การกระทำอันใดไม่ว่าจะเป็นการกระทำโดยรัฐหรือปัจเจกบุคคล จะเกี่ยวข้องกับสามส่วนด้วยกัน กล่าวคือ กฎหมาย (legality) ความชอบธรรม (legitimacy) และธรรมอำนาจ (moral authority) ตัวอย่างเช่น การกระทำของรัฐอันได้แก่ ประกาศของฝ่ายบริหาร นโยบายของกระทรวง การลงโทษทางอาญา ในเบื้องต้นจะต้องสอดคล้องกับกฎหมายที่มีอยู่ เช่น รัฐธรรมนูญกำหนดว่าบุคคลต้องรับผิดทางอาญานั้นจะต้องมีกฎหมายบัญญัติว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิด
นอกจากจะต้องเกี่ยวข้องเรื่องกฎหมาย (legality) ก็ยังต้องมีเรื่องความชอบธรรม (legitimacy) ตัวอย่างเช่น ผู้หญิงคนหนึ่งถูกกล่าวหาว่าพยายามขโมยซาลาเปาเพื่อนำไปให้ลูกที่หิวโหยรับประทาน ผู้หญิงดังกล่าวถูกจับได้และกลายเป็นปัญหาที่มีการถกเถียงกันทั้งสังคม ทั้งนี้เนื่องจากความรู้สึกว่าซาลาเปานั้นเป็นของเก่าที่ขายไม่ออก ขณะเดียวกันด้วยความจำเป็นจึงทำให้ประกอบอาชญากรรมขึ้น โชคดีที่สำนักงานอัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องเป็นคดีอาญา นี่คือตัวอย่างของประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายและความชอบธรรม ถึงแม้จะทำผิดกฎหมายแต่ถ้ามีการลงโทษรุนแรงโดยไม่นำเอาข้อเท็จจริงมาพิจารณาที่ว่า เนื่องจากความยากจน ความหิวโหย ก็จะกลายเป็นปัญหาที่ขาดความชอบธรรมแม้จะถูกต้องตามกฎหมาย จริงๆ แล้วระบบการเมือง สังคมและเศรษฐกิจ จะต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์ที่สภาพน่าสังเวชดังกล่าวได้เกิดขึ้นในประเทศที่พยายามเป็นครัวของโลก ความพยายามที่จะผลิตอาหารเลี้ยงชาวโลก เลี้ยงคนของโลก ในขณะที่คนในประเทศยากจนถึงกลับต้องขโมยซาลาเปาเก่าๆ หนึ่งลูกเป็นเรื่องที่ขัดแย้งกันในตัว
ตัวอย่างกรณีผู้หญิงที่ขโมยซาลาเปานั้น ถ้าสมมติว่าได้ถูกศาลพิพากษาจำคุกสองเดือนก็จะกลายเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย (legality) ความชอบธรรม (legitimacy) และธรรมอำนาจ (moral authority) ด้วย ถึงแม้การจำคุกเป็นเรื่องที่ไม่ผิดกฎหมาย แต่เนื่องจากมีประเด็นความชอบธรรมทางการเมือง อำนาจดังกล่าวจะถูกมองว่าไม่มีลักษณะเป็นธรรมอำนาจ (moral authority) ทั้งนี้เนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่า นอกเหนือจากตีความตามลายลักษณ์อักษรและเจตนารมณ์ของกฎหมาย ยังมีส่วนสำคัญที่สุดก็คือข้อพิจารณาเกี่ยวกับมนุษยธรรม เพราะเมื่อใดก็ตามที่มีการละเมิดส่วนสุดท้ายนี้ปัญหาเรื่องธรรมอำนาจ (moral authority) จะกลายเป็นประเด็นขึ้นมาทันที
ในส่วนของปัจเจกบุคคลนั้น พ่อแม่มีอำนาจใจการตีลูกเพื่อการสั่งสอนอบรม แต่ถ้ามีการตีลูกจนถึงขั้นทำร้ายเนื่องจากอารมณ์พุ่งพล่าน ก็จะเกิดเป็นปัญหาเรื่องความชอบธรรมทันที ขณะเดียวกันการตีลูกโดยลูกไม่ได้กระทำผิดอันใดเป็นแต่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ลูกกระทำ เช่นลูกบอกว่าไม่เชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นสิทธิที่ทุกคนสามารถมีได้ การตีลูกเพราะพูดว่าไม่เชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะเป็นการกระทำที่ขาดธรรมอำนาจด้วย ถ้ากรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าวเกิดขึ้นจริงอาจทำให้พ่อแม่สูญเสียลูกได้ทั้งในแง่จิตใจ ความสัมพันธ์ และในแง่กายภาพ ศาลอาจไม่ให้เลี้ยงดูลูกต่อไปเพราะรัฐต้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนตามรัฐธรรมนูญ
นักกฎหมายที่ศึกษาวิชานิติศาสตร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถาบันการศึกษาของไทย ก่อนที่จะมีนิติปรัชญาเข้ามาเป็นวิชาในหลักสูตร มักจะให้น้ำหนักกฎหมายในส่วนที่เป็นลายลักษณ์อักษร ไม่ค่อยคำนึงถึงเจตนารมณ์ของเรื่องกฎหมายเพราะถูกฝึกมาให้เป็นผู้นำกฎหมายไปปฏิบัติ ดังนั้นจะยึดเอาตัวบทและถือลายลักษณ์อักษรเป็นสำคัญ ยิ่งประเด็นความชอบธรรมและธรรมอำนาจไม่มีการพูดถึง จึงไม่แปลกที่มีวุฒิสมาชิกท่านหนึ่งกล่าวในที่ประชุมอภิปรายว่า ถึงแม้รัฐธรรมนูญจะห้ามไม่ให้สมาชิกวุฒิสภาสังกัดพรรคการเมือง แต่ก็ไม่ได้ห้ามให้รวมกลุ่มและมีจุดยืนเป็นฝักเป็นฝ่ายทางการเมือง วุฒิสมาชิกผู้นั้นตีความรัฐธรรมนูญโดยเน้นที่ลายลักษณ์อักษรมากกว่าเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ โดยลืมไปว่าสมาชิกวุฒิสภาจะต้องไม่เป็นฝักเป็นฝ่ายทางการเมือง ไม่สังกัดพรรค พยายามวางตัวเป็นกลางในประเด็นความขัดแย้งต่างๆ
ตัวอย่างอีกตัวอย่างหนึ่งก็คือ ผู้หญิงที่สอบเข้าเรียนพยาบาลในสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งถูกตั้งข้อรังเกียจว่ามีน้ำหนักตัวเกินพิกัด แต่หลังจากมีการคัดค้านโดยสื่อมวลชนและสังคมก็ได้มีการรับนักศึกษาผู้นั้นเข้ารับการศึกษา ถ้าสมมติว่าโอกาสการเข้าศึกษาวิชาพยาบาลของเด็กหญิงผู้นั้นเกิดขึ้นไม่ได้เนื่องจากปัญหาน้ำหนักตัวซึ่งขัดต่อระเบียบข้อบังคับ ประเด็นเรื่องความชอบธรรม (legitimacy) และธรรมอำนาจ (moral authority) ก็จะเกิดขึ้น
จีนโบราณเป็นสังคมซึ่งเน้นคำสอนและปรัชญาสังคมของขงจื๊อเป็นหลัก ปรัชญาสังคมขงจื๊อมุ่งเน้นที่การใช้คุณธรรมในการตัดสินปัญหาและการกระทำของมนุษย์ในสังคม การตัดสินปัญหาด้วยปรัชญาสังคมอาจจะขัดแย้งกับตัวบทกฎหมายได้ แต่ส่วนใหญ่ปรัชญาสังคมแบบขงจื๊อจะถูกให้ความสำคัญมากกว่า ตัวอย่างเช่น ลูกที่ดีต้องมีความกตัญญูต่อพ่อแม่ และชดใช้บุญคุณบิดามารดา ดังนั้น ถ้ามีชายผู้หนึ่งขโมยอาหารเพื่อนำไปให้มารดาซึ่งป่วยและหิวโหยรับประทานและถูกจับได้ ผู้พิพากษาไม่เพียงแต่ไม่เอาโทษผู้กระทำผิดยังอาจจะกล่าวยกย่องว่าเป็นลูกที่ดี มีความกตัญญูรู้คุณต่อบุพการี การเน้นปรัชญาดังกล่าวในการวินิจฉัยความถูกความผิด ความดีความเลว เป็นปัญหาอย่างหนักในยุคจักรพรรดิ์จิ๋นซี จักรพรรดิ์ผู้ยิ่งยงที่สร้างกำแพงเมืองจีน จิ๋นซีฮ่องเต้เน้นในการสร้างนิติรัฐ ใช้กฎหมายเป็นหลักในการปกครอง ใครทำผิดกฎหมายจะถูกลงโทษอย่างหนัก ทั้งนี้เนื่องจากต้องการกระชับอำนาจของรัฐบาล และเพื่อลดอิทธิพลของปรัชญาลัทธิขงจื๊อ จิ๋นซีฮ่องเต้ได้สังหารนักวิชาการขงจื๊อจำนวนมาก มีการฝังนักวิชาการดังกล่าวจนเหลือแต่ศรีษะ จากนั้นได้ใช้ที่ไถไถนาไถศรีษะ มีการเอานักวิชาการมาฝังทั้งเป็น หนังสือที่เขียนเกี่ยวกับลัทธิขงจื๊อถูกเผาทำลาย เช่นเดียวกับนาซีเยอรมันที่มีการสั่งเผาหนังสือเป็นจำนวนมาก
การมุ่งเน้นแต่ตัวบทกฎหมายโดยไม่คำนึงถึงความชอบธรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมตตาธรรม ย่อมไม่นำไปสู่ธรรมอำนาจ ราชวงศ์จิ๋นจึงอยู่ได้ไม่นาน ในความเป็นจริงการปกครองบริหารของจักรพรรดิ์จิ๋นซีฮ่องเต้เป็นการปกครองที่ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ (rule by law) ไม่ใช่เป็นการปกครองโดยมีหลักนิติธรรม (rule of law) เป็นฐาน การเน้นตัวบทกฎหมายที่ตราขึ้นด้วยตัวเองไม่ได้ให้ความชอบธรรมและธรรมอำนาจที่จะสังหารหมู่สาวกของขงจื๊อ การใช้อำนาจดังกล่าวไม่ใช่ธรรมอำนาจแต่เป็นอำนาจของ
ทรราชหรืออำนาจเป็นธรรม ด้วยเหตุนี้ระบบการปกครองและราชวงศ์จักรพรรดิ์จิ๋นซีจึงอยู่ได้ไม่นาน แม้จะยึดกฎหมายเป็นหลักแต่ก็ขาดความชอบธรรมทางการเมืองและขาดหลักนิติธรรมและธรรมอำนาจ
การใช้อำนาจโดยรัฐจึงต้องคำนึงถึงสามส่วนดังกล่าวมาเบื้องต้น อันได้แก่ ความถูกต้องตามกฎหมาย (legality) ความชอบธรรม (legitimacy) และธรรมอำนาจ (moral authority)
นอกจากจะต้องเกี่ยวข้องเรื่องกฎหมาย (legality) ก็ยังต้องมีเรื่องความชอบธรรม (legitimacy) ตัวอย่างเช่น ผู้หญิงคนหนึ่งถูกกล่าวหาว่าพยายามขโมยซาลาเปาเพื่อนำไปให้ลูกที่หิวโหยรับประทาน ผู้หญิงดังกล่าวถูกจับได้และกลายเป็นปัญหาที่มีการถกเถียงกันทั้งสังคม ทั้งนี้เนื่องจากความรู้สึกว่าซาลาเปานั้นเป็นของเก่าที่ขายไม่ออก ขณะเดียวกันด้วยความจำเป็นจึงทำให้ประกอบอาชญากรรมขึ้น โชคดีที่สำนักงานอัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องเป็นคดีอาญา นี่คือตัวอย่างของประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายและความชอบธรรม ถึงแม้จะทำผิดกฎหมายแต่ถ้ามีการลงโทษรุนแรงโดยไม่นำเอาข้อเท็จจริงมาพิจารณาที่ว่า เนื่องจากความยากจน ความหิวโหย ก็จะกลายเป็นปัญหาที่ขาดความชอบธรรมแม้จะถูกต้องตามกฎหมาย จริงๆ แล้วระบบการเมือง สังคมและเศรษฐกิจ จะต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์ที่สภาพน่าสังเวชดังกล่าวได้เกิดขึ้นในประเทศที่พยายามเป็นครัวของโลก ความพยายามที่จะผลิตอาหารเลี้ยงชาวโลก เลี้ยงคนของโลก ในขณะที่คนในประเทศยากจนถึงกลับต้องขโมยซาลาเปาเก่าๆ หนึ่งลูกเป็นเรื่องที่ขัดแย้งกันในตัว
ตัวอย่างกรณีผู้หญิงที่ขโมยซาลาเปานั้น ถ้าสมมติว่าได้ถูกศาลพิพากษาจำคุกสองเดือนก็จะกลายเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย (legality) ความชอบธรรม (legitimacy) และธรรมอำนาจ (moral authority) ด้วย ถึงแม้การจำคุกเป็นเรื่องที่ไม่ผิดกฎหมาย แต่เนื่องจากมีประเด็นความชอบธรรมทางการเมือง อำนาจดังกล่าวจะถูกมองว่าไม่มีลักษณะเป็นธรรมอำนาจ (moral authority) ทั้งนี้เนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่า นอกเหนือจากตีความตามลายลักษณ์อักษรและเจตนารมณ์ของกฎหมาย ยังมีส่วนสำคัญที่สุดก็คือข้อพิจารณาเกี่ยวกับมนุษยธรรม เพราะเมื่อใดก็ตามที่มีการละเมิดส่วนสุดท้ายนี้ปัญหาเรื่องธรรมอำนาจ (moral authority) จะกลายเป็นประเด็นขึ้นมาทันที
ในส่วนของปัจเจกบุคคลนั้น พ่อแม่มีอำนาจใจการตีลูกเพื่อการสั่งสอนอบรม แต่ถ้ามีการตีลูกจนถึงขั้นทำร้ายเนื่องจากอารมณ์พุ่งพล่าน ก็จะเกิดเป็นปัญหาเรื่องความชอบธรรมทันที ขณะเดียวกันการตีลูกโดยลูกไม่ได้กระทำผิดอันใดเป็นแต่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ลูกกระทำ เช่นลูกบอกว่าไม่เชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นสิทธิที่ทุกคนสามารถมีได้ การตีลูกเพราะพูดว่าไม่เชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะเป็นการกระทำที่ขาดธรรมอำนาจด้วย ถ้ากรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าวเกิดขึ้นจริงอาจทำให้พ่อแม่สูญเสียลูกได้ทั้งในแง่จิตใจ ความสัมพันธ์ และในแง่กายภาพ ศาลอาจไม่ให้เลี้ยงดูลูกต่อไปเพราะรัฐต้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนตามรัฐธรรมนูญ
นักกฎหมายที่ศึกษาวิชานิติศาสตร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถาบันการศึกษาของไทย ก่อนที่จะมีนิติปรัชญาเข้ามาเป็นวิชาในหลักสูตร มักจะให้น้ำหนักกฎหมายในส่วนที่เป็นลายลักษณ์อักษร ไม่ค่อยคำนึงถึงเจตนารมณ์ของเรื่องกฎหมายเพราะถูกฝึกมาให้เป็นผู้นำกฎหมายไปปฏิบัติ ดังนั้นจะยึดเอาตัวบทและถือลายลักษณ์อักษรเป็นสำคัญ ยิ่งประเด็นความชอบธรรมและธรรมอำนาจไม่มีการพูดถึง จึงไม่แปลกที่มีวุฒิสมาชิกท่านหนึ่งกล่าวในที่ประชุมอภิปรายว่า ถึงแม้รัฐธรรมนูญจะห้ามไม่ให้สมาชิกวุฒิสภาสังกัดพรรคการเมือง แต่ก็ไม่ได้ห้ามให้รวมกลุ่มและมีจุดยืนเป็นฝักเป็นฝ่ายทางการเมือง วุฒิสมาชิกผู้นั้นตีความรัฐธรรมนูญโดยเน้นที่ลายลักษณ์อักษรมากกว่าเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ โดยลืมไปว่าสมาชิกวุฒิสภาจะต้องไม่เป็นฝักเป็นฝ่ายทางการเมือง ไม่สังกัดพรรค พยายามวางตัวเป็นกลางในประเด็นความขัดแย้งต่างๆ
ตัวอย่างอีกตัวอย่างหนึ่งก็คือ ผู้หญิงที่สอบเข้าเรียนพยาบาลในสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งถูกตั้งข้อรังเกียจว่ามีน้ำหนักตัวเกินพิกัด แต่หลังจากมีการคัดค้านโดยสื่อมวลชนและสังคมก็ได้มีการรับนักศึกษาผู้นั้นเข้ารับการศึกษา ถ้าสมมติว่าโอกาสการเข้าศึกษาวิชาพยาบาลของเด็กหญิงผู้นั้นเกิดขึ้นไม่ได้เนื่องจากปัญหาน้ำหนักตัวซึ่งขัดต่อระเบียบข้อบังคับ ประเด็นเรื่องความชอบธรรม (legitimacy) และธรรมอำนาจ (moral authority) ก็จะเกิดขึ้น
จีนโบราณเป็นสังคมซึ่งเน้นคำสอนและปรัชญาสังคมของขงจื๊อเป็นหลัก ปรัชญาสังคมขงจื๊อมุ่งเน้นที่การใช้คุณธรรมในการตัดสินปัญหาและการกระทำของมนุษย์ในสังคม การตัดสินปัญหาด้วยปรัชญาสังคมอาจจะขัดแย้งกับตัวบทกฎหมายได้ แต่ส่วนใหญ่ปรัชญาสังคมแบบขงจื๊อจะถูกให้ความสำคัญมากกว่า ตัวอย่างเช่น ลูกที่ดีต้องมีความกตัญญูต่อพ่อแม่ และชดใช้บุญคุณบิดามารดา ดังนั้น ถ้ามีชายผู้หนึ่งขโมยอาหารเพื่อนำไปให้มารดาซึ่งป่วยและหิวโหยรับประทานและถูกจับได้ ผู้พิพากษาไม่เพียงแต่ไม่เอาโทษผู้กระทำผิดยังอาจจะกล่าวยกย่องว่าเป็นลูกที่ดี มีความกตัญญูรู้คุณต่อบุพการี การเน้นปรัชญาดังกล่าวในการวินิจฉัยความถูกความผิด ความดีความเลว เป็นปัญหาอย่างหนักในยุคจักรพรรดิ์จิ๋นซี จักรพรรดิ์ผู้ยิ่งยงที่สร้างกำแพงเมืองจีน จิ๋นซีฮ่องเต้เน้นในการสร้างนิติรัฐ ใช้กฎหมายเป็นหลักในการปกครอง ใครทำผิดกฎหมายจะถูกลงโทษอย่างหนัก ทั้งนี้เนื่องจากต้องการกระชับอำนาจของรัฐบาล และเพื่อลดอิทธิพลของปรัชญาลัทธิขงจื๊อ จิ๋นซีฮ่องเต้ได้สังหารนักวิชาการขงจื๊อจำนวนมาก มีการฝังนักวิชาการดังกล่าวจนเหลือแต่ศรีษะ จากนั้นได้ใช้ที่ไถไถนาไถศรีษะ มีการเอานักวิชาการมาฝังทั้งเป็น หนังสือที่เขียนเกี่ยวกับลัทธิขงจื๊อถูกเผาทำลาย เช่นเดียวกับนาซีเยอรมันที่มีการสั่งเผาหนังสือเป็นจำนวนมาก
การมุ่งเน้นแต่ตัวบทกฎหมายโดยไม่คำนึงถึงความชอบธรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมตตาธรรม ย่อมไม่นำไปสู่ธรรมอำนาจ ราชวงศ์จิ๋นจึงอยู่ได้ไม่นาน ในความเป็นจริงการปกครองบริหารของจักรพรรดิ์จิ๋นซีฮ่องเต้เป็นการปกครองที่ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ (rule by law) ไม่ใช่เป็นการปกครองโดยมีหลักนิติธรรม (rule of law) เป็นฐาน การเน้นตัวบทกฎหมายที่ตราขึ้นด้วยตัวเองไม่ได้ให้ความชอบธรรมและธรรมอำนาจที่จะสังหารหมู่สาวกของขงจื๊อ การใช้อำนาจดังกล่าวไม่ใช่ธรรมอำนาจแต่เป็นอำนาจของ
ทรราชหรืออำนาจเป็นธรรม ด้วยเหตุนี้ระบบการปกครองและราชวงศ์จักรพรรดิ์จิ๋นซีจึงอยู่ได้ไม่นาน แม้จะยึดกฎหมายเป็นหลักแต่ก็ขาดความชอบธรรมทางการเมืองและขาดหลักนิติธรรมและธรรมอำนาจ
การใช้อำนาจโดยรัฐจึงต้องคำนึงถึงสามส่วนดังกล่าวมาเบื้องต้น อันได้แก่ ความถูกต้องตามกฎหมาย (legality) ความชอบธรรม (legitimacy) และธรรมอำนาจ (moral authority)