ประชาธิปัตย์เปิดปราศรัยใหญ่ครั้งแรกที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ให้"หล่อจิ๋ว"เป็นคนเปิดเวที "บัญญัติ"เรียกร้องให้ประชาชนบอนไซพรรคไทยรักไทย ด้วยการเลือกปชป. ระบุทุกวันนี้เศรษฐกิจของประเทศโตเฉพาะในด้านธุรกิจโทรคมนาคม กับยานยนต์ มีคนรวยแค่2-3ตระกูล ขณะที่ภาคเกษตรมีแค่ 2 เปอร์เซนต์ "อภิสิทธิ์"จวกการจัดปาร์ตี้ลิสต์ บัญชี2-3 เป็นบัญชีเถื่อน ที่ประชาชนไม่สามารถตรวจสอบได้ ท้าให้ตั้งกก.สอบเรื่อง"เจ๊แดง"ใช้ฮ.ของทางราชการว่าผิดหรือไม่
เมื่อเวลา 18.00น.วานนี้ (14 ม.ค.) พรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำการเปิดปราศรัยใหญ่เพื่อหาเสียงเลือกตั้งส.ส.เป็นครั้งแรกที่ลานพระบรมรูปทรงม้า โดยนาย บัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรค ตอลดจนแกนนำพรรคคนสำคัญๆ อีกเป็นจำนวนมาก รวมทั้งผู้สมัครส.ส.ในกทม.ทั้ง 37เขต โดยมีประชาชนที่ให้การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมรับฟังประมาณ 3พันคน
การปราศรัยครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ ได้มอบหมายให้ นายอภิมงคล โสณกุล ผู้สมัคร ส.ส.เขต 6 ขึ้นทำการปราศรัยเป็นคนแรก โดยนายอภิมงคล ได้ชูนโยบายพรรคที่จะสนับสนุนให้มีการใช้ภาษาจีนเป็นภาษาที่ 2 ในเขตที่มีคนจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก รวมทั้งปรับปรุงระบบการจัดเก็บภาษีอากรใหม่ เพื่อแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นในองค์กร โดยจะให้มีคณะกรรมการจัดเก็บภาษีที่มีความเป็นอิสระ ไม่ถูกแทรกแซงโดยภาครัฐ และราชการ
ขณะที่ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้เรียกร้องให้คนกทม.และทั่วประเทศ ร่วมกันบอนไซพรรคไทยรักไทย ด้วยการหันมาเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่ 6 ก.พ.นี้
นายบัญญัติ กล่าวว่า หากประชาชนย้อนกลับไปดูว่า 4 ปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไร เชื่อว่าจะต้องตัดสินใจเลือกคนได้ถูกต้อง เนื่องจากรัฐบาลล้มเหลวหลายเรื่อง แต่พยายามสร้างนโยบายใหม่มากลบเกลื่อนรายวัน ด้วยวิธีการ 3 ประการ คือ สร้างภาพ สร้างความหวัง และ สร้างข่าวกลบข่าว ซึ่งถือว่าเป็นการหลอกลวงประชาชน
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า 4 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลคุยโต ว่าจะปลดปล่อยพันธนาการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอิทธิพล มาเฟีย ยาเสพติด คอร์รัปชั่น สามารถใช้หนี้ ไอเอ็มเอฟโดยเร็ว ถึงขนาดมีการชักธงประเทศไทย เพื่อประกาศประสิทธิภาพของตนเอง โดยลืมไปว่า ความจริงแล้วรัฐบาลที่ทำให้ไทยต้องขาดอิสรภาพ ก็คือคนกลุ่มเดียวกัน และรัฐบาลชุดนี้ยังเป็นรัฐบาลตระกูลเอื้อ มีการอาทรต่างๆ แต่ที่น่าเกลียดที่สุด คือเอื้อพวกตนเอง จนสื่อมวลชน ได้ตั้งฉายาอย่างนะสะใจ ว่า เป็นนายกฯจานด่วน
นายบัญญัติ กล่าวว่า สำหรับคนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจในวันนี้ว่าจะเลือกใคร ก็ลองเอาฉายาที่สื่อมวลชนตั้งให้นั้นมาพิจารณาดู ก็เพียงพอแล้วที่จะต้องมาร่วมกันบอนไซพรรคไทยรักไทย และในฐานะที่ตนเป็นคนการเมือง และตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลมา 4 ปี สามารถระบุได้ว่า มีการคอร์รัปชั่นที่ฉาวโฉ่ที่สุดในประเทศไทย และยังมีการสร้างหนี้เพิ่มให้ประเทศไม่น้อยกว่า 3 แสนล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมหนี้แฝง ที่ไปขอจากสถาบันการเงินของรัฐไปใช้ในโครงการประชานิยม ที่อาจจะต้องอาศัยภาษีอากรมาชดเชย
นายบัญญัติ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมามีใครบอกได้หรือไม่ว่า มีการทำรายได้ในธุรกิจโทรศัพท์มือถือ และดาวเทียมจนร่ำรวย นอกจากครอบครั้วนั้นครอบครัวเดียว หัวหน้าพรรคไทยรักไทยเคยประกาศว่า ภายใน 6 เดือนให้ประชาชนลองล้วงกระเป๋าตัวเอง จะพบว่ามีเงินมากขึ้นกว่าเดิม แต่เอาเข้าจริงก็มีแค่ 2-3 ตระกูลเท่านั้นมีเงินเพิ่ม ที่เติบโตขึ้น
ทุกวันนี้ธูรกิจที่เติบโตอันดับหนึ่ง 36.3 เปอร์เซนต์ เป็นด้านโทรคมนาคม รองลงมา 25เปอร์เซนต์ เป็นด้านยานยนต์ ขณะที่ภาคเกษตร เติบโตแค่ 2 เปอร์เซนต์ เมื่อเป็นเช่นนี้ คนไทยไม่แย่ตอนนี้ จะไปแย่ตอนไหน ต้องถือว่า คนกลุ่มนี้เป็นพวกที่ใจดำที่สุด ถ้ารวยบนพื้นฐานสุจริตเราก็ไม่ว่า แต่ถ้ารวยเพราะสนับสนุนให้ประชาชนฟุ่มเฟือย เราไม่สนับสนุน และต้องช่วยกันกำจัดออกไป รวมถึงนโยบายการเอาอบายมุขมาอยู่บนดิน ที่วันนี้ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลายเป็นผู้มีอิทธิพลเสียเอง มีการเอาเงินจากส่วนนี้ไปหาเสียงโดยการทัวร์นกขมิ้น และที่น่ากลัวที่สุด คือ มีการใช้อิทธิพลมืดกันมาก โดยรัฐบาลทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว เพราะไม่เจอกับตัวเอง มีการฆ่าหัวคะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ ไปหลายคน แต่ยังไม่สามรถหาผู้กระทำผิดได้ แต่พอคนของตนเองถูกฆ่า ก็ คาดคั้นให้หาตัวมาลงโทษให้ได้ เชื่อว่างานนี้มีแพะอีกแน่
นายบัญญัติ กล่าวด้วยว่า พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมจะเป็นทั้งฝ่ายค้าน และรัฐบาลอีกครั้ง ถ้าเทียบรัฐนาวา คือรถ 10 ล้อ หรือเรือเร็ว เราจะไม่ซิ่งจนแหกโค้ง แต่จะบริหารแบบค่อยเป็นค่อยไป ทุกครั้งที่เราเป็นฝ่ายค้าน เราทำอย่างเต็มใจ ไม่คิดว่าอดอยากปากแห้ง แต่ถ้าเป็นฝ่ายค้านที่มี 201 เสียง นายกฯที่มีแผลเต็มตัว จะหนีไม่พ้น เราเปิดโปงออกมาว่าอะไรที่แฝงอยู่ภายใต้หน้ากาก จะเปิดให้เห็นมากขึ้น
ต่อมานายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ได้ขึ้นปราศรัย โดยขอให้คนกทม.ให้ความไว้วางใจพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยการเลือกผู้สมัครของพรรคทั้ง 37 เขต และปาร์ตี้ลิสต์ด้วย เหมือนที่เคยมอบหมายให้ตนมาเป็นผู้ว่าฯ กทม.นอกจากนี้ นายอภิรักษ์ ยังกล่าวถึงผลงานในการบริหารกรุงเทพมหานครที่ผ่านมา โดยได้มอบของขวัญให้กับคนกรุงเทพไปแล้ว ด้วยนโยบาย ถนนสะอาด 10 สายสวนสาธารณะ 10แห่ง และกำลังจะลดค่าเก็บขยะจากเดือนละ 40 บา เหลือเพียง 20 บาท โดยจะเริ่มวันที่ 1 มี.ค.นี้
ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าว โจมตีการจัดทำบัญชีรายชื่อเลือกตั้งของพรรคไทยรักไทย ที่มีบัญชี 1-2-3 ว่าเป็นบัญชีเถื่อน เพราะอยู่นอกเหนือที่รัฐธรรมนูญกำหนด และการทำเช่นนี้จะเป็นการสร้างความสับสนให้กับประชาชน เมื่อกฎหมายไม่รับรองบัญชีที่ 2-3 ผลก็คือ คนเหล่านี้จะไม่ได้รับการตรวจสอบจากประชาชน
นายอภิสิทธิ์ ยังตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมไม่ทีการโชว์รูปผู้สมัครบางคนให้ชัดเจน เช่นนายเนวิน ชิดชอบ นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ซึ่งเป็นการจงใจที่จะหลีกเลี่ยงหรือไม่ นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังท้าให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งคณะกรรมการสอบกรณี นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ใช้เฮลิคอปเตอร์ ของทางราชการไปประชุมร่วมกับข้าราชการ ว่าสามารถ อนุญาตให้ใช้ทรัพย์สินของทางราชการได้หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลก็รู้แก่ใจว่าผิดหรือไม่ผิด ซึ่งเรื่องนี้ หากกกต.จะวินิจฉัยออกมาอย่างไร ตนก็พร้อมจะยอมรับ แต่คนที่มีเงินเป็นแสนล้าน ก็ไม่สามารถที่จะซื้อมายาทได้
เมื่อเวลา 18.00น.วานนี้ (14 ม.ค.) พรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำการเปิดปราศรัยใหญ่เพื่อหาเสียงเลือกตั้งส.ส.เป็นครั้งแรกที่ลานพระบรมรูปทรงม้า โดยนาย บัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรค ตอลดจนแกนนำพรรคคนสำคัญๆ อีกเป็นจำนวนมาก รวมทั้งผู้สมัครส.ส.ในกทม.ทั้ง 37เขต โดยมีประชาชนที่ให้การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมรับฟังประมาณ 3พันคน
การปราศรัยครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ ได้มอบหมายให้ นายอภิมงคล โสณกุล ผู้สมัคร ส.ส.เขต 6 ขึ้นทำการปราศรัยเป็นคนแรก โดยนายอภิมงคล ได้ชูนโยบายพรรคที่จะสนับสนุนให้มีการใช้ภาษาจีนเป็นภาษาที่ 2 ในเขตที่มีคนจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก รวมทั้งปรับปรุงระบบการจัดเก็บภาษีอากรใหม่ เพื่อแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นในองค์กร โดยจะให้มีคณะกรรมการจัดเก็บภาษีที่มีความเป็นอิสระ ไม่ถูกแทรกแซงโดยภาครัฐ และราชการ
ขณะที่ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้เรียกร้องให้คนกทม.และทั่วประเทศ ร่วมกันบอนไซพรรคไทยรักไทย ด้วยการหันมาเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่ 6 ก.พ.นี้
นายบัญญัติ กล่าวว่า หากประชาชนย้อนกลับไปดูว่า 4 ปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไร เชื่อว่าจะต้องตัดสินใจเลือกคนได้ถูกต้อง เนื่องจากรัฐบาลล้มเหลวหลายเรื่อง แต่พยายามสร้างนโยบายใหม่มากลบเกลื่อนรายวัน ด้วยวิธีการ 3 ประการ คือ สร้างภาพ สร้างความหวัง และ สร้างข่าวกลบข่าว ซึ่งถือว่าเป็นการหลอกลวงประชาชน
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า 4 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลคุยโต ว่าจะปลดปล่อยพันธนาการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอิทธิพล มาเฟีย ยาเสพติด คอร์รัปชั่น สามารถใช้หนี้ ไอเอ็มเอฟโดยเร็ว ถึงขนาดมีการชักธงประเทศไทย เพื่อประกาศประสิทธิภาพของตนเอง โดยลืมไปว่า ความจริงแล้วรัฐบาลที่ทำให้ไทยต้องขาดอิสรภาพ ก็คือคนกลุ่มเดียวกัน และรัฐบาลชุดนี้ยังเป็นรัฐบาลตระกูลเอื้อ มีการอาทรต่างๆ แต่ที่น่าเกลียดที่สุด คือเอื้อพวกตนเอง จนสื่อมวลชน ได้ตั้งฉายาอย่างนะสะใจ ว่า เป็นนายกฯจานด่วน
นายบัญญัติ กล่าวว่า สำหรับคนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจในวันนี้ว่าจะเลือกใคร ก็ลองเอาฉายาที่สื่อมวลชนตั้งให้นั้นมาพิจารณาดู ก็เพียงพอแล้วที่จะต้องมาร่วมกันบอนไซพรรคไทยรักไทย และในฐานะที่ตนเป็นคนการเมือง และตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลมา 4 ปี สามารถระบุได้ว่า มีการคอร์รัปชั่นที่ฉาวโฉ่ที่สุดในประเทศไทย และยังมีการสร้างหนี้เพิ่มให้ประเทศไม่น้อยกว่า 3 แสนล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมหนี้แฝง ที่ไปขอจากสถาบันการเงินของรัฐไปใช้ในโครงการประชานิยม ที่อาจจะต้องอาศัยภาษีอากรมาชดเชย
นายบัญญัติ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมามีใครบอกได้หรือไม่ว่า มีการทำรายได้ในธุรกิจโทรศัพท์มือถือ และดาวเทียมจนร่ำรวย นอกจากครอบครั้วนั้นครอบครัวเดียว หัวหน้าพรรคไทยรักไทยเคยประกาศว่า ภายใน 6 เดือนให้ประชาชนลองล้วงกระเป๋าตัวเอง จะพบว่ามีเงินมากขึ้นกว่าเดิม แต่เอาเข้าจริงก็มีแค่ 2-3 ตระกูลเท่านั้นมีเงินเพิ่ม ที่เติบโตขึ้น
ทุกวันนี้ธูรกิจที่เติบโตอันดับหนึ่ง 36.3 เปอร์เซนต์ เป็นด้านโทรคมนาคม รองลงมา 25เปอร์เซนต์ เป็นด้านยานยนต์ ขณะที่ภาคเกษตร เติบโตแค่ 2 เปอร์เซนต์ เมื่อเป็นเช่นนี้ คนไทยไม่แย่ตอนนี้ จะไปแย่ตอนไหน ต้องถือว่า คนกลุ่มนี้เป็นพวกที่ใจดำที่สุด ถ้ารวยบนพื้นฐานสุจริตเราก็ไม่ว่า แต่ถ้ารวยเพราะสนับสนุนให้ประชาชนฟุ่มเฟือย เราไม่สนับสนุน และต้องช่วยกันกำจัดออกไป รวมถึงนโยบายการเอาอบายมุขมาอยู่บนดิน ที่วันนี้ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลายเป็นผู้มีอิทธิพลเสียเอง มีการเอาเงินจากส่วนนี้ไปหาเสียงโดยการทัวร์นกขมิ้น และที่น่ากลัวที่สุด คือ มีการใช้อิทธิพลมืดกันมาก โดยรัฐบาลทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว เพราะไม่เจอกับตัวเอง มีการฆ่าหัวคะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ ไปหลายคน แต่ยังไม่สามรถหาผู้กระทำผิดได้ แต่พอคนของตนเองถูกฆ่า ก็ คาดคั้นให้หาตัวมาลงโทษให้ได้ เชื่อว่างานนี้มีแพะอีกแน่
นายบัญญัติ กล่าวด้วยว่า พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมจะเป็นทั้งฝ่ายค้าน และรัฐบาลอีกครั้ง ถ้าเทียบรัฐนาวา คือรถ 10 ล้อ หรือเรือเร็ว เราจะไม่ซิ่งจนแหกโค้ง แต่จะบริหารแบบค่อยเป็นค่อยไป ทุกครั้งที่เราเป็นฝ่ายค้าน เราทำอย่างเต็มใจ ไม่คิดว่าอดอยากปากแห้ง แต่ถ้าเป็นฝ่ายค้านที่มี 201 เสียง นายกฯที่มีแผลเต็มตัว จะหนีไม่พ้น เราเปิดโปงออกมาว่าอะไรที่แฝงอยู่ภายใต้หน้ากาก จะเปิดให้เห็นมากขึ้น
ต่อมานายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ได้ขึ้นปราศรัย โดยขอให้คนกทม.ให้ความไว้วางใจพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยการเลือกผู้สมัครของพรรคทั้ง 37 เขต และปาร์ตี้ลิสต์ด้วย เหมือนที่เคยมอบหมายให้ตนมาเป็นผู้ว่าฯ กทม.นอกจากนี้ นายอภิรักษ์ ยังกล่าวถึงผลงานในการบริหารกรุงเทพมหานครที่ผ่านมา โดยได้มอบของขวัญให้กับคนกรุงเทพไปแล้ว ด้วยนโยบาย ถนนสะอาด 10 สายสวนสาธารณะ 10แห่ง และกำลังจะลดค่าเก็บขยะจากเดือนละ 40 บา เหลือเพียง 20 บาท โดยจะเริ่มวันที่ 1 มี.ค.นี้
ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าว โจมตีการจัดทำบัญชีรายชื่อเลือกตั้งของพรรคไทยรักไทย ที่มีบัญชี 1-2-3 ว่าเป็นบัญชีเถื่อน เพราะอยู่นอกเหนือที่รัฐธรรมนูญกำหนด และการทำเช่นนี้จะเป็นการสร้างความสับสนให้กับประชาชน เมื่อกฎหมายไม่รับรองบัญชีที่ 2-3 ผลก็คือ คนเหล่านี้จะไม่ได้รับการตรวจสอบจากประชาชน
นายอภิสิทธิ์ ยังตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมไม่ทีการโชว์รูปผู้สมัครบางคนให้ชัดเจน เช่นนายเนวิน ชิดชอบ นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ซึ่งเป็นการจงใจที่จะหลีกเลี่ยงหรือไม่ นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังท้าให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งคณะกรรมการสอบกรณี นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ใช้เฮลิคอปเตอร์ ของทางราชการไปประชุมร่วมกับข้าราชการ ว่าสามารถ อนุญาตให้ใช้ทรัพย์สินของทางราชการได้หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลก็รู้แก่ใจว่าผิดหรือไม่ผิด ซึ่งเรื่องนี้ หากกกต.จะวินิจฉัยออกมาอย่างไร ตนก็พร้อมจะยอมรับ แต่คนที่มีเงินเป็นแสนล้าน ก็ไม่สามารถที่จะซื้อมายาทได้