โบรกเกอร์มอง หุ้นกลุ่มสื่อสาร-รับเหมาก่อสร้าง เป็นหุ้นการเมืองเต็มตัว SHIN, ADVANC, SATTEL ,ITD, CK, STEC นำทีมฮอต ตามด้วย TNX TFI BEC ของ"ตระกูลมหากิจศิริ"กับ"มาลีนนท์"และหุ้นที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนักการเมืองอย่าง ITV UBC CSL TMB นักวิเคราะห์ ชี้ หุ้นการเมืองจะเป็นตัวกระตุ้นตลาดหุ้นยกต่อไป แต่ให้ระวัง sell on fect-เทขายหลังเห็นผลการเลือกตั้ง
ทันทีที่มโหรีปี่กลองทางการเมืองเริ่มดังขึ้นหลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีเปิดรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ(ปาร์ตี้ลิสต์)ขึ้นเมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา ในวงการตลาดหุ้นก็เริ่มมองหาความเกี่ยวโยงกันระหว่างนักการเมืองกับหุ้น นำไปสู่การวิเคราะห์การลงทุน"หุ้นการเมือง"ด้วยเช่นกัน
ยิ่งในภาวะที่ตลาดหุ้นไทยคึกคักแบบผิดหูผิดตาจากช่วงปลายปีที่ผ่านมา ดัชนีพุ่งเกือบ 30 จุด มาร์เก็ตแคปตลาดหุ้นขยายเพิ่มอีก 7.4 หมื่นล้านบาท มาอยู่ที่กว่า 4.707 ล้านล้านบาท ในเวลาแค่ 4 วันทำการ
ท่ามกลางเสียงป่าวร้องว่า นอกจากเรื่องของการโยกย้ายเงินในภูมิภาคมาใส่ตลาดหุ้นไทย เพราะที่ผ่านหุ้นไทยให้ผลตอบแทนติดลบติดอันดับต้นของโลกก็ว่าได้ ยังมีเรื่องของการเข้ามาซื้อดักของผู้จัดการกองทุนก่อนผลการเลือกตั้งจะออกในวันที่ 6 ก.พ.นี้
"ผู้จัดการรายวัน"สำรวจมุมมองของนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หรือ โบรกเกอร์ พบหลายแห่งฟันธงว่า หุ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับการเมืองในรูปแบบต่างๆ หรือที่เรียกว่าหุ้นการเมืองนั้น ต้องยกให้กลุ่มสื่อสาร กับ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
นางสาววิริยา ลาภพรหมรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า หุ้นในกลุ่มสื่อสารจะเป็นกลุ่มหนึ่งที่อาจจะมีการเข้าเก็งกำไรในฐานะที่เป็นหุ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับการเมือง ไม่ว่าจะเป็น บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น (SHIN),บริษัท แอดวานซ์อินโฟร์เซอร์วิส (ADVANC),บริษัท ชินแซทเทิลไลท์ (SATTEL)เป็นต้น
แต่ทั้งนี้เรื่องกทส.ยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้มีการเก็งกำไรอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามหากพิจารณาการลงทุนในหุ้น 3 บริษัทดังกล่าวยังคงแนะนำ "ซื้อลงทุน"เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทยังอยู่ในเกณฑ์ดี ทั้งนี้คงต้องจับตาดูการเชื่อมโยงโครงข่ายกับการใช้ดาวเทียม ไอพี สตาร์ ที่คาดว่า จะสามารถเริ่มใช้ได้ทันในไตรมาส 1/48
ส่วนโบรกเกอร์ไม่ใหญ่อย่างบริษัทหลักทรัพย์ แอ็ดคินซัน จำกัด(มหาชน)กลับมองว่า กลุ่มรับเหมาก่อสร้างซึ่งเกี่ยวข้องกับการเมืองน่าจะเคลื่อนไหวโดดเด่นกว่า เพราะมีเรื่องของโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานเข้ามาเกี่ยวข้อง
"หุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจะเป็นกลุ่มที่มีการปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น โดยจะมีประเด็นทางด้านการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลที่มีการกระตุ้นการสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในประชาชน" นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าว
นายรณกฤต กล่าวว่า หุ้นที่จะได้รับผลประโยชน์จากนโยบายดังกล่าว ยังคงเป็นหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มไม่ว่าจะเป็น บริษัท อิตาเลียนไทย(ITD),บริษัท ช.การช่าง (CK),บริษัท ซิโนทัยเอ็นจิเนียริ่ง (STEC) เป็นต้น เนื่องจากหุ้นดังกล่าวเป็นกลุ่มที่มีความสามารถในการรับงานสร้างขนาดใหญ่ ซึ่งหากพิจารณาตามพื้นฐานของบริษัทเหล่านี้ยังเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี
"หุ้นในกลุ่มนี้อาจจะได้รับผลดีอยู่บ้าง การปรับขึ้นของราคาอาจจะเร็วกว่าที่คาดไว้ แต่ทั้งนี้ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี"นายรณกฤต กล่าว
ขณะที่นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไซรัส กล่าวว่า หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่มีการปรับขึ้นอย่างโดดเด่นในช่วงนี้ โดยเฉพาะ ITD เนื่องจากมีการเก็งกำไรในส่วนของงานประมูลงานของภาครัฐซึ่งบริษัทดังกล่าวอาจจะไม่มีความเกี่ยวข้องที่ชัดเจนนักกับการเมือง แต่เป็นการปรับขึ้นจากผลประโยชน์ที่ได้รับจากนโยบายของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นของตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างประเทศ คงไม่ได้มาจากการเก็งกำไรในหุ้นที่มีความเกี่ยวโยงกับการเมือง แต่เป็นการไล่ซื้อหุ้นขนาดใหญ่ตามปกติ การปรับตัวขึ้นจึงเกิดขึ้นทั้งตลาดไม่เฉพาะกลุ่มใดเพียงกลุ่มหนึ่ง
ทั้งนี้ ยังคงต้องจับตาความเคลื่อนไหวของหุ้นทั้งในกลุ่มสื่อสาร กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่หลายคนเชื่อมโยงว่าเป็นหุ้นในกลุ่มการเมือง โดยอาจจะมีการขายทำกำไรรวมถึงขายบนความจริง หลังมีการประกาศผลการเลือกตั้งอย่างชัดเจน
ขณะที่นักลงทุนในตลาดหุ้นไทย มองว่า นอกจากหุ้นในกลุ่มสื่อสาร และก่อสร้างแล้วก็จะมีหุ้นที่อยู่ในเครือชินคอร์ป หรือมีกลุ่มชินวัตรเข้าไปถือหุ้นไว้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น บริษัท ไอทีวี (ITV)หุ้นบริษัท เอสซีแอสเซทแมเนจเม้นท์ (SC) ธนาคารทหารไทย (TMB)
ส่วนหุ้นที่ถูกจัดให้เป็นหุ้นกลุ่มทุนนักการเมือง ได้แก่ บริษัท ไทยฟิล์มอินดัสตรี้ส์ (TFI)บริษัท ไทยน๊อคซ์ (TNX)ของกลุ่มนายประยุทธ มหากิจศิริ หรือเสี่ยเนสกาแฟ ตามด้วย บริษัท บีอีซีเวิลด์ (BEC)ของกลุ่มนายประวิทย์ และนายประชา มาลีนนท์
นอกจากนี้ยังมีประเภทที่เป็นหุ้นที่มีเครือญาตินักการเมืองเข้าไปถือหุ้นอยู่แบบประปราย บริษัทโรงพยาบาลวิภาวดี (VIBHA) บริษัทเอสวีโอเอ (SVOA) หุ้น UBC ก็ตกเป็นหนึ่งในหุ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับการเมืองในฐานะที่เป็นหุ้นในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ของ "ธนินท์ เจียรวนนท์"
ที่ติดปลายนวมในสายตามนักลงทุนอีกก็คือ หุ้นในกลุ่มของนักธุรกิจดัง"สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง"ในฐานะที่เข้าไปเป็นหนึ่งในปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคชาติไทย
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์อีกราย กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นหลายฝ่ายคาดการณ์ล่วงหน้าว่า จะเป็นรัฐบาลชุดเดิม ซึ่งจะส่งผลให้นโยบายที่ภาครัฐ พยายามกระตุ้นทั้งเรื่องการสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในประเทศจะดำเนินหน้าต่อไป ทั้งนี้คาดว่าการไล่ซื้อของนักลงทุนในช่วงนี้เนื่องจากความมั่นใจว่ารัฐบาลชุดเดิมจะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง และจะกระตุ้นภาคการลงทุนได้
ทั้งนี้คงต้องติดตามว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นลักษณะใด จะเป็นการตั้งรัฐบาลพรรคเดียว หรือต้องเป็นรัฐบาลผสม ทั้งนี้เพราะเรื่องดังกล่าวอาจจะกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลในอนาคต
นายจงรัก ระรวยทราง กรรมการผู้อำนวยสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้รัฐบาลแล้ว เชื่อว่าการลงทุนของนักลงทุนก็จะต้องมีการติดตามเพื่อประเมินนโยบายของรัฐบาลใหม่ว่าจะเป็นอย่างไร
ทันทีที่มโหรีปี่กลองทางการเมืองเริ่มดังขึ้นหลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีเปิดรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ(ปาร์ตี้ลิสต์)ขึ้นเมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา ในวงการตลาดหุ้นก็เริ่มมองหาความเกี่ยวโยงกันระหว่างนักการเมืองกับหุ้น นำไปสู่การวิเคราะห์การลงทุน"หุ้นการเมือง"ด้วยเช่นกัน
ยิ่งในภาวะที่ตลาดหุ้นไทยคึกคักแบบผิดหูผิดตาจากช่วงปลายปีที่ผ่านมา ดัชนีพุ่งเกือบ 30 จุด มาร์เก็ตแคปตลาดหุ้นขยายเพิ่มอีก 7.4 หมื่นล้านบาท มาอยู่ที่กว่า 4.707 ล้านล้านบาท ในเวลาแค่ 4 วันทำการ
ท่ามกลางเสียงป่าวร้องว่า นอกจากเรื่องของการโยกย้ายเงินในภูมิภาคมาใส่ตลาดหุ้นไทย เพราะที่ผ่านหุ้นไทยให้ผลตอบแทนติดลบติดอันดับต้นของโลกก็ว่าได้ ยังมีเรื่องของการเข้ามาซื้อดักของผู้จัดการกองทุนก่อนผลการเลือกตั้งจะออกในวันที่ 6 ก.พ.นี้
"ผู้จัดการรายวัน"สำรวจมุมมองของนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หรือ โบรกเกอร์ พบหลายแห่งฟันธงว่า หุ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับการเมืองในรูปแบบต่างๆ หรือที่เรียกว่าหุ้นการเมืองนั้น ต้องยกให้กลุ่มสื่อสาร กับ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
นางสาววิริยา ลาภพรหมรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า หุ้นในกลุ่มสื่อสารจะเป็นกลุ่มหนึ่งที่อาจจะมีการเข้าเก็งกำไรในฐานะที่เป็นหุ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับการเมือง ไม่ว่าจะเป็น บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น (SHIN),บริษัท แอดวานซ์อินโฟร์เซอร์วิส (ADVANC),บริษัท ชินแซทเทิลไลท์ (SATTEL)เป็นต้น
แต่ทั้งนี้เรื่องกทส.ยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้มีการเก็งกำไรอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามหากพิจารณาการลงทุนในหุ้น 3 บริษัทดังกล่าวยังคงแนะนำ "ซื้อลงทุน"เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทยังอยู่ในเกณฑ์ดี ทั้งนี้คงต้องจับตาดูการเชื่อมโยงโครงข่ายกับการใช้ดาวเทียม ไอพี สตาร์ ที่คาดว่า จะสามารถเริ่มใช้ได้ทันในไตรมาส 1/48
ส่วนโบรกเกอร์ไม่ใหญ่อย่างบริษัทหลักทรัพย์ แอ็ดคินซัน จำกัด(มหาชน)กลับมองว่า กลุ่มรับเหมาก่อสร้างซึ่งเกี่ยวข้องกับการเมืองน่าจะเคลื่อนไหวโดดเด่นกว่า เพราะมีเรื่องของโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานเข้ามาเกี่ยวข้อง
"หุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจะเป็นกลุ่มที่มีการปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น โดยจะมีประเด็นทางด้านการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลที่มีการกระตุ้นการสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในประชาชน" นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าว
นายรณกฤต กล่าวว่า หุ้นที่จะได้รับผลประโยชน์จากนโยบายดังกล่าว ยังคงเป็นหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มไม่ว่าจะเป็น บริษัท อิตาเลียนไทย(ITD),บริษัท ช.การช่าง (CK),บริษัท ซิโนทัยเอ็นจิเนียริ่ง (STEC) เป็นต้น เนื่องจากหุ้นดังกล่าวเป็นกลุ่มที่มีความสามารถในการรับงานสร้างขนาดใหญ่ ซึ่งหากพิจารณาตามพื้นฐานของบริษัทเหล่านี้ยังเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี
"หุ้นในกลุ่มนี้อาจจะได้รับผลดีอยู่บ้าง การปรับขึ้นของราคาอาจจะเร็วกว่าที่คาดไว้ แต่ทั้งนี้ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี"นายรณกฤต กล่าว
ขณะที่นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไซรัส กล่าวว่า หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่มีการปรับขึ้นอย่างโดดเด่นในช่วงนี้ โดยเฉพาะ ITD เนื่องจากมีการเก็งกำไรในส่วนของงานประมูลงานของภาครัฐซึ่งบริษัทดังกล่าวอาจจะไม่มีความเกี่ยวข้องที่ชัดเจนนักกับการเมือง แต่เป็นการปรับขึ้นจากผลประโยชน์ที่ได้รับจากนโยบายของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นของตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างประเทศ คงไม่ได้มาจากการเก็งกำไรในหุ้นที่มีความเกี่ยวโยงกับการเมือง แต่เป็นการไล่ซื้อหุ้นขนาดใหญ่ตามปกติ การปรับตัวขึ้นจึงเกิดขึ้นทั้งตลาดไม่เฉพาะกลุ่มใดเพียงกลุ่มหนึ่ง
ทั้งนี้ ยังคงต้องจับตาความเคลื่อนไหวของหุ้นทั้งในกลุ่มสื่อสาร กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่หลายคนเชื่อมโยงว่าเป็นหุ้นในกลุ่มการเมือง โดยอาจจะมีการขายทำกำไรรวมถึงขายบนความจริง หลังมีการประกาศผลการเลือกตั้งอย่างชัดเจน
ขณะที่นักลงทุนในตลาดหุ้นไทย มองว่า นอกจากหุ้นในกลุ่มสื่อสาร และก่อสร้างแล้วก็จะมีหุ้นที่อยู่ในเครือชินคอร์ป หรือมีกลุ่มชินวัตรเข้าไปถือหุ้นไว้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น บริษัท ไอทีวี (ITV)หุ้นบริษัท เอสซีแอสเซทแมเนจเม้นท์ (SC) ธนาคารทหารไทย (TMB)
ส่วนหุ้นที่ถูกจัดให้เป็นหุ้นกลุ่มทุนนักการเมือง ได้แก่ บริษัท ไทยฟิล์มอินดัสตรี้ส์ (TFI)บริษัท ไทยน๊อคซ์ (TNX)ของกลุ่มนายประยุทธ มหากิจศิริ หรือเสี่ยเนสกาแฟ ตามด้วย บริษัท บีอีซีเวิลด์ (BEC)ของกลุ่มนายประวิทย์ และนายประชา มาลีนนท์
นอกจากนี้ยังมีประเภทที่เป็นหุ้นที่มีเครือญาตินักการเมืองเข้าไปถือหุ้นอยู่แบบประปราย บริษัทโรงพยาบาลวิภาวดี (VIBHA) บริษัทเอสวีโอเอ (SVOA) หุ้น UBC ก็ตกเป็นหนึ่งในหุ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับการเมืองในฐานะที่เป็นหุ้นในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ของ "ธนินท์ เจียรวนนท์"
ที่ติดปลายนวมในสายตามนักลงทุนอีกก็คือ หุ้นในกลุ่มของนักธุรกิจดัง"สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง"ในฐานะที่เข้าไปเป็นหนึ่งในปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคชาติไทย
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์อีกราย กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นหลายฝ่ายคาดการณ์ล่วงหน้าว่า จะเป็นรัฐบาลชุดเดิม ซึ่งจะส่งผลให้นโยบายที่ภาครัฐ พยายามกระตุ้นทั้งเรื่องการสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในประเทศจะดำเนินหน้าต่อไป ทั้งนี้คาดว่าการไล่ซื้อของนักลงทุนในช่วงนี้เนื่องจากความมั่นใจว่ารัฐบาลชุดเดิมจะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง และจะกระตุ้นภาคการลงทุนได้
ทั้งนี้คงต้องติดตามว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นลักษณะใด จะเป็นการตั้งรัฐบาลพรรคเดียว หรือต้องเป็นรัฐบาลผสม ทั้งนี้เพราะเรื่องดังกล่าวอาจจะกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลในอนาคต
นายจงรัก ระรวยทราง กรรมการผู้อำนวยสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้รัฐบาลแล้ว เชื่อว่าการลงทุนของนักลงทุนก็จะต้องมีการติดตามเพื่อประเมินนโยบายของรัฐบาลใหม่ว่าจะเป็นอย่างไร