เมื่อปี 2545 เราได้นำข้อมูลมาเปิดเผยว่าจีนกำลังเปลี่ยนแปลงสัดส่วนเงินสำรองระหว่างประเทศ โดยลดสัดส่วนเงินสกุลดอลลาร์ลง และได้โต้กระแสโหวกเหวกโวยวายในประเทศ ที่มุ่งสร้างความเชื่อว่าถ้าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงแล้ว จะเป็นอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย
โดยระบุว่านั่นเป็นการหลอกลวงที่บัดซบที่สุดในโลก และรณรงค์ให้คนไทยต้องรีบทำความเข้าใจเพื่อเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ที่จะเป็นไปในอนาคต
ในเดือนพฤษภาคม 2546 เราก็ได้นำเสนอเรื่อง สงครามเงินตรา โดยชี้ให้เห็นว่าในอนาคตสงครามเงินตราหรือสงครามสกุลเงินจะเป็นเรื่องสำคัญที่ส่งผลสะเทือนต่อทั่วโลก และได้ชี้ให้เห็นว่าแนวโน้มของสกุลเงินของโลกจะแบ่งออกเป็นสามก๊ก คือก๊กดอลลาร์สหรัฐก๊กหนึ่ง ก๊กอียูดอลลาร์ของยุโรปก๊กหนึ่ง และก๊กหยวนของจีนหรือเอเชียอีกก๊กหนึ่ง
พร้อมทั้งได้คาดการณ์ไว้ในห้วงเวลานั้นว่าเมื่อใดก็ตามที่ญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลี ซึ่งถือเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นเงินสำรองของประเทศมากที่สุดของโลก เทขายเงินดอลลาร์สหรัฐ เมื่อนั้นสถานการณ์ “ก็เหมือนกับคนตกใจไปถอนเงินออกจากธนาคารยามวิกฤต” นั่นแหละ
ครั้นเดือนกันยายน 2546 เราก็ได้เสนอเรื่อง “จับตาสงครามสกุลเงิน” ยืนยันถึงการมองสถานการณ์สกุลเงินของโลกอีกครั้งหนึ่ง ในสถานการณ์ที่จีนประสบชัยชนะทางการเมืองต่อการรุกทางการเมืองของอเมริกาในเวทีการประชุมเอเปก เพื่อให้จีนแข็งค่าเงินหยวน พร้อมทั้งได้บอกว่า “สงครามของสกุลเงินได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว”
เพราะแม้การประชุมรัฐมนตรีคลังของเอเปกจะเสร็จสิ้นลง แต่เป็นการเสร็จสิ้นที่หาข้อยุติอะไรไม่ได้ จะทำให้สงครามทางการเงินไม่หยุดอยู่เพียงเท่านั้น และได้ตั้งข้อสังเกตให้ไทยและอาเซียนได้ใช้ความระมัดระวังติดตามเรื่องนี้ อย่าให้เกิดการแตกแยกแตกสามัคคีในอาเซียนและระหว่างอาเซียนกับจีน
เราได้บอกไว้ว่า “เสถียรภาพและความมั่นคงของเอเชียมีปมเงื่อนสำคัญอยู่ที่ความสามัคคีร่วมมือร่วมใจกันของประชาคมอาเซียนและอาเซียนกับจีน และนี่ก็คือบทบาทที่สำคัญของไทยยุคใหม่ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร”
ทุกครั้งที่เราได้กล่าวถึงเรื่องนี้ก็จะถูกพวกนักการเงินสังกัดค่ายคอยท้วงติงหยามเหยียดอยู่เสมอมาว่าเป็นเรื่องของความเพ้อฝันบ้าง ว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีมูลความจริงบ้าง ถึงขนาดระบุว่าเป็นเรื่องนอกทฤษฎีทางการเงินบ้าง แต่นั่นก็เป็นธรรมดาของความคิดความเห็นของผู้คนในสังคม ที่ย่อมมีแตกต่างกันบ้างเป็นธรรมดา
แต่การอ้างฐานะความสำคัญของบุคคลในวงการการเงินก็ดี การอ้างฐานะความเป็นผู้ชำนาญการหรือผู้เชี่ยวชาญทางการเงินก็ดี มาปิดกั้นความคิดเห็นของคนอื่น กระทั่งติเตียนว่าความคิดเห็นที่ไม่ตรงกับตนเป็นความคิดเห็นนอกคอกนอกตำรานั้น ออกจะใจแคบไปสักหน่อยหนึ่ง
เพราะบทเรียนก็เคยมีมาแล้วเมื่อครั้งเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ ซึ่งคนไทยยังคงจำได้ดีว่าเพราะความเห็นของคนที่อ้างว่าเป็นผู้มีความรู้ มีความชำนาญ มีประสบการณ์ ที่ยืนยันค่าเงินบาทแข็งและให้ความเห็นให้ภาคธุรกิจกู้ยืมเงินระยะสั้นเข้ามาอย่างไม่บันยะบันยังนั่นแหละคือต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจในครั้งนั้น
มาวันนี้สถานการณ์คลี่คลายไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว เราจึงขอประกาศให้เพื่อนผองพี่น้องไทยได้ทราบและได้เตรียมตัวเตรียมใจเพื่อรับมือกับสถานการณ์ใหม่ให้ทันท่วงทีอีกครั้งหนึ่งว่า สงครามสกุลเงินเปิดฉากขึ้นแล้ว!
มันเปิดฉากขึ้นแล้วจริงๆหลังจากที่มีการหลอกลวงทั่วโลกว่าถ้าหากเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ระบบเศรษฐกิจโลกจะต้องถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง หลังจากที่มีการกดดันข่มขวัญมากหลายในหลายที่ประชุมของโลก และของภูมิภาค
เป้าหมายของมันที่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนก็คือข้อกล่าวหาของอเมริกาที่ว่า ค่าเงินหยวนของจีนหรือก๊กหยวนมีค่าเงินที่ต่ำกว่าปกติและต่ำเกินไป ทำให้จีนได้เปรียบทางการค้าระหว่างประเทศมากที่สุดในโลก และทำให้อเมริกาได้รับความเสียหาย
นั่นคือก๊กดอลลาร์ยังคงยืนหยัดในยุทธศาสตร์ที่ต้องการทำให้ก๊กหยวนหรือสกุลเงินหยวนแข็งค่าขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินหยวนกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ก๊กอียูหรือสกุลเงินอียูของยุโรปยังคงแสดงท่าทีไม่ อิโหน่อิเหน่หรืออินังขังขอบใด ๆ ต่อความเคลื่อนไหวของอเมริกา
แนวโน้มชัดเจนว่าก๊กอียูมีจุดยืนและท่าทีที่ยืนอยู่ข้างก๊กหยวน ในขณะที่ก๊กดอลลาร์ต้องการกดดันก๊กหยวนให้แข็งค่า แต่ไม่แตะต้องก๊กอียู อะไรเล่าที่เป็นวาระซ่อนเร้นหรือเบื้องหลังของจุดยืนท่าทีเช่นนี้ และมันมีฐานะทางยุทธศาสตร์อย่างไรกันแน่
ในมิติของความมั่นคงและแสนยานุภาพทางการทหารนั้น อเมริกายังคงถือว่าภายในปี 2025 จีนจะยังคงเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่ง และเป็นเป้าหมายที่จะต้องถูกทำให้อ่อนแอลงในทุกทาง เพื่อดำรงรักษาไว้ซึ่งความเป็นมหาอำนาจขั้วเดียวของอเมริกา นี่คือผลประโยชน์หลักของอเมริกา และก่อให้เกิดยุทธศาสตร์ทางการเงินแก่อเมริกาที่จะต้องทำทุกประการเพื่อให้ก๊กหยวนต้องแข็งค่าเงิน
เพราะเมื่อใดที่ก๊กหยวนต้องแข็งค่าเงินแล้ว ก็จะกระทบต่อการส่งออกสินค้าของจีน กระทบต่ออัตราเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน กระทบต่อการผลิตและการว่างงานภายในจีน และนั่นย่อมกระทบต่อการลงทุนจากต่างประเทศของจีนด้วย จะส่งผลโดยตรงต่อการหยุดยั้งการพัฒนาของจีน ทั้งเศรษฐกิจ การทหาร และกิจการอวกาศ
จีนเองก็รู้ถึงทิศทางแห่งการดำรงคงความเป็นมหาอำนาจขั้วเดียวของโลกของอเมริกาซึ่งถือเอาจีนเป็นเป้าหมาย ดังนั้นหากเงินหยวนแข็งค่าขึ้นจีนก็จะต้องเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่ยากจะแก้ไข และนี่คือผลประโยชน์หลักของจีนจึงก่อให้เกิดยุทธศาสตร์ทางการเงินแก่จีน ที่จะต้องทำทุกประการเพื่อให้ก๊กหยวนสามารถดำรงค่าเงินหยวนดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบันไว้ต่อไป โดยเฉพาะคือเมื่อเปรียบเทียบกับสกุลดอลลาร์ของอเมริกา
ในส่วนก๊กอียูนั้นถูกกดขี่ข่มเหงรังแกจากก๊กดอลลาร์ราวกับว่าเป็นข้าทาส ดังที่เราเคยได้กล่าวมาก่อนแล้วว่านี่คือต้นเหตุและที่มาของการสถาปนาสกุลเงินอียูขึ้นในยุโรป เพื่อปลดแอกจากการครอบงำและการกดขี่ข่มเหงของก๊กดอลลาร์
ดังนั้นเมื่อก๊กอียูก่อตั้งขึ้น จึงถูกแรงกดดัน ถูกแรงกระแทกจากก๊กดอลลาร์หมายจะทำให้ก๊กอียูตั้งตัวไม่ติด หมายจะทำให้เงินสกุลอียูไม่มีเสถียรภาพและขาดความน่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นผลในระยะแรกคือเงินอียูมีค่าที่อ่อนตัว หากเปรียบเทียบกับอัตราแลกเปลี่ยนกับเงินดอลลาร์อเมริกา
แต่เพราะความสามัคคีสมานฉันท์และการตระหนักถึงอันตรายร่วมกันของชาวยุโรป จึงได้บากบั่นต่อสู้กับแรงกดดันทั้งมวล จนในที่สุดก๊กอียูก็ค่อย ๆ มีความเข้มแข็งขึ้นเป็นลำดับ
ก๊กอียูตระหนักดีว่าความเข้มแข็งของก๊กอียูนั้นเกิดขึ้นได้ก็เพราะมีก๊กหยวนคอยเป็นดุล คอยถ่วงดุลก๊กดอลลาร์ไม่ให้ทุ่มเทแรงกดดันจนถึงขีดขนาดที่ก๊กอียูซึ่งเพิ่งเริ่มต้นต้องพังทลายลง นี่คือการเริ่มต้นของผลประโยชน์ร่วมกันของก๊กอียูและก๊กหยวน และยังคงเป็นผลประโยชน์ร่วมกันจนกระทั่งถึงวันนี้
ตราบใดที่ก๊กอียูและก๊กหยวนยังเล่นดนตรีทำนองเดียวกันอยู่ หนุนช่วยกันอยู่และไม่ทำลายล้างกันเองแล้วก็จะมีกำลังตั้งรับและยืนหยัดถ่วงดุลการกดดันจากก๊กดอลลาร์ได้อย่างเต็มภาคภูมิ
อเมริกาหมดหนทางที่จะกดดันให้ก๊กหยวนแข็งค่า จึงหันมาดำเนินนโยบายใหม่คือทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงเสียเอง นั่นคือโดยเปรียบเทียบแล้วเท่ากับทำให้ก๊กหยวนแข็งค่าสกุลหยวนโดยอัตโนมัตินั่นเอง
แต่ผลก็ไม่เกิดขึ้นตามที่อเมริกาต้องการ เพราะถึงวันนี้ไม่เพียงแต่ก๊กหยวนจะไม่แข็งค่าเงินตามความประสงค์ของอเมริกา หรือตามผลที่อเมริกาคาดหวังเท่านั้น จีนยังคงดำเนินการที่เหนือความคาดคิดของอเมริกา นั่นคือยังคงยืนหยัดผูกติดค่าเงินหยวนไว้กับเงินดอลลาร์อย่างแน่นแฟ้น อเมริกาทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนไปเท่าใด จีนก็ทำให้ค่าเงินหยวนอ่อนตามเงินดอลลาร์ลงไปเท่านั้น
สองก๊กกำลังฟาดฟันกันอย่างหนักหน่วง แต่ถึงวันนี้จีนยังคงรักษายุทธศาสตร์ที่ไม่แข็งค่าเงินหยวนต่ออเมริกาไว้ได้ และอเมริกาก็ยังไม่สามารถบรรลุยุทธศาสตร์ที่ให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้นไปได้
ผลโดยตรงของมันก็คืออเมริกายิ่งลดค่าเงินดอลลาร์ลงไปเท่าใด ความฉิบหายก็บังเกิดขึ้นมากเท่านั้น และเป็นความฉิบหายที่บังเกิดกับอเมริกาเป็นหลัก เพราะอเมริกาเป็นประเทศลูกหนี้รายใหญ่ที่สุดของโลก เงินดอลลาร์อ่อนตัวลงเท่าใดจำนวนหนี้ที่เปรียบเทียบกับสกุลอื่นก็จะเพิ่มขึ้นเท่านั้น จะกระทบประเทศอื่นบ้างก็เฉพาะประเทศที่ถือเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นเงินสำรองหรือถือเป็นทรัพย์สิน
จีนได้เปลี่ยนสัดส่วนเงินสำรองจากที่เคยถือเงินดอลลาร์อเมริกาเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เหลือเพียงระดับครึ่งเดียว จึงได้รับผลกระทบน้อยกว่าความเสียหายของอเมริกา
ยุโรปก็เปลี่ยนมาถือเงินอียูเป็นส่วนใหญ่แล้ว
ประเทศอาหรับและประเทศในตะวันออกกลางได้เปลี่ยนการถือเงินทุนสำรองและถอนการลงทุนในรูปของเงินดอลลาร์อเมริกามาตั้งแต่สองปีที่แล้ว และคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
เฉพาะในเอเชียของเราคงเหลือแต่ญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลีใต้ ที่ถือเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นเงินสำรองและเป็นเจ้าหนี้อเมริกามากที่สุดของโลก
การที่จีนอ่อนค่าเงินหยวนตามเงินดอลลาร์ของอเมริกาทำให้จีนคงความได้เปรียบดุลการค้าต่ออเมริกาต่อไป และทำให้การลงทุนทั้งหลายจากต่างประเทศในจีนมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนมากขึ้น ทำให้การส่งออกของจีนทั้งจากกิจการของจีนเองและจากการลงทุนต่างประเทศมีผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นด้วย
ดูไปแล้วสงครามทางการเงินในรอบนี้อเมริกากำลังย่ำแย่เต็มที ก็ต้องดูกันว่าจะทนฉิบหายไปได้สักเท่าใด
จุดที่น่าจับตามองมีสามจุด คือ
จุดที่หนึ่ง การยืนหยัดเป็นข้าทาสทางการเงินของญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลีใต้ ว่าจะหมดความเชื่อมั่นต่อก๊กดอลลาร์เมื่อใด หากความเชื่อมั่นหมดลงแล้วมีการเทขายเงินดอลลาร์จากสามประเทศนี้ เมื่อนั้นเท่ากับอเมริกาถูกบอมบ์ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ทางการเงินไม่น้อยกว่า 3 ลูก
จุดที่สอง สงครามการเงินเที่ยวนี้ทำให้ทั่วโลกคาดการณ์ได้ว่าก๊กหยวนอ่อนค่าเงินเกินกว่าความเป็นจริงมาก จึงเกิดการเก็งกำไรเงินหยวนกันทั่วทั้งโลก ดังนั้นเมื่อใดที่อเมริกากลับลำดำเนินนโยบายดอลลาร์แข็งอีกครั้งหนึ่ง จีนจะรับมือกับความผันแปรนั้นได้อย่างไรจึงจะไม่เกิดผลกระทบต่อก๊กหยวนและระบบเศรษฐกิจโดยรวม
จุดที่สาม ประเทศไทยจะบ้าบอคอแตกไปค้ำจุนเงินดอลลาร์ร่วมกับเขาหรือไม่เพียงใด หรือจะเข้าทำสงครามเพื่อไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งอีกหรือไม่เท่าใด เพราะถ้าเข้าสงครามชนิดนี้ก็มีอนาคตที่ฉิบหายคล้ายกับวิกฤตปี 2540 นั่นแหละ
การปราชัยในสงครามการเงินของอเมริกาครั้งนี้หากเกิดผลกระทบถึงขนาดที่ระบบเศรษฐกิจพังทลายแล้ว ก็มีความเป็นไปได้ว่ามันจะนำไปสู่การเปิดฉากสงครามทางการทหารขึ้นอีกสงครามหนึ่ง เพื่อกอบกู้ระบบเศรษฐกิจของอเมริกา และจุดที่น่าจับตามองก็คืออิหร่านหรือไม่ก็เกาหลีเหนือ.
โดยระบุว่านั่นเป็นการหลอกลวงที่บัดซบที่สุดในโลก และรณรงค์ให้คนไทยต้องรีบทำความเข้าใจเพื่อเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ที่จะเป็นไปในอนาคต
ในเดือนพฤษภาคม 2546 เราก็ได้นำเสนอเรื่อง สงครามเงินตรา โดยชี้ให้เห็นว่าในอนาคตสงครามเงินตราหรือสงครามสกุลเงินจะเป็นเรื่องสำคัญที่ส่งผลสะเทือนต่อทั่วโลก และได้ชี้ให้เห็นว่าแนวโน้มของสกุลเงินของโลกจะแบ่งออกเป็นสามก๊ก คือก๊กดอลลาร์สหรัฐก๊กหนึ่ง ก๊กอียูดอลลาร์ของยุโรปก๊กหนึ่ง และก๊กหยวนของจีนหรือเอเชียอีกก๊กหนึ่ง
พร้อมทั้งได้คาดการณ์ไว้ในห้วงเวลานั้นว่าเมื่อใดก็ตามที่ญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลี ซึ่งถือเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นเงินสำรองของประเทศมากที่สุดของโลก เทขายเงินดอลลาร์สหรัฐ เมื่อนั้นสถานการณ์ “ก็เหมือนกับคนตกใจไปถอนเงินออกจากธนาคารยามวิกฤต” นั่นแหละ
ครั้นเดือนกันยายน 2546 เราก็ได้เสนอเรื่อง “จับตาสงครามสกุลเงิน” ยืนยันถึงการมองสถานการณ์สกุลเงินของโลกอีกครั้งหนึ่ง ในสถานการณ์ที่จีนประสบชัยชนะทางการเมืองต่อการรุกทางการเมืองของอเมริกาในเวทีการประชุมเอเปก เพื่อให้จีนแข็งค่าเงินหยวน พร้อมทั้งได้บอกว่า “สงครามของสกุลเงินได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว”
เพราะแม้การประชุมรัฐมนตรีคลังของเอเปกจะเสร็จสิ้นลง แต่เป็นการเสร็จสิ้นที่หาข้อยุติอะไรไม่ได้ จะทำให้สงครามทางการเงินไม่หยุดอยู่เพียงเท่านั้น และได้ตั้งข้อสังเกตให้ไทยและอาเซียนได้ใช้ความระมัดระวังติดตามเรื่องนี้ อย่าให้เกิดการแตกแยกแตกสามัคคีในอาเซียนและระหว่างอาเซียนกับจีน
เราได้บอกไว้ว่า “เสถียรภาพและความมั่นคงของเอเชียมีปมเงื่อนสำคัญอยู่ที่ความสามัคคีร่วมมือร่วมใจกันของประชาคมอาเซียนและอาเซียนกับจีน และนี่ก็คือบทบาทที่สำคัญของไทยยุคใหม่ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร”
ทุกครั้งที่เราได้กล่าวถึงเรื่องนี้ก็จะถูกพวกนักการเงินสังกัดค่ายคอยท้วงติงหยามเหยียดอยู่เสมอมาว่าเป็นเรื่องของความเพ้อฝันบ้าง ว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีมูลความจริงบ้าง ถึงขนาดระบุว่าเป็นเรื่องนอกทฤษฎีทางการเงินบ้าง แต่นั่นก็เป็นธรรมดาของความคิดความเห็นของผู้คนในสังคม ที่ย่อมมีแตกต่างกันบ้างเป็นธรรมดา
แต่การอ้างฐานะความสำคัญของบุคคลในวงการการเงินก็ดี การอ้างฐานะความเป็นผู้ชำนาญการหรือผู้เชี่ยวชาญทางการเงินก็ดี มาปิดกั้นความคิดเห็นของคนอื่น กระทั่งติเตียนว่าความคิดเห็นที่ไม่ตรงกับตนเป็นความคิดเห็นนอกคอกนอกตำรานั้น ออกจะใจแคบไปสักหน่อยหนึ่ง
เพราะบทเรียนก็เคยมีมาแล้วเมื่อครั้งเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ ซึ่งคนไทยยังคงจำได้ดีว่าเพราะความเห็นของคนที่อ้างว่าเป็นผู้มีความรู้ มีความชำนาญ มีประสบการณ์ ที่ยืนยันค่าเงินบาทแข็งและให้ความเห็นให้ภาคธุรกิจกู้ยืมเงินระยะสั้นเข้ามาอย่างไม่บันยะบันยังนั่นแหละคือต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจในครั้งนั้น
มาวันนี้สถานการณ์คลี่คลายไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว เราจึงขอประกาศให้เพื่อนผองพี่น้องไทยได้ทราบและได้เตรียมตัวเตรียมใจเพื่อรับมือกับสถานการณ์ใหม่ให้ทันท่วงทีอีกครั้งหนึ่งว่า สงครามสกุลเงินเปิดฉากขึ้นแล้ว!
มันเปิดฉากขึ้นแล้วจริงๆหลังจากที่มีการหลอกลวงทั่วโลกว่าถ้าหากเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ระบบเศรษฐกิจโลกจะต้องถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง หลังจากที่มีการกดดันข่มขวัญมากหลายในหลายที่ประชุมของโลก และของภูมิภาค
เป้าหมายของมันที่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนก็คือข้อกล่าวหาของอเมริกาที่ว่า ค่าเงินหยวนของจีนหรือก๊กหยวนมีค่าเงินที่ต่ำกว่าปกติและต่ำเกินไป ทำให้จีนได้เปรียบทางการค้าระหว่างประเทศมากที่สุดในโลก และทำให้อเมริกาได้รับความเสียหาย
นั่นคือก๊กดอลลาร์ยังคงยืนหยัดในยุทธศาสตร์ที่ต้องการทำให้ก๊กหยวนหรือสกุลเงินหยวนแข็งค่าขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินหยวนกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ก๊กอียูหรือสกุลเงินอียูของยุโรปยังคงแสดงท่าทีไม่ อิโหน่อิเหน่หรืออินังขังขอบใด ๆ ต่อความเคลื่อนไหวของอเมริกา
แนวโน้มชัดเจนว่าก๊กอียูมีจุดยืนและท่าทีที่ยืนอยู่ข้างก๊กหยวน ในขณะที่ก๊กดอลลาร์ต้องการกดดันก๊กหยวนให้แข็งค่า แต่ไม่แตะต้องก๊กอียู อะไรเล่าที่เป็นวาระซ่อนเร้นหรือเบื้องหลังของจุดยืนท่าทีเช่นนี้ และมันมีฐานะทางยุทธศาสตร์อย่างไรกันแน่
ในมิติของความมั่นคงและแสนยานุภาพทางการทหารนั้น อเมริกายังคงถือว่าภายในปี 2025 จีนจะยังคงเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่ง และเป็นเป้าหมายที่จะต้องถูกทำให้อ่อนแอลงในทุกทาง เพื่อดำรงรักษาไว้ซึ่งความเป็นมหาอำนาจขั้วเดียวของอเมริกา นี่คือผลประโยชน์หลักของอเมริกา และก่อให้เกิดยุทธศาสตร์ทางการเงินแก่อเมริกาที่จะต้องทำทุกประการเพื่อให้ก๊กหยวนต้องแข็งค่าเงิน
เพราะเมื่อใดที่ก๊กหยวนต้องแข็งค่าเงินแล้ว ก็จะกระทบต่อการส่งออกสินค้าของจีน กระทบต่ออัตราเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน กระทบต่อการผลิตและการว่างงานภายในจีน และนั่นย่อมกระทบต่อการลงทุนจากต่างประเทศของจีนด้วย จะส่งผลโดยตรงต่อการหยุดยั้งการพัฒนาของจีน ทั้งเศรษฐกิจ การทหาร และกิจการอวกาศ
จีนเองก็รู้ถึงทิศทางแห่งการดำรงคงความเป็นมหาอำนาจขั้วเดียวของโลกของอเมริกาซึ่งถือเอาจีนเป็นเป้าหมาย ดังนั้นหากเงินหยวนแข็งค่าขึ้นจีนก็จะต้องเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่ยากจะแก้ไข และนี่คือผลประโยชน์หลักของจีนจึงก่อให้เกิดยุทธศาสตร์ทางการเงินแก่จีน ที่จะต้องทำทุกประการเพื่อให้ก๊กหยวนสามารถดำรงค่าเงินหยวนดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบันไว้ต่อไป โดยเฉพาะคือเมื่อเปรียบเทียบกับสกุลดอลลาร์ของอเมริกา
ในส่วนก๊กอียูนั้นถูกกดขี่ข่มเหงรังแกจากก๊กดอลลาร์ราวกับว่าเป็นข้าทาส ดังที่เราเคยได้กล่าวมาก่อนแล้วว่านี่คือต้นเหตุและที่มาของการสถาปนาสกุลเงินอียูขึ้นในยุโรป เพื่อปลดแอกจากการครอบงำและการกดขี่ข่มเหงของก๊กดอลลาร์
ดังนั้นเมื่อก๊กอียูก่อตั้งขึ้น จึงถูกแรงกดดัน ถูกแรงกระแทกจากก๊กดอลลาร์หมายจะทำให้ก๊กอียูตั้งตัวไม่ติด หมายจะทำให้เงินสกุลอียูไม่มีเสถียรภาพและขาดความน่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นผลในระยะแรกคือเงินอียูมีค่าที่อ่อนตัว หากเปรียบเทียบกับอัตราแลกเปลี่ยนกับเงินดอลลาร์อเมริกา
แต่เพราะความสามัคคีสมานฉันท์และการตระหนักถึงอันตรายร่วมกันของชาวยุโรป จึงได้บากบั่นต่อสู้กับแรงกดดันทั้งมวล จนในที่สุดก๊กอียูก็ค่อย ๆ มีความเข้มแข็งขึ้นเป็นลำดับ
ก๊กอียูตระหนักดีว่าความเข้มแข็งของก๊กอียูนั้นเกิดขึ้นได้ก็เพราะมีก๊กหยวนคอยเป็นดุล คอยถ่วงดุลก๊กดอลลาร์ไม่ให้ทุ่มเทแรงกดดันจนถึงขีดขนาดที่ก๊กอียูซึ่งเพิ่งเริ่มต้นต้องพังทลายลง นี่คือการเริ่มต้นของผลประโยชน์ร่วมกันของก๊กอียูและก๊กหยวน และยังคงเป็นผลประโยชน์ร่วมกันจนกระทั่งถึงวันนี้
ตราบใดที่ก๊กอียูและก๊กหยวนยังเล่นดนตรีทำนองเดียวกันอยู่ หนุนช่วยกันอยู่และไม่ทำลายล้างกันเองแล้วก็จะมีกำลังตั้งรับและยืนหยัดถ่วงดุลการกดดันจากก๊กดอลลาร์ได้อย่างเต็มภาคภูมิ
อเมริกาหมดหนทางที่จะกดดันให้ก๊กหยวนแข็งค่า จึงหันมาดำเนินนโยบายใหม่คือทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงเสียเอง นั่นคือโดยเปรียบเทียบแล้วเท่ากับทำให้ก๊กหยวนแข็งค่าสกุลหยวนโดยอัตโนมัตินั่นเอง
แต่ผลก็ไม่เกิดขึ้นตามที่อเมริกาต้องการ เพราะถึงวันนี้ไม่เพียงแต่ก๊กหยวนจะไม่แข็งค่าเงินตามความประสงค์ของอเมริกา หรือตามผลที่อเมริกาคาดหวังเท่านั้น จีนยังคงดำเนินการที่เหนือความคาดคิดของอเมริกา นั่นคือยังคงยืนหยัดผูกติดค่าเงินหยวนไว้กับเงินดอลลาร์อย่างแน่นแฟ้น อเมริกาทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนไปเท่าใด จีนก็ทำให้ค่าเงินหยวนอ่อนตามเงินดอลลาร์ลงไปเท่านั้น
สองก๊กกำลังฟาดฟันกันอย่างหนักหน่วง แต่ถึงวันนี้จีนยังคงรักษายุทธศาสตร์ที่ไม่แข็งค่าเงินหยวนต่ออเมริกาไว้ได้ และอเมริกาก็ยังไม่สามารถบรรลุยุทธศาสตร์ที่ให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้นไปได้
ผลโดยตรงของมันก็คืออเมริกายิ่งลดค่าเงินดอลลาร์ลงไปเท่าใด ความฉิบหายก็บังเกิดขึ้นมากเท่านั้น และเป็นความฉิบหายที่บังเกิดกับอเมริกาเป็นหลัก เพราะอเมริกาเป็นประเทศลูกหนี้รายใหญ่ที่สุดของโลก เงินดอลลาร์อ่อนตัวลงเท่าใดจำนวนหนี้ที่เปรียบเทียบกับสกุลอื่นก็จะเพิ่มขึ้นเท่านั้น จะกระทบประเทศอื่นบ้างก็เฉพาะประเทศที่ถือเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นเงินสำรองหรือถือเป็นทรัพย์สิน
จีนได้เปลี่ยนสัดส่วนเงินสำรองจากที่เคยถือเงินดอลลาร์อเมริกาเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เหลือเพียงระดับครึ่งเดียว จึงได้รับผลกระทบน้อยกว่าความเสียหายของอเมริกา
ยุโรปก็เปลี่ยนมาถือเงินอียูเป็นส่วนใหญ่แล้ว
ประเทศอาหรับและประเทศในตะวันออกกลางได้เปลี่ยนการถือเงินทุนสำรองและถอนการลงทุนในรูปของเงินดอลลาร์อเมริกามาตั้งแต่สองปีที่แล้ว และคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
เฉพาะในเอเชียของเราคงเหลือแต่ญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลีใต้ ที่ถือเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นเงินสำรองและเป็นเจ้าหนี้อเมริกามากที่สุดของโลก
การที่จีนอ่อนค่าเงินหยวนตามเงินดอลลาร์ของอเมริกาทำให้จีนคงความได้เปรียบดุลการค้าต่ออเมริกาต่อไป และทำให้การลงทุนทั้งหลายจากต่างประเทศในจีนมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนมากขึ้น ทำให้การส่งออกของจีนทั้งจากกิจการของจีนเองและจากการลงทุนต่างประเทศมีผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นด้วย
ดูไปแล้วสงครามทางการเงินในรอบนี้อเมริกากำลังย่ำแย่เต็มที ก็ต้องดูกันว่าจะทนฉิบหายไปได้สักเท่าใด
จุดที่น่าจับตามองมีสามจุด คือ
จุดที่หนึ่ง การยืนหยัดเป็นข้าทาสทางการเงินของญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลีใต้ ว่าจะหมดความเชื่อมั่นต่อก๊กดอลลาร์เมื่อใด หากความเชื่อมั่นหมดลงแล้วมีการเทขายเงินดอลลาร์จากสามประเทศนี้ เมื่อนั้นเท่ากับอเมริกาถูกบอมบ์ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ทางการเงินไม่น้อยกว่า 3 ลูก
จุดที่สอง สงครามการเงินเที่ยวนี้ทำให้ทั่วโลกคาดการณ์ได้ว่าก๊กหยวนอ่อนค่าเงินเกินกว่าความเป็นจริงมาก จึงเกิดการเก็งกำไรเงินหยวนกันทั่วทั้งโลก ดังนั้นเมื่อใดที่อเมริกากลับลำดำเนินนโยบายดอลลาร์แข็งอีกครั้งหนึ่ง จีนจะรับมือกับความผันแปรนั้นได้อย่างไรจึงจะไม่เกิดผลกระทบต่อก๊กหยวนและระบบเศรษฐกิจโดยรวม
จุดที่สาม ประเทศไทยจะบ้าบอคอแตกไปค้ำจุนเงินดอลลาร์ร่วมกับเขาหรือไม่เพียงใด หรือจะเข้าทำสงครามเพื่อไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งอีกหรือไม่เท่าใด เพราะถ้าเข้าสงครามชนิดนี้ก็มีอนาคตที่ฉิบหายคล้ายกับวิกฤตปี 2540 นั่นแหละ
การปราชัยในสงครามการเงินของอเมริกาครั้งนี้หากเกิดผลกระทบถึงขนาดที่ระบบเศรษฐกิจพังทลายแล้ว ก็มีความเป็นไปได้ว่ามันจะนำไปสู่การเปิดฉากสงครามทางการทหารขึ้นอีกสงครามหนึ่ง เพื่อกอบกู้ระบบเศรษฐกิจของอเมริกา และจุดที่น่าจับตามองก็คืออิหร่านหรือไม่ก็เกาหลีเหนือ.