xs
xsm
sm
md
lg

El Greco : จิตรกรกรีกในสเปน

เผยแพร่:   โดย: สุทัศน์ ยกส้าน


โลกรู้จัก Domenikos Theokopoulos ในนาม El Greco ซึ่งเป็นคำในภาษาสเปนที่แปลว่า คนกรีก ทั้งนี้เพราะ El Greco ถือกำเนิดที่เมือง Candia บนเกาะ Crete ซึ่งขณะนี้อยู่ในความปกครองของกรีซในปี พ.ศ. 2084 แต่ในสมัยนั้น Crete เป็นเมืองขึ้นของอิตาลี ในวัยเด็ก El Greco ได้รับการศึกษาเยี่ยงเด็กอิตาเลียนทั้งหลาย คือต้องรู้ละติน กรีก อิตาเลียน ปรัชญา ประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม และแพทยศาสตร์ แต่เขาสนใจวาดภาพมากที่สุด

เมื่ออายุได้ 19 ปี จึงออกเดินทางไป Venice ในอิตาลี เพราะที่นั่นมีจิตรกรที่มีชื่อเสียงเช่น Tintoretto และ Titian และได้ไปสมัครเป็นสานุศิษย์ของ Tintoretto เมื่อมีอายุได้ 26 ปี เขาก็ได้รับการยอมรับให้เป็นศิษย์ของ Titian แต่ El Greco รู้สึกว่า เขาได้รับความรู้ด้านการวาดภาพจาก Tintoretto มากกว่า จาก Titian พออีก 2 ปีต่อมา El Greco ก็ได้เดินทางไปโรม และได้เห็นภาพ The Last Judgement ของ Michelangelo ในวิหาร Sistine ซึ่งยิ่งใหญ่มาก การที่ Michelangelo วาดภาพของคนทุกคนในลักษณะเปลือย ทำให้สันตะปาปา Pius V ไม่ทรงโปรดปราน และ El Greco ก็ได้อาสาว่าจะวาดภาพใหม่ที่ผู้คนนุ่งห่มผ้าเรียบร้อยให้แทนทันทีที่ภาพของ Michelangelo ถูกทำลาย แต่ก็ไม่มีใครรับข้อเสนอนี้

ขณะพำนักที่โรม El Greco ได้เพื่อนชาวสเปนหลายคน และสนิทสนมกันมาก ดังนั้น เมื่อเพื่อนๆ เดินทางกลับ เขาจึงติดตามเพื่อนไปดำเนินชีวิตที่เมือง Toledo โดยการรับจ้างวาดภาพ และพำนักอยู่ที่เมืองนี้จนตลอดชีวิต

ถึงแม้จะพูดภาษาสเปนไม่ได้ แต่เขาก็ใช้ภาษากรีก และอิตาเลียนในการสื่อสารการมีชื่อกรีกที่เรียกยาก ทำให้ชาวเมืองตั้งชื่อใหม่ให้เขาว่า El Greco แทน ถึงกระนั้น El Greco ก็ไม่เคยเซ็นชื่อในภาพที่เขาวาดเป็นชื่ออื่น นอกจากชื่อดั้งเดิมของเขา (Domenesrikos Theokopoulos)เพราะเมือง Toledo ในสมัยนั้น เป็นศูนย์กลางการค้าขาย ศาสนาและศิลปวิทยาจึงมีผู้คนหลั่งไหลมาเยี่ยมเยือนมากมาย และ El Greco ก็ได้เป็นมิตรกับบุคคลหลายอาชีพ ทั้งที่เป็นกวี นักประพันธ์ ทนาย นักสำรวจ และนักการเมือง ถึงแม้ภาพของ El Greco จะเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนทั่วไป แต่สำหรับกษัตริย์ Philip ที่ 2 แล้ว เขาไม่ได้เป็นที่โปรดปรานเลย เพราะสไตล์การวาดภาพของ El Greco นั้น เขาได้ทำให้ตัวคนยืดและยาวจนดูผิดปกติ อีกทั้งสีที่ระบายก็ซีดไม่สดใส และรุนแรง

ปริศนาหนึ่งที่คนหลายคนถามคือ การที่ภาพคนของ El Greco มีลำตัว แขน และขาที่ยาวเกินคนปกตินั้น แสดงว่าตาของ El Greco ทำงานบกพร่องคือ เป็นอาการ astigmatism ซึ่งเกิดจากการที่ cornea ของลูกตาบิดเบี้ยวหรือไม่ ถึงแม้อาการผิดปกติเช่นนี้จะไม่รุนแรง เพราะคนที่เป็นจะเห็นภาพบิดเบี้ยว เสียรูปทรง แต่แพทย์ก็สามารถรักษาได้โดยการให้คนไข้สวมแว่นตาพิเศษ ในการทดลองเพื่อตอบคำถามนี้เมื่อ 10 ปีมาแล้ว Stuart Anstis นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย California ที่ San Diego ได้พบว่า ถึงแม้ว่าตาจิตรกรทั่วไปจะเป็น astigmatism แต่เขาก็สามารถวาดภาพที่ได้สัดส่วนพอดี ดังนั้น การที่ El Greco วาดภาพแบบนั้น เกิดจากความสามารถ และความนิยมของเขาเอง หาได้เกิดจากการที่ตาทำงานบกพร่องไม่

El Greco มีผลงานภาพมากมาย และหนึ่งในบรรดาภาพวาดที่มีชื่อเสียงคือ ภาพ The Burial of Count Orgaz ที่เขาวาดในปี 2129 (พระมหาธรรมราชา) โดยภาพวาดขนาด 4.8 เมตร x3.6 เมตรนี้ ขณะนี้อยู่ที่โบสถ์ Santo Tome ในเมือง Toledo ประเทศสเปน

จากภาพเราจะเห็นเหตุการณ์มหัศจรรย์ที่กำลังเกิดขึ้นในโบสถ์ Santo Tome ขณะมีพิธีฝังศพของ Don Gonzalo Ruiz เมื่อปี พ.ศ. 1855 ซึ่งมีตำนานเล่าขานกันว่า ได้มีนักบุญ St. Stephan และ St. Augustine เสด็จลงมาช่วยฝังด้วย ทั้งนี้เพราะ Ruiz เป็นคนใจบุญ ร่ำรวย มีอิทธิพล และเป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไป โดยเขาได้เขียนพินัยกรรมแสดงเจตจำนงว่า เมื่อเขาสิ้นชีวิตไปแล้ว เขาจะมอบเงิน แกะสองตัว ไก่ 16 ตัว เหล้าองุ่น 2 ขวด และเหรียญ 800 ชิ้น ให้เป็นการกุศลทุกปี และด้วยกรรมดีนี้เองเทพยดาจึงปรากฏตัวในงานพิธีฝังศพเขา เพื่อแสดงให้เห็นว่า เขาเป็นคนที่พระเจ้ารัก และเมื่อเสร็จพิธีเทพยดาทั้งสององค์ก็ได้หายตัวไป แต่ผู้คนก็ยังได้กลิ่นองค์เทพต่อไป

El Greco ได้วาดภาพของนักบุญทั้งสอง ในชุดเสื้อคลุมสีเหลือง โดยไม่มีวงแหวนแสงปรากฏเหนือศีรษะ คนที่มีเคราสีขาวคือ นักบวช Augustine ส่วนคนที่อยู่ข้างซ้ายของศพคือ นักบวช Stephan ซึ่งหนุ่มกว่า และถึงแม้จะมีนักบวชมาปรากฏตัว ผู้คนที่เข้าร่วมพิธีก็ไม่ได้แสดงอาการตกอกตกใจเลย คือแสดงอาการสำรวมกาย วาจา และใจที่ไม่มีการยกแขน ขา หรือทรุดเข่าลง ชายคนที่อยู่ขวาสุดของภาพเป็นพระนักบวชผู้ทำพิธีทางศาสนา ส่วนคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ข้างหลังของนักบวช ต่างก็มีเค้าหน้าของบุคคลในสมัยนั้นทุกคน ภาพของเด็กผู้ชายที่ยืนอยู่ทางซ้ายของภาพคือ บุตรชายของ El Greco ซึ่งขณะนั้นมีอายุได้ 8 ขวบ

จุดเด่นอีกจุดหนึ่งของภาพคือ ส่วนที่เป็นสวรรค์ ซึ่ง El Greco ได้ใช้พื้นที่ครึ่งบนแสดง นาง Mary ในชุดสีแดงสดใส และเป็นผู้หญิงคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ในสวรรค์ ชายหนุ่มคนที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าของนางคือ John the Baptist และบุคคลที่นั่งเหนือบุคคลทั้งสองคือ พระเยซูเจ้า ข้างหลัง Mary คือ St. Peter ที่ถือพวงกุญแจไขประตูสวรรค์ ต่ำลงมาจาก St. Peter คือ Moses ผู้ถือศิลาจารึกบัญญัติสิบประการ บุคคลใต้ภาพของ Mary กับ John the Baptist คือทูตสวรรค์ที่มีปีก โดย El Greco ได้วาดให้อุ้มทารกไว้ในอ้อมแขน และทารกนั้นคือ วิญญาณของ Ruiz ผู้ที่ได้ไปจุติใหม่บนสวรรค์ในรูปของทารกเล็กๆ ที่ลอยขึ้นไประหว่างก้อนเมฆสองก้อน

ภาพของ El Greco ภาพนี้ จึงเป็นภาพวาดของเหตุการณ์หลังจากที่ Ruiz ได้ตายไปแล้ว ซึ่งแสดงชีวิตของ Ruiz หลังความตาย เพราะ El Greco เชื่อว่า ชีวิตบนสวรรค์ของทุกคนสำคัญกว่าชีวิตของเขาคนนั้นบนโลกนั่นเอง

เมื่อใกล้ถึงวาระสุดท้ายของชีวิต สุขภาพของ El Greco ทรุดโทรมมาก เพราะในขณะที่มีชีวิตอยู่ เขาใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายมาก ดังนั้น เขาจึงมีปัญหาหนี้สินจนตลอดชีวิต El Greco จากโลกไป เมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2157 ขณะมีอายุได้ 73 ปี

เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ที่ผ่านมานี้ ภาพวาดของ El Greco ชื่อ The Baptism of Christ ถูกนำออกประมูลขายที่ Christies ในกรุงลอนดอน โดยผู้ที่นำออกขายเป็นชาวสเปนที่ครอบครัวได้ครอบครองภาพมานานถึง 150 ปี และไม่รู้ว่า El Greco คือคนวาดภาพ ส่วนผู้ที่ประมูลภาพไปได้คือ พิพิธภัณฑ์เมือง Iraklion ซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของ El Greco โดยพิพิธภัณฑ์ได้รับเงินบริจาคจากบรรดาชาวเมืองให้จัดซื้อภาพของ El Greco กลับไปติดตั้งในพิพิธภัณฑ์

สำหรับราคาของภาพหรือครับ 60 ล้านบาท (เท่านั้นเอง)

สุทัศน์ ยกส้าน ภาคีสมาชิก ราชบัณฑิตยสถาน




กำลังโหลดความคิดเห็น