ผู้สื่อข่าวสายรัฐสภาเขาลงมติให้ฉายา สภาผู้แทนราษฎร ปีลิง 2547 ที่เพิ่งจะผ่านมาหมาดๆ ว่า สภา “ฮั้ว-ฮุบ” เหตุผลสรุปสั้นๆ ได้ว่า แม้บางพรรคการเมืองได้พยายามดูดรวมพรรคอื่นมาเป็นพรรคเดียวกันจนมีเสียงท่วมท้น แต่ก็พิสูจน์แล้วว่ามิใช่เพื่อสัมฤทธิผลของการทำงาน หากแต่เพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง “เหมือนกับสภาฯได้ฮั้วกับทุกฝ่ายจนลงตัว และท้ายสุดได้ฮุบทุกเสียงมาอยู่ในฝ่ายตนเองสำเร็จตามที่ต้องการ..”
ส่วนวุฒิสภา ได้รับฉายา “สภาโจ๊ก”...เหตุผลก็เพราะ “เละเทะเหมือนโจ๊ก”
ที่แสบสันสนั่นทรวงหนักกว่าโดนสึนามิเสียอีกก็คือ การตั้งฉายาให้ประธานวุฒิสภา.. คุณสุชน ชาลีเครือ เป็น “ประธานสุชิน” ในความหมายที่สามารถเขียนได้สั้นๆ ว่า..”ประธานสุชิน(วัตร)” เรียบร้อยโรง
เรียนชินเอื้ออาทรไปแล้ว..!!
ก็เอาเถอะ..อย่างน้อยๆ ประธานสุชินของผมก็มีโอกาสพิสูจน์ตัวเองอีกปีเศษ เพราะกว่าวุฒิสภาจะครบเทอมก็ วันที่ 22 มี.ค.49 จะหนักแน่นสวมวิญญาณอดีตผู้นำครูประชาบาล หรือจะหนักหนาเอื้ออาทรกว่าเก่าก็คงจะได้เห็นกัน...
ครับ..ก็ว่ากันไป...แต่ปรากฏการณ์ที่ผมอยากจะหมายเหตุเป็นพิเศษ ณ ตรงนี้ก็คือ...วันที่ 5 ม.ค.48 เป็นวันที่สภาผู้แทนราษฎร “ฮั้ว-ฮุบ” ของเรา เดินทางมาถึงวันที่ครบเทอม ครบ 4 ปีเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย...
จริงอยู่ในความหมายที่เป็นเนื้อหาสาระที่เป็นสากลนั้น แค่ถึงวันที่สภาฯได้ผ่านกฎหมายงบประมาณประจำปีให้รัฐบาลในปีที่สี่หรือปีสุดท้ายก็ถือว่า..ครบเทอม 4 ปีแล้ว ถึงจะยุบสภาก่อนวันที่ 5 ม.ค.48 สัก2 -3 เดือนก็ยังถือว่าครบเทอมแล้วก็ตาม แต่มันก็คงไม่เต็มความรู้สึกเหมือนกับการครบเทอมที่เต็มวันเต็มเดือน อย่างวันนี้..!!
ผมไม่ได้บ้าหรือถึงกับติดยึดรูปแบบหรอก แต่บอกตรงๆ ว่า..ไม่ว่าเนื้อหาหรือความเป็นจริงแห่งสภาผู้แทนราษฎรของเราจะถอยหลังลงคลองหรือวิวัฒน์ไปข้างหน้าแค่ไหน... ผมรู้สึกดีใจที่วันนี้ได้บันทึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับสภาฯของเรา..
ไม่เพียงสภาฯครบเทอม รัฐบาลก็ครบเทอม ได้ทำงาน โชว์กึ๋น แสดงธาตุแท้กันเต็ม 4 ปี...และมีแนวโน้มค่อนข้างชัดเจนว่าหลังเลือกตั้ง 6 ก.พ.48 นายกรัฐมนตรีและผู้บริหารประเทศยังจะเป็นคณะเดิม...แม้ว่าโอกาสที่จะทำลายสถิติครบเทอมเป็นรอบสองจะยากมากก็ตาม...
..ฯลฯ...
พูดถึงรัฐบาล คณะรัฐมนตรี ก็ต้องยกนิ้วให้ผู้สื่อข่าวสายทำเนียบรัฐบาลที่ช่วยกันตั้งฉายาประจำปี 2547 ให้บรรดาท่านเสนาบดีได้อย่างน่ารักน่าชัง แต่จริงจังในเนื้อหาจุดยืนแห่งวิชาชีพ แต่ก็น่าเสียดายที่ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่รอบนี้ข่าวสึนามิได้มาเบียดบังรัศมีข่าวการตั้งฉายาไปแทบสิ้น..
วันนี้.. ผมขอเป็นตัวช่วยผู้สื่อข่าวสายทำเนียบ บันทึกฉายาที่ว่าให้ปรากฏไว้ตรงนี้อีกครั้ง...
ฉายารัฐบาล - รัฐบาลกิน –แบ่ง
ฉายานายกฯ –ครม.
1) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร - “ผู้นำจานด่วน”
2) สมศักดิ์ เทพสุทิน - “โคบาลเป่าปี่”
3) สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ - “หน้าเด้งดอทคอม”
4) เนวิน ชิดชอบ - “ห้อย...จัดให้”
5) พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล – “เฮีย..ฟุ้ง”
6) สุวัจน์ ลิปตพัลลภ - “ส. โหย”
7) ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ - “คนดีที่ลืมโลก”
8) อดิศัย โพธารามิก - “เอี้ยมจุ๊นติดหล่ม”
9) วัฒนา เมืองสุข - “เขยเอื้ออาทร”
10) พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ - “ขุน...สึก”
วาทะแห่งปี - “โจรกระจอก”
ครับ บังเอิญจริงๆ ว่าวันนี้.... 5 ม.ค.48 นอกเหนือจากสภาฯจะครบเทอมแล้ว ยังเป็นวันผ่านมา1 ปีของเหตุการณ์ปล้นปืนจากค่ายทหารที่ อ.เจาะไอร้อง นราธิวาส เมื่อ 4 ม.ค.47 และครบรอบปีของวาทะ “โจรกระจอก” อีกต่างหาก…
บอกตรงๆ ว่าเหลียวหลังแลสภาฯ – รัฐบาลในรอบปีที่ผ่านมา แล้วพยายามมองสภาฯ – รัฐบาลหลังการเลือกตั้งแล้วต้องบอกว่า...น่าเป็นห่วงบ้านเมืองไม่น้อย ซึ่งผมคงไม่มีเนื้อที่จะอธิบายความกันตรงนี้ เอาเป็นว่าฉายาที่ผู้สื่อข่าวสายรัฐสภา สายทำเนียบรัฐบาลเขาตั้งให้ มันคือข้อมูลข้อเท็จจริงที่ใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด และถ้าปี 48 เรายังจะประสบกับชะตากรรมและฉายาเดิมๆ อีก มันก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ดี...
ก็ได้แต่หวังว่า...หลังจากได้ช่วยกันแสดงพลัง สำแดงฝีมือพลิกฟื้นประเทศหลังวิบัติภัยจากสึนามิ ... หลังการเลือกตั้ง 6 ก.พ.และจัดตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จ ทั้งนักการเมืองในสภาฯ นักการเมืองในทำเนียบรัฐบาลจะได้ทบทวนความคิดและบทบาทของตนเองกันสักครั้งหนึ่ง แบบเอาบ้านเอาเมือง..จริงๆ มิใช่เล่นการเมืองหรือกินบ้านกินเมืองไปวันๆ..ทั้งโดยเจตนาและไม่เจตนา..!?
สวัสดีปีใหม่ ครับ
ส่วนวุฒิสภา ได้รับฉายา “สภาโจ๊ก”...เหตุผลก็เพราะ “เละเทะเหมือนโจ๊ก”
ที่แสบสันสนั่นทรวงหนักกว่าโดนสึนามิเสียอีกก็คือ การตั้งฉายาให้ประธานวุฒิสภา.. คุณสุชน ชาลีเครือ เป็น “ประธานสุชิน” ในความหมายที่สามารถเขียนได้สั้นๆ ว่า..”ประธานสุชิน(วัตร)” เรียบร้อยโรง
เรียนชินเอื้ออาทรไปแล้ว..!!
ก็เอาเถอะ..อย่างน้อยๆ ประธานสุชินของผมก็มีโอกาสพิสูจน์ตัวเองอีกปีเศษ เพราะกว่าวุฒิสภาจะครบเทอมก็ วันที่ 22 มี.ค.49 จะหนักแน่นสวมวิญญาณอดีตผู้นำครูประชาบาล หรือจะหนักหนาเอื้ออาทรกว่าเก่าก็คงจะได้เห็นกัน...
ครับ..ก็ว่ากันไป...แต่ปรากฏการณ์ที่ผมอยากจะหมายเหตุเป็นพิเศษ ณ ตรงนี้ก็คือ...วันที่ 5 ม.ค.48 เป็นวันที่สภาผู้แทนราษฎร “ฮั้ว-ฮุบ” ของเรา เดินทางมาถึงวันที่ครบเทอม ครบ 4 ปีเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย...
จริงอยู่ในความหมายที่เป็นเนื้อหาสาระที่เป็นสากลนั้น แค่ถึงวันที่สภาฯได้ผ่านกฎหมายงบประมาณประจำปีให้รัฐบาลในปีที่สี่หรือปีสุดท้ายก็ถือว่า..ครบเทอม 4 ปีแล้ว ถึงจะยุบสภาก่อนวันที่ 5 ม.ค.48 สัก2 -3 เดือนก็ยังถือว่าครบเทอมแล้วก็ตาม แต่มันก็คงไม่เต็มความรู้สึกเหมือนกับการครบเทอมที่เต็มวันเต็มเดือน อย่างวันนี้..!!
ผมไม่ได้บ้าหรือถึงกับติดยึดรูปแบบหรอก แต่บอกตรงๆ ว่า..ไม่ว่าเนื้อหาหรือความเป็นจริงแห่งสภาผู้แทนราษฎรของเราจะถอยหลังลงคลองหรือวิวัฒน์ไปข้างหน้าแค่ไหน... ผมรู้สึกดีใจที่วันนี้ได้บันทึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับสภาฯของเรา..
ไม่เพียงสภาฯครบเทอม รัฐบาลก็ครบเทอม ได้ทำงาน โชว์กึ๋น แสดงธาตุแท้กันเต็ม 4 ปี...และมีแนวโน้มค่อนข้างชัดเจนว่าหลังเลือกตั้ง 6 ก.พ.48 นายกรัฐมนตรีและผู้บริหารประเทศยังจะเป็นคณะเดิม...แม้ว่าโอกาสที่จะทำลายสถิติครบเทอมเป็นรอบสองจะยากมากก็ตาม...
..ฯลฯ...
พูดถึงรัฐบาล คณะรัฐมนตรี ก็ต้องยกนิ้วให้ผู้สื่อข่าวสายทำเนียบรัฐบาลที่ช่วยกันตั้งฉายาประจำปี 2547 ให้บรรดาท่านเสนาบดีได้อย่างน่ารักน่าชัง แต่จริงจังในเนื้อหาจุดยืนแห่งวิชาชีพ แต่ก็น่าเสียดายที่ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่รอบนี้ข่าวสึนามิได้มาเบียดบังรัศมีข่าวการตั้งฉายาไปแทบสิ้น..
วันนี้.. ผมขอเป็นตัวช่วยผู้สื่อข่าวสายทำเนียบ บันทึกฉายาที่ว่าให้ปรากฏไว้ตรงนี้อีกครั้ง...
ฉายารัฐบาล - รัฐบาลกิน –แบ่ง
ฉายานายกฯ –ครม.
1) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร - “ผู้นำจานด่วน”
2) สมศักดิ์ เทพสุทิน - “โคบาลเป่าปี่”
3) สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ - “หน้าเด้งดอทคอม”
4) เนวิน ชิดชอบ - “ห้อย...จัดให้”
5) พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล – “เฮีย..ฟุ้ง”
6) สุวัจน์ ลิปตพัลลภ - “ส. โหย”
7) ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ - “คนดีที่ลืมโลก”
8) อดิศัย โพธารามิก - “เอี้ยมจุ๊นติดหล่ม”
9) วัฒนา เมืองสุข - “เขยเอื้ออาทร”
10) พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ - “ขุน...สึก”
วาทะแห่งปี - “โจรกระจอก”
ครับ บังเอิญจริงๆ ว่าวันนี้.... 5 ม.ค.48 นอกเหนือจากสภาฯจะครบเทอมแล้ว ยังเป็นวันผ่านมา1 ปีของเหตุการณ์ปล้นปืนจากค่ายทหารที่ อ.เจาะไอร้อง นราธิวาส เมื่อ 4 ม.ค.47 และครบรอบปีของวาทะ “โจรกระจอก” อีกต่างหาก…
บอกตรงๆ ว่าเหลียวหลังแลสภาฯ – รัฐบาลในรอบปีที่ผ่านมา แล้วพยายามมองสภาฯ – รัฐบาลหลังการเลือกตั้งแล้วต้องบอกว่า...น่าเป็นห่วงบ้านเมืองไม่น้อย ซึ่งผมคงไม่มีเนื้อที่จะอธิบายความกันตรงนี้ เอาเป็นว่าฉายาที่ผู้สื่อข่าวสายรัฐสภา สายทำเนียบรัฐบาลเขาตั้งให้ มันคือข้อมูลข้อเท็จจริงที่ใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด และถ้าปี 48 เรายังจะประสบกับชะตากรรมและฉายาเดิมๆ อีก มันก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ดี...
ก็ได้แต่หวังว่า...หลังจากได้ช่วยกันแสดงพลัง สำแดงฝีมือพลิกฟื้นประเทศหลังวิบัติภัยจากสึนามิ ... หลังการเลือกตั้ง 6 ก.พ.และจัดตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จ ทั้งนักการเมืองในสภาฯ นักการเมืองในทำเนียบรัฐบาลจะได้ทบทวนความคิดและบทบาทของตนเองกันสักครั้งหนึ่ง แบบเอาบ้านเอาเมือง..จริงๆ มิใช่เล่นการเมืองหรือกินบ้านกินเมืองไปวันๆ..ทั้งโดยเจตนาและไม่เจตนา..!?
สวัสดีปีใหม่ ครับ