ผู้จัดการรายวัน- ยาสีฟันสมุนไพรดอกบัวคู่ยืนกรานไม่มีนโยบายปรับลดราคา ล่าสุดทุ่มงบ 30 ล้านบาท เปิดตัวแคมเปญใหม่ "ผ้าขี้ริ้วห่อทอง" หวังให้ผู้บริโภคหันมาใช้ยาสีฟันขนาดใหญ่และขนาดแพ็คคู่เพิ่มมากขึ้น ล่าสุดเตรียมออกแพ็คคู่รสดั้งเดิมบุกตลาด คาดแคมเปญใหม่กระตุ้นยอดขายโต 10-15% เผยปัจจัยราคาน้ำมันดีเซลหากปรับขึ้นอาจส่งผลให้ปรับราคาสินค้าทุกขนาดตามไปด้วย
นายปิติ ลีเลิศพันธ์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ดอกบัวคู่ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดยาสีฟันมีการแข่งขันกันมาก ซึ่งช่วงปีที่ผ่านมาผู้ประกอบการในตลาดยาสีฟันหลายรายหันไปแข่งขันกันทางด้านราคาและออกสินค้าลักษณะเป็นแพคคู่มากขึ้นในราคาประมาณ 58-59 บาท ในขณะที่บริษัทฯไม่มีนโยบายปรับลดราคาสินค้าลง ดังนั้นในปีนี้บริษัทฯจึงออกแคมเปญใหม่ "ผ้าขี้ริ้วห่อทอง" เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันใช้ยาสีฟันในขนาดบรรจุภัณฑ์ที่ใหญ่ขึ้น คือ ขนาด 200 กรัมและบรรจุเป็นแพ็คคู่ ซึ่งขณะนี้บริษัทฯมีจำหน่ายขนาดแพ็คคู่เฉพาะรสเฟรชแอนด์คูล ล่าสุดบริษัทฯเตรียมออกยาสีฟันสมุนไพรดอกบัวคู่สูตรดั้งเดิมขนาด 200 กรัมแพ็คคู่ คาดว่าจะได้เห็นในเร็วๆนี้ โดยจะขายในราคาขายปลีก 96 บาท และขายทั่วไป 80 บาท ทั้งที่ผ่านมายาสีฟันดอกบัวคู่ขนาด 40 กรัมจะมียอดขายดีที่สุด 40% ขนาด 160 กรัม 40% และขนาด 20กรัม 20%
ทั้งนี้บริษัทฯได้ทุ่มงบทางการตลาดกว่า 30 ล้านบาทในการออกแคมเปญโปรโมชั่นใหม่ ซึ่งทำต่อเนื่องจากปีที่แล้วเพื่อเป็นการคืนกำไรให้แก่ลูกค้าของยาสีฟันดอกบัวคู่ 2 รส คือ สูตรดั้งเดิมและเฟรชแอนด์คูล โดยตั้งเป้าว่าแคมเปญนี้จะช่วยกระตุ้นยอดขายให้โต 10-15% ซึ่งแคมเปญดังกล่าวนี้จัดขึ้นเป็นระยะเวลา 6เดือนเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. -25 มิ.ย. 48 โดยได้ร่วมกับรายการ Q 20 ทางสถานีไอทีวี รวมถึงการออกภาพยนตร์โฆษณาชุดนักมวย ความยาว 15 วินาที นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมโรดโชว์และแจกสินค้าไปยังสถานที่ต่างๆจำนวน 3 แสนชิ้น
"เราไม่จำเป็นต้องเล่นด้านราคา ถึงดั๊มพ์ราคาลงไปก็ไม่ได้ช่วยเพิ่มยอดขายให้เรามากนัก แต่เราหวังว่าหลังจากออกแคมเปญนี้ไปจะช่วยเพิ่มยอดขายไซส์ใหญ่ขนาด 200 กรัมและขนาดแพ็คคู่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ไซส์เล็กขนาด 40 กรัมอาจจะมียอดขายลดลง" นายปิติกล่าว
ส่วนเรื่องการปรับราคาสินค้าขึ้นหรือไม่นั้น ขณะนี้บริษัทฯกำลังรอดูสถานการณ์ของราคาน้ำมันดีเซลก่อนว่าจะปรับราคาขึ้นหรือไม่ หากปรับขึ้นบริษัทฯก็ต้องขึ้นราคาสินค้าหมดทุกขนาด แต่หากไม่ขึ้นราคาบริษัทฯก็ยังคงราคาเดิมเอาไว้ ซึ่งที่ผ่านมาราคาวัตถุดิบบางตัวที่นำเข้า เช่น รสมินท์ ได้มีการปรับเพิ่มขึ้นแล้ว 7-8% แต่บริษัทฯก็ยังคงตรึงราคาเดิมไว้
ด้านตลาดต่างประเทศขณะนี้บริษัทฯได้มีการส่งออกสินค้าไปยังประเทศในแถบอาเซียน เช่น เขมร, ลาว,พม่าและเวียดนาม โดยยอดรายได้ของตลาดต่างประเทศ คิดเป็น 10% ของยอดขายทั้งหมดของบริษัทฯ
สำหรับตลาดรวมของยาสีฟันในปีที่ผ่านมามีมูลค่ารวม 4,800-5,000 ล้านบาท ผู้นำตลาดยังคงเป็นคอลเกต มีส่วนแบ่งทางตลาด 30-31% รองลงมาคือดาร์ลี 19% ดอกบัวคู่ 13% ใกล้ชิด 12%และค่ายไลออน 7-8% ทั้งนี้หากแบ่งเฉพาะยาสีฟันสมุนไพร ดอกบัวคู่เป็นผู้นำตลาดด้วยแชร์ประมาณ 67% ซึ่งที่ผ่านมาตลาดสมุนไพรมีการเติบโต 20% คาดว่าปีนี้ก็จะโตประมาณ 20% เนื่องจากผู้ประกอบรายใหญ่ในตลาดจะหันมาเล่นในตลาดดังกล่าวนี้ ในขณะที่ตลาดยาสีฟันทั่วไปมีอัตราการเติบโตคงที่
นายปิติ ลีเลิศพันธ์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ดอกบัวคู่ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดยาสีฟันมีการแข่งขันกันมาก ซึ่งช่วงปีที่ผ่านมาผู้ประกอบการในตลาดยาสีฟันหลายรายหันไปแข่งขันกันทางด้านราคาและออกสินค้าลักษณะเป็นแพคคู่มากขึ้นในราคาประมาณ 58-59 บาท ในขณะที่บริษัทฯไม่มีนโยบายปรับลดราคาสินค้าลง ดังนั้นในปีนี้บริษัทฯจึงออกแคมเปญใหม่ "ผ้าขี้ริ้วห่อทอง" เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันใช้ยาสีฟันในขนาดบรรจุภัณฑ์ที่ใหญ่ขึ้น คือ ขนาด 200 กรัมและบรรจุเป็นแพ็คคู่ ซึ่งขณะนี้บริษัทฯมีจำหน่ายขนาดแพ็คคู่เฉพาะรสเฟรชแอนด์คูล ล่าสุดบริษัทฯเตรียมออกยาสีฟันสมุนไพรดอกบัวคู่สูตรดั้งเดิมขนาด 200 กรัมแพ็คคู่ คาดว่าจะได้เห็นในเร็วๆนี้ โดยจะขายในราคาขายปลีก 96 บาท และขายทั่วไป 80 บาท ทั้งที่ผ่านมายาสีฟันดอกบัวคู่ขนาด 40 กรัมจะมียอดขายดีที่สุด 40% ขนาด 160 กรัม 40% และขนาด 20กรัม 20%
ทั้งนี้บริษัทฯได้ทุ่มงบทางการตลาดกว่า 30 ล้านบาทในการออกแคมเปญโปรโมชั่นใหม่ ซึ่งทำต่อเนื่องจากปีที่แล้วเพื่อเป็นการคืนกำไรให้แก่ลูกค้าของยาสีฟันดอกบัวคู่ 2 รส คือ สูตรดั้งเดิมและเฟรชแอนด์คูล โดยตั้งเป้าว่าแคมเปญนี้จะช่วยกระตุ้นยอดขายให้โต 10-15% ซึ่งแคมเปญดังกล่าวนี้จัดขึ้นเป็นระยะเวลา 6เดือนเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. -25 มิ.ย. 48 โดยได้ร่วมกับรายการ Q 20 ทางสถานีไอทีวี รวมถึงการออกภาพยนตร์โฆษณาชุดนักมวย ความยาว 15 วินาที นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมโรดโชว์และแจกสินค้าไปยังสถานที่ต่างๆจำนวน 3 แสนชิ้น
"เราไม่จำเป็นต้องเล่นด้านราคา ถึงดั๊มพ์ราคาลงไปก็ไม่ได้ช่วยเพิ่มยอดขายให้เรามากนัก แต่เราหวังว่าหลังจากออกแคมเปญนี้ไปจะช่วยเพิ่มยอดขายไซส์ใหญ่ขนาด 200 กรัมและขนาดแพ็คคู่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ไซส์เล็กขนาด 40 กรัมอาจจะมียอดขายลดลง" นายปิติกล่าว
ส่วนเรื่องการปรับราคาสินค้าขึ้นหรือไม่นั้น ขณะนี้บริษัทฯกำลังรอดูสถานการณ์ของราคาน้ำมันดีเซลก่อนว่าจะปรับราคาขึ้นหรือไม่ หากปรับขึ้นบริษัทฯก็ต้องขึ้นราคาสินค้าหมดทุกขนาด แต่หากไม่ขึ้นราคาบริษัทฯก็ยังคงราคาเดิมเอาไว้ ซึ่งที่ผ่านมาราคาวัตถุดิบบางตัวที่นำเข้า เช่น รสมินท์ ได้มีการปรับเพิ่มขึ้นแล้ว 7-8% แต่บริษัทฯก็ยังคงตรึงราคาเดิมไว้
ด้านตลาดต่างประเทศขณะนี้บริษัทฯได้มีการส่งออกสินค้าไปยังประเทศในแถบอาเซียน เช่น เขมร, ลาว,พม่าและเวียดนาม โดยยอดรายได้ของตลาดต่างประเทศ คิดเป็น 10% ของยอดขายทั้งหมดของบริษัทฯ
สำหรับตลาดรวมของยาสีฟันในปีที่ผ่านมามีมูลค่ารวม 4,800-5,000 ล้านบาท ผู้นำตลาดยังคงเป็นคอลเกต มีส่วนแบ่งทางตลาด 30-31% รองลงมาคือดาร์ลี 19% ดอกบัวคู่ 13% ใกล้ชิด 12%และค่ายไลออน 7-8% ทั้งนี้หากแบ่งเฉพาะยาสีฟันสมุนไพร ดอกบัวคู่เป็นผู้นำตลาดด้วยแชร์ประมาณ 67% ซึ่งที่ผ่านมาตลาดสมุนไพรมีการเติบโต 20% คาดว่าปีนี้ก็จะโตประมาณ 20% เนื่องจากผู้ประกอบรายใหญ่ในตลาดจะหันมาเล่นในตลาดดังกล่าวนี้ ในขณะที่ตลาดยาสีฟันทั่วไปมีอัตราการเติบโตคงที่