นายอดิเทพ พิศาลบุตร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยโอเลฟินส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลกระทบจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิถล่มที่ 6 จังหวัดภาคใต้ว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทฯ แต่เชื่อว่าหลังจากสถานการณ์ดังกล่าวคลี่คลายลง และมีการฟื้นฟูที่อยู่อาศัย จะทำให้มีความต้องการใช้เม็ดพลาสติกที่ใช้ทำวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมปิโตรเคมีในปีนี้ ขณะที่ราคาพลาสติกน่าจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงด้วย
ซึ่งความต้องการใช้เอทิลีนจะเติบโตเมื่อเทียบกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี) ประมาณ 1.3-1.4 เท่า โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวลดลงบ้างจากเหตุการณ์ภาคใต้อยู่ที่ระดับ 5.5-6% แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อความต้องการใช้พลาสติก โดยเฉพาะพลาสติกที่ใช้ในภาคการก่อสร้าง และผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นต้น เชื่อว่าการใช้พลาสติกขยายตัวอยู่ที่ 8%
" เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ประสบภัยจากคลื่นยักษ์สึนามิใน 6 จังหวัดภาคใต้ บริษัทได้มอบเงินบริจาคแก่กองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยสำนักนายกรัฐมนตรีจำนวน 1 ล้านบาท และบริจาคร่วมกับปตท.ต่อกระทรวงพลังงานอีก 1 ล้านบาท เพื่อนำเข้ากองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยในระยะยาว"
นายอดิเทพ กล่าวถึงแผนการดำเนินธุรกิจว่า หลังจากบริษัทตัดสินใจลงทุนโครงการต่อเนื่อง EO Derivatives อีก 3 โครงการ ได้แก่ Ethoxylates , Ethanolamines และCholine Chloride เพื่อลดความเสี่ยงและรักษาการเติบโตของกำไรในช่วงขาลงของปิโตรเคมี ซึ่งโครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จประมาณปี 2550 หลังจากนั้นบริษัทจะพิจารณาเรื่องการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งอาจจะเข้าไปลงทุนในประเทศตะวันออกกลางที่มีต้นทุนด้านวัตถุดิบต่ำ โดยอาศัยช่องทางผ่านโอมาน ในฐานะผู้ถือหุ้นทีโอซี หลังจากมีข่าวว่าปูนซิเมนต์ไทยอาจจะเข้าไปลงทุนในอิหร่าน
" ในช่วงนี้เราจะระมัดระวังการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ ใช้เงินลงทุนมาก เพราะหากตัดสินใจลงทุนในช่วงนี้แล้วเสร็จในปี 2551 ก็จะเป็นช่วงขาลงปิโตรเคมีพอดี ทำให้เกิดความเสี่ยงด้านการลงทุนและค่าก่อสร้างก็แพงขึ้นถึง 50% ส่วนการลงทุนในตะวันออกกลางยังเป็นเรื่องระยะยาว 5ปี เพราะเราต้องการมุ่งสู่ดาวน์สตรีมเพื่อเข้าใกล้ผู้บริโภค โดยหวังว่าจะเป็นบริษัทปิโตรเคมีขนาดกลางที่ป้อนผลิตภัณฑ์ในตลาดภูมิภาคนี้ "
อย่างไรก็ตาม คาดว่าปีนี้บริษัทจะมีรายได้รวม 3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่น่าจะมีรายได้รวม 2.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการขยายกำลังการผลิตเอทิลีนอีก 3 แสนตัน/ปี
ซึ่งความต้องการใช้เอทิลีนจะเติบโตเมื่อเทียบกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี) ประมาณ 1.3-1.4 เท่า โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวลดลงบ้างจากเหตุการณ์ภาคใต้อยู่ที่ระดับ 5.5-6% แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อความต้องการใช้พลาสติก โดยเฉพาะพลาสติกที่ใช้ในภาคการก่อสร้าง และผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นต้น เชื่อว่าการใช้พลาสติกขยายตัวอยู่ที่ 8%
" เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ประสบภัยจากคลื่นยักษ์สึนามิใน 6 จังหวัดภาคใต้ บริษัทได้มอบเงินบริจาคแก่กองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยสำนักนายกรัฐมนตรีจำนวน 1 ล้านบาท และบริจาคร่วมกับปตท.ต่อกระทรวงพลังงานอีก 1 ล้านบาท เพื่อนำเข้ากองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยในระยะยาว"
นายอดิเทพ กล่าวถึงแผนการดำเนินธุรกิจว่า หลังจากบริษัทตัดสินใจลงทุนโครงการต่อเนื่อง EO Derivatives อีก 3 โครงการ ได้แก่ Ethoxylates , Ethanolamines และCholine Chloride เพื่อลดความเสี่ยงและรักษาการเติบโตของกำไรในช่วงขาลงของปิโตรเคมี ซึ่งโครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จประมาณปี 2550 หลังจากนั้นบริษัทจะพิจารณาเรื่องการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งอาจจะเข้าไปลงทุนในประเทศตะวันออกกลางที่มีต้นทุนด้านวัตถุดิบต่ำ โดยอาศัยช่องทางผ่านโอมาน ในฐานะผู้ถือหุ้นทีโอซี หลังจากมีข่าวว่าปูนซิเมนต์ไทยอาจจะเข้าไปลงทุนในอิหร่าน
" ในช่วงนี้เราจะระมัดระวังการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ ใช้เงินลงทุนมาก เพราะหากตัดสินใจลงทุนในช่วงนี้แล้วเสร็จในปี 2551 ก็จะเป็นช่วงขาลงปิโตรเคมีพอดี ทำให้เกิดความเสี่ยงด้านการลงทุนและค่าก่อสร้างก็แพงขึ้นถึง 50% ส่วนการลงทุนในตะวันออกกลางยังเป็นเรื่องระยะยาว 5ปี เพราะเราต้องการมุ่งสู่ดาวน์สตรีมเพื่อเข้าใกล้ผู้บริโภค โดยหวังว่าจะเป็นบริษัทปิโตรเคมีขนาดกลางที่ป้อนผลิตภัณฑ์ในตลาดภูมิภาคนี้ "
อย่างไรก็ตาม คาดว่าปีนี้บริษัทจะมีรายได้รวม 3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่น่าจะมีรายได้รวม 2.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการขยายกำลังการผลิตเอทิลีนอีก 3 แสนตัน/ปี