“อุตสาหกรรมนมไทย” ฮึดสู้หลังปรับโครงสร้างและเริ่มมีรายได้เข้าเป้าปี45 ประกาศแผนปีหน้าระดมเงินลงทุน 325 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิตไลน์สินค้าเกือบทุกประเภท พร้อมเตรียมรีเทิร์นโยเกิร์ต ลงสู่ตลาด แย้มอยู่ระหว่างพิจารณาแบรนด์ออร์คิดหรือมะลิ เตรียมเปิดตัวนมข้นหวานพร้อมดื่มมะลิเจาะวัยทีน วางหมากแย่งแชร์ตลาดครีมเทียมข้นหวานคาร์เนชั่นปี48 เร่งยกเครื่องแบรนด์ออร์คิดใหม่และในอนาคตเตรียมอัพเกรดออร์คิดสู่ความเป็นพรีเมียม สิ้นปีหน้าโต10% ปีนี้กวาดรายได้ 5,000 ล้านบาท
นายโชคชัย ศุภวานิช ผู้อำนวยการฝ่ายโรงงาน บริษัทอุตสาหกรรมนมไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายนมพร้อมดื่ม นมข้นหวานตรามะลิ และครีมเทียมข้นหวานตราออร์คิด เปิดเผยว่า ในปีหน้านี้บริษัทจะทุ่มงบลงทุน325ล้านบาท โดยแบ่งเป็นงบลงทุนนมข้นหวาน 100 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตจาก 4.3 แสนลังต่อเดือน เพิ่มเป็น 6.3 แสนลังต่อเดือน ซึ่งจะติดตั้งเครื่องจักรในเดือนมิถุนายนนี้ ส่วนอีก 120 ล้านบาทเป็นการลงทุนด้านบรรจุภัณฑ์นมพร้อมดื่ม และ100ล้านบาท ขยายพื้นที่โกดังจาก 20,000 ตร.ม.เป็น 10,000ตร.ม. นอกจากนี้ยังได้เพิ่มกำลังการผลิตนมข้นจืดจาก2,500 ลังต่อวัน เป็น 3,500 ลังต่อวัน
สำหรับอีก 5 ล้านบาท เป็นงบลงทุนสำหรับผลิตภัณฑ์โยเกิร์ต ภายใต้ชื่อ”โย เพลท์”ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทได้เคยเปิดตัวลงสู่ตลาดเมื่อ5-7ปีที่ผ่านมา แต่ปรากฎว่าสินค้าไม่ได้รับการตอบรับจากตลาดจึงได้นำออกจากตลาด อย่างไรก็ตามการกลับมาทำตลาดในครั้งนี้ บริษัทกำลังพิจารณาว่าจะใช้ตราสินค้าภายใต้มะลิ หรือออร์คิด โดยจะเริ่มเปิดตัวในปลายปี48หรือต้นปี49 ในชนิดถ้วย และพร้อมดื่ม
ทั้งนี้สาเหตุที่บริษัทหันมาขยายไลน์ผลิตภัณฑ์โยเกิร์ต เป็นเพราะที่ผ่านมามีมาตรจากทางภาครัฐว่า หากนำเข้านมผงจะต้องมีการซื้อนมดิบจากเกษตรกรชาวไทยด้วย เพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรไทย ซึ่งการซื้อนมดิบส่งผลให้บริษัทมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นบริษัทจึงได้นำนมดิบที่มีอยู่มาผลิตโยเกิร์ต อีกทั้งยังได้นำนมดิบเข้ามาเป็นส่วนผสมในนมพร้อมดื่มตรามะลิ”
“ปีหน้าจะรุกหนักมากขึ้น เนื่องจากบริษัทมีความพร้อมภายในองค์กร โดยมีการปรับโครงสร้างการถือหุ้นใหม่ ซึ่งผู้ประกอบการไทยเข้าถือหุ้น100% ทำให้การบริหารคล่องตัวมากขึ้น เทียบกับเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา จะมีผู้ถือหุ้นจากออสเตรเลีย และมาเลเซียอยู่ด้วย อีกทั้งตลาดต่างประเทศก็ขยายตัวมากขึ้น ส่งผลให้ในปี 2545 บริษัทเริ่มมีกำไร หลังจากที่ขาดทุนติดต่อมาเป็นเวลา 5 ปี ส่งผลให้ส่วนแบ่งนมพร้อมดื่มมะลิลดลงจาก20%เหลือ3% ขณะที่นมข้นหวานลดลงจาก65%เป็น62%”
นายโชคชัย กล่าวว่า สำหรับแผนการทำตลาดนมพร้อมดื่มยูเอชทีในปีหน้านี้ บริษัทจะออกรสชาติใหม่ให้กับนมพร้อมดื่มมะลิ คือ รสนมข้นหวาน เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นเป็นหลัก รวมทั้งยังมีแผนที่จะปรับโฉมบรรจุภัณฑ์ขนาด 250 ซีซี มีรูปแบบสลิม เพื่อให้มีความทันสมัยมากขึ้น โดยคาดปีหน้าจะใช้งบในการทำตลาดมากกว่า 10% ของยอดขาย เทียบกับปีนี้ใช้10%ของยอดขาย และหลังจากที่รุกตลาดมากขึ้นคาดว่านมพร้อมดื่มตรามะลิมีส่วนเพิ่มจาก4% เป็น5% ส่วนชาเขียว,ชาเย็น,กาแฟเย็นพร้อมดื่มในปีแรกคาดว่าจะมีส่วนแบ่ง 3-4%จากมูลค่าตลาดรวมชา กาแฟ ชาเขียวใส่นม 14,000 ล้านบาท
นายสุพล วงศ์รุ่งโรจน์กิจ ผู้อำนวยการฝ่ายพาณิชย์ บริษัทอุตสาหกรรมนมไทย จำกัด กล่าวว่า สำหรับแผนการทำตลาดนมข้นหวานและครีมเทียมข้นหวานปีหน้านี้ บริษัทจะให้ความสำคัญกับตราออร์คิดมากขึ้น เนื่องจากภาพลักษณ์ตราสินค้ามีความทันสมัย สามารถเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้มากกว่าตรามะลิ ขณะเดียวกันการแข่งขันตลาดครีมเทียมข้นหวานมีความรุนแรง อาทิ คาร์เนชั่น เรือใบ ที่หันมาให้กระตุ้นตลาดในลักษณะประกอบอาหาร หรือช่องทางร้านกาแฟมากขึ้น แต่เนื่องจากนมข้นหวานมะลิมีราคาที่แพงกว่า เมื่อเทียบกับออร์คืดซึ่งมีราคาใกล้เคียงกับสินค้าคู่แข่งมากกว่า โดยล่าสุดในช่วงไตรมาสที่ 3 บริษัทได้มีปรับสูตรออร์คิด บรรจุภัณฑ์ให้มีความทันสมัยมากขึ้น และปีหน้าได้เตรียมทุ่มการตลาดมากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป และคาดว่าส่วนแบ่งตลาดออร์คิดจะเพิ่มจาก5%เป็น10%ในสิ้นปี48
“การออกสินค้าใหม่ต่อจากนี้ไป บริษัทจะขยายไลน์ภายใต้ตราสินค้าออร์คิดมากขึ้น เนื่องจากภาพลักษณ์ของสินค้าดูทันสมัย เหมาะกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยบริษัทวางเป้าหมายเอาไว้ว่าภายใน 10 ปี ตำแหน่งทางการตลาดของออร์คิดมีความเป็นพรีเมียมมากขึ้น โดยปัจจุบันออร์คิด มีสินค้านมข้นจืด สเตอรืไลน์ ครีมเทียมข้นหวาน และเนย”
ในส่วนของธุรกิจเนยบริษัทจะเพิ่มกำลังการผลิตจาก 250 ตันต่อเดือนเป็น 700 ตันต่อเดือน โดยได้มีการลงทุนไปแล้ว 20 ล้านบาท วางแผนเจาะร้านเบเกอรี่มากขึ้น รวมทั้งเพิ่มขนาดของบรรจุภัณฑ์เป็น 5 กิโลกรัม และ10 กิโลกรัม จากเดิมที่มีเพียงแต่บรรจุภัณฑ์ขนาดเล็ก สำหรับในช่วง2ปีที่ผ่านตลาดเนยขยายตัวสูงโดยมีอัตราการเติบโต 30% เทียบกับช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตลาดนี้จะขยายตัวในช่วงปลายปี-ต้นปีเท่านั้น สำหรับในปีหน้านี้คาดว่าตลาดเนยจะมีอัตราการเติบโต 30-40%
สำหรับผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้า 5,000 ล้านบาท เติบโต7% โดยแบ่งเป็นรายได้จากตลาดต่างประเทศ 300 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน10% และภายในประเทศ4,700 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนรายได้90% โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะเพิ่มมากกว่า10% จากการมีอัตราการเติบโตเพิ่มจาก5%เป็น30%.ในปีหน้านี้ เนื่องจากบริษัทขยายตลาดใหม่ๆมากขึ้น ได้แก่ แอฟริกา เป็นต้น
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัท มาจากนมข้นหวานตรามะลิ80% โดยนมข้นหวานมะลิมีส่วนแบ่ง 65% คาร์เนชั่น15% โฟรโมสต์10%จากมูลค่าตลาด 6,000 ล้านบาท โต5% ส่วนนมข้นจืดมูลค่า 500 ล้านบาท โต10% คาร์เนชั่นมีส่วนแบ่ง60% โฟรโมส์ 25% มะลิ15% ขณะที่รายได้ของบริษัทอีก20% มาจากนมพร้อมดื่มตรามะลิฯลฯ
นายโชคชัย ศุภวานิช ผู้อำนวยการฝ่ายโรงงาน บริษัทอุตสาหกรรมนมไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายนมพร้อมดื่ม นมข้นหวานตรามะลิ และครีมเทียมข้นหวานตราออร์คิด เปิดเผยว่า ในปีหน้านี้บริษัทจะทุ่มงบลงทุน325ล้านบาท โดยแบ่งเป็นงบลงทุนนมข้นหวาน 100 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตจาก 4.3 แสนลังต่อเดือน เพิ่มเป็น 6.3 แสนลังต่อเดือน ซึ่งจะติดตั้งเครื่องจักรในเดือนมิถุนายนนี้ ส่วนอีก 120 ล้านบาทเป็นการลงทุนด้านบรรจุภัณฑ์นมพร้อมดื่ม และ100ล้านบาท ขยายพื้นที่โกดังจาก 20,000 ตร.ม.เป็น 10,000ตร.ม. นอกจากนี้ยังได้เพิ่มกำลังการผลิตนมข้นจืดจาก2,500 ลังต่อวัน เป็น 3,500 ลังต่อวัน
สำหรับอีก 5 ล้านบาท เป็นงบลงทุนสำหรับผลิตภัณฑ์โยเกิร์ต ภายใต้ชื่อ”โย เพลท์”ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทได้เคยเปิดตัวลงสู่ตลาดเมื่อ5-7ปีที่ผ่านมา แต่ปรากฎว่าสินค้าไม่ได้รับการตอบรับจากตลาดจึงได้นำออกจากตลาด อย่างไรก็ตามการกลับมาทำตลาดในครั้งนี้ บริษัทกำลังพิจารณาว่าจะใช้ตราสินค้าภายใต้มะลิ หรือออร์คิด โดยจะเริ่มเปิดตัวในปลายปี48หรือต้นปี49 ในชนิดถ้วย และพร้อมดื่ม
ทั้งนี้สาเหตุที่บริษัทหันมาขยายไลน์ผลิตภัณฑ์โยเกิร์ต เป็นเพราะที่ผ่านมามีมาตรจากทางภาครัฐว่า หากนำเข้านมผงจะต้องมีการซื้อนมดิบจากเกษตรกรชาวไทยด้วย เพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรไทย ซึ่งการซื้อนมดิบส่งผลให้บริษัทมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นบริษัทจึงได้นำนมดิบที่มีอยู่มาผลิตโยเกิร์ต อีกทั้งยังได้นำนมดิบเข้ามาเป็นส่วนผสมในนมพร้อมดื่มตรามะลิ”
“ปีหน้าจะรุกหนักมากขึ้น เนื่องจากบริษัทมีความพร้อมภายในองค์กร โดยมีการปรับโครงสร้างการถือหุ้นใหม่ ซึ่งผู้ประกอบการไทยเข้าถือหุ้น100% ทำให้การบริหารคล่องตัวมากขึ้น เทียบกับเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา จะมีผู้ถือหุ้นจากออสเตรเลีย และมาเลเซียอยู่ด้วย อีกทั้งตลาดต่างประเทศก็ขยายตัวมากขึ้น ส่งผลให้ในปี 2545 บริษัทเริ่มมีกำไร หลังจากที่ขาดทุนติดต่อมาเป็นเวลา 5 ปี ส่งผลให้ส่วนแบ่งนมพร้อมดื่มมะลิลดลงจาก20%เหลือ3% ขณะที่นมข้นหวานลดลงจาก65%เป็น62%”
นายโชคชัย กล่าวว่า สำหรับแผนการทำตลาดนมพร้อมดื่มยูเอชทีในปีหน้านี้ บริษัทจะออกรสชาติใหม่ให้กับนมพร้อมดื่มมะลิ คือ รสนมข้นหวาน เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นเป็นหลัก รวมทั้งยังมีแผนที่จะปรับโฉมบรรจุภัณฑ์ขนาด 250 ซีซี มีรูปแบบสลิม เพื่อให้มีความทันสมัยมากขึ้น โดยคาดปีหน้าจะใช้งบในการทำตลาดมากกว่า 10% ของยอดขาย เทียบกับปีนี้ใช้10%ของยอดขาย และหลังจากที่รุกตลาดมากขึ้นคาดว่านมพร้อมดื่มตรามะลิมีส่วนเพิ่มจาก4% เป็น5% ส่วนชาเขียว,ชาเย็น,กาแฟเย็นพร้อมดื่มในปีแรกคาดว่าจะมีส่วนแบ่ง 3-4%จากมูลค่าตลาดรวมชา กาแฟ ชาเขียวใส่นม 14,000 ล้านบาท
นายสุพล วงศ์รุ่งโรจน์กิจ ผู้อำนวยการฝ่ายพาณิชย์ บริษัทอุตสาหกรรมนมไทย จำกัด กล่าวว่า สำหรับแผนการทำตลาดนมข้นหวานและครีมเทียมข้นหวานปีหน้านี้ บริษัทจะให้ความสำคัญกับตราออร์คิดมากขึ้น เนื่องจากภาพลักษณ์ตราสินค้ามีความทันสมัย สามารถเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้มากกว่าตรามะลิ ขณะเดียวกันการแข่งขันตลาดครีมเทียมข้นหวานมีความรุนแรง อาทิ คาร์เนชั่น เรือใบ ที่หันมาให้กระตุ้นตลาดในลักษณะประกอบอาหาร หรือช่องทางร้านกาแฟมากขึ้น แต่เนื่องจากนมข้นหวานมะลิมีราคาที่แพงกว่า เมื่อเทียบกับออร์คืดซึ่งมีราคาใกล้เคียงกับสินค้าคู่แข่งมากกว่า โดยล่าสุดในช่วงไตรมาสที่ 3 บริษัทได้มีปรับสูตรออร์คิด บรรจุภัณฑ์ให้มีความทันสมัยมากขึ้น และปีหน้าได้เตรียมทุ่มการตลาดมากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป และคาดว่าส่วนแบ่งตลาดออร์คิดจะเพิ่มจาก5%เป็น10%ในสิ้นปี48
“การออกสินค้าใหม่ต่อจากนี้ไป บริษัทจะขยายไลน์ภายใต้ตราสินค้าออร์คิดมากขึ้น เนื่องจากภาพลักษณ์ของสินค้าดูทันสมัย เหมาะกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยบริษัทวางเป้าหมายเอาไว้ว่าภายใน 10 ปี ตำแหน่งทางการตลาดของออร์คิดมีความเป็นพรีเมียมมากขึ้น โดยปัจจุบันออร์คิด มีสินค้านมข้นจืด สเตอรืไลน์ ครีมเทียมข้นหวาน และเนย”
ในส่วนของธุรกิจเนยบริษัทจะเพิ่มกำลังการผลิตจาก 250 ตันต่อเดือนเป็น 700 ตันต่อเดือน โดยได้มีการลงทุนไปแล้ว 20 ล้านบาท วางแผนเจาะร้านเบเกอรี่มากขึ้น รวมทั้งเพิ่มขนาดของบรรจุภัณฑ์เป็น 5 กิโลกรัม และ10 กิโลกรัม จากเดิมที่มีเพียงแต่บรรจุภัณฑ์ขนาดเล็ก สำหรับในช่วง2ปีที่ผ่านตลาดเนยขยายตัวสูงโดยมีอัตราการเติบโต 30% เทียบกับช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตลาดนี้จะขยายตัวในช่วงปลายปี-ต้นปีเท่านั้น สำหรับในปีหน้านี้คาดว่าตลาดเนยจะมีอัตราการเติบโต 30-40%
สำหรับผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้า 5,000 ล้านบาท เติบโต7% โดยแบ่งเป็นรายได้จากตลาดต่างประเทศ 300 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน10% และภายในประเทศ4,700 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนรายได้90% โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะเพิ่มมากกว่า10% จากการมีอัตราการเติบโตเพิ่มจาก5%เป็น30%.ในปีหน้านี้ เนื่องจากบริษัทขยายตลาดใหม่ๆมากขึ้น ได้แก่ แอฟริกา เป็นต้น
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัท มาจากนมข้นหวานตรามะลิ80% โดยนมข้นหวานมะลิมีส่วนแบ่ง 65% คาร์เนชั่น15% โฟรโมสต์10%จากมูลค่าตลาด 6,000 ล้านบาท โต5% ส่วนนมข้นจืดมูลค่า 500 ล้านบาท โต10% คาร์เนชั่นมีส่วนแบ่ง60% โฟรโมส์ 25% มะลิ15% ขณะที่รายได้ของบริษัทอีก20% มาจากนมพร้อมดื่มตรามะลิฯลฯ