยงดูปีละ 7 หมื่นดอลลาร์ตลอดชีพ แต่ไม่รับทรัพย์สินอื่นๆ ของเขา และไม่เคยปริปากถึงรายละเอียดชีวิตส่วนตัวของทั้งคู่
ฮิวจ์สเสียชีวิตเมื่ออายุ 70 ปี ด้วยอาการไตวาย บนเครื่องบินระหว่างเดินทางจากเพนต์เฮาส์ในเม็กซิโกมาโรงพยาบาลในเมืองฮูสตัน เมื่อวันที่ 5 เมษายน 1976 รูปลักษณ์เขาเปลี่ยนจากเดิมมากจนเอฟบีไอยืนยันให้มีการตรวจลายนิ้วมือ เพื่อยืนยันว่าร่างผู้เสียชีวิตคือตัวฮิวจ์สจริงๆ
นักเขียนชีวประวัติรุ่นใหม่เชื่อว่า พฤติกรรมแปลกๆ ของเขานั้น เป็นอาการของโรคซิฟิลิสขั้นที่ 3 แต่ไม่ว่าข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร ชีวิตของโฮเวิร์ด ฮิวจ์สก็เป็นบุคคลที่โดดเด่น จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้นักเขียน ผู้สร้างหนัง รวมถึงนักแต่งเพลงจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
เส้นทางสายบันเทิงของเขาเริ่มขรุขระ เมื่อฮิวจ์สซื้อสตูดิโอ "อาร์เคโอ" ในฮอลลีวูดมาไว้ในครอบครอง แต่ก็ทำตัวไม่รับผิดชอบจนเสียการเสียงาน ส่วนเส้นทางสายการบินก็ย่ำแย่ ปี 1961 เขาถูกฝ่ายบริหารของสายการบิน TWA ซึ่งเขานั่งเป็นประธานอยู่ยื่นฟ้อง จนสุดท้ายต้องขายสายการบินให้คนอื่นไป ก่อนจะกลับเข้าวงการอีกครั้งช่วงทศวรรษ 1970 ด้วยการซื้อสายการบินแอร์เวสต์แล้วเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "ฮิวจ์ส แอร์เวสต์"
ช่วงปลายทศวรษ 1950 ฮิวจ์สมีอาการย้ำคิดย้ำทำ (OCD) หนุ่มสังคมที่ตกเป็นข่าวไม่เว้นแต่ละวันเก็บตัวเงียบ กลายเป็นหนุ่มลึกลับ จนมีข่าวลือกันว่าเขาป่วยหนัก มีปัญหาทางประสาท หรือแม้แต่ลือกันว่าเขาตายไปแล้ว และมีคนปลอมตัวเข้ามาแทน
ว่ากันว่าอาการของโรคนี้ มีให้เห็นตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1930 เพื่อนคนหนึ่งเล่าว่าเขาคลั่งไคล้กับขนาดของเมล็ดถั่วซึ่งเป็นอาหารโปรด และจะใช้ส้อมพิเศษคัดถั่วตามขนาดก่อนกิน เมื่ออาการปรากฏชัด เขาใช้ชีวิตในห้องมืด และหวาดกลัวเชื้อโรคอย่างหนัก อีกทั้งตัดผมและเล็บแค่ปีละครั้ง
ฮิวจ์สใช้ชีวิตอยู่ในเพนต์เฮาส์หรูชั้นบนสุดของโรงแรม และย้ายจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง จนกระทั่งเขาซื้อโรงแรม "เดสเซิร์ด อินน์" (เพราะโรงแรมขู่จะไล่เขาออก) รวมทั้งโรงแรมและคาสิโนอีกหลายแห่งในลาสเวกัส ฮิวจ์สนำลาสเวกัสเข้าสู่ยุคใหม่ เมื่อเขาซื้อกิจการจำนวนมากจากพวกมาเฟีย นอกจากนี้ยังซื้อสถานีโทรทัศน์ไว้ด้วย เพื่อจะได้มีอะไรดูตามใจยามที่ตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยโรคนอนไม่หลับ
ช่วงที่เขามีพฤติกรรมแปลกๆ คนที่ปวดหัวที่สุดคือบรรดาผู้ช่วยที่ต้องคอยตามเอาใจเจ้านาย ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ อย่างไอศกรีม ไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆ อย่างกรณีที่ฮิวจ์สสั่งจ่ายประธานาธิบดีลินดอน บี จอห์นสัน และริชาร์ด นิกสัน 1 ล้านดอลลาร์ เพื่อยุติโครงการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ เพราะเขากลัวอันตรายจากกัมมันตภาพรังสี (แน่นอนว่าไม่มีใครหาญกล้าไปติดสินบนผู้นำประเทศ พวกเขาบอกกับฮิวจ์สเพียงว่าประธานาธิบดีปฏิเสธข้อเสนอ ส่วนนิกสันนั้นติดต่อไม่ได้)
ในส่วนของชีวิตครอบครัว เขาแต่งงานกับนักแสดงสาว จีน ปีเตอร์ส ในปี 1957 และหย่าขาดจากกันในปี 1971 ซึ่งเธอยอมรับค่าเลี้ยงดูปีละ 7 หมื่นดอลลาร์ตลอดชีพ แต่ไม่รับทรัพย์สินอื่นๆ ของเขา และไม่เคยปริปากถึงรายละเอียดชีวิตส่วนตัวของทั้งคู่
ฮิวจ์สเสียชีวิตเมื่ออายุ 70 ปี ด้วยอาการไตวาย บนเครื่องบินระหว่างเดินทางจากเพนต์เฮาส์ในเม็กซิโกมาโรงพยาบาลในเมืองฮูสตัน เมื่อวันที่ 5 เมษายน 1976 รูปลักษณ์เขาเปลี่ยนจากเดิมมากจนเอฟบีไอยืนยันให้มีการตรวจลายนิ้วมือ เพื่อยืนยันว่าร่างผู้เสียชีวิตคือตัวฮิวจ์สจริงๆ
นักเขียนชีวประวัติรุ่นใหม่เชื่อว่า พฤติกรรมแปลกๆ ของเขานั้น เป็นอาการของโรคซิฟิลิสขั้นที่ 3 แต่ไม่ว่าข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร ชีวิตของโฮเวิร์ด ฮิวจ์สก็เป็นบุคคลที่โดดเด่น จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้นักเขียน ผู้สร้างหนัง รวมถึงนักแต่งเพลงจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว