xs
xsm
sm
md
lg

จับเท็จพันโท-พลทหารคดีปืนลั่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตำรวจนำพลทหารค่ายเสนาณรงค์ พร้อม "พ.ท.คมกฤช รัตนฉายา"เข้าเครื่องจับเท็จพิสูจน์ความบริสุทธิ์ปืนลั่นใส่รองผู้ว่าฯปัตตานีเสียชีวิต พบพิรูธเหมือนเตรียมการกันมาเป็นอย่างดี ขณะที่มีรายงานข่าวจากชุดคลี่คลายคดีที่มี"วงกต มณีรินทร์"เป็นประธาน ระบุ"พ.ท.คมกฤช" ปกปิดข้อมูลข้อเท็จจริง พร้อมออกหมายจับแล้ว ด้าน ผบ.ทบ.สั่งดำเนินการขั้นเด็ดขาดถ้าพบว่าเป็นกระสุนปืนจากทหาร

เมื่อเวลา 16.00น.วานนี้ (13 ธ.ค.) พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองค์มนตรี และรัฐบุรุษ เป็นผู้แทนพระองค์ในการพระราชทานเพลิงศพนายสุนทร ฤทธิภักดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีที่ถูกกระสุนปืนปริศนาเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ ณ วัดหงส์ประดิษฐาราม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยมีรัฐมนตรีไปร่วมงาน เช่น นายโภคิน พลกุล รมว.มหาดไทย นายนิกร จำนง รมช.คมนาคม และนายพินิจ จารุสมบัติ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยข้าราชการและประชาชนจำนวนมาก บรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าสลด

***นำทหารเข้าเครื่องจับเท็จ

ด้านความคืบหน้าคดีกระสุนปืนลั่นใส่นายสุนทร จนถึงแก่ชีวิต ล่าสุดวานนี้พนักงานสอบสวน สภ.อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ได้ปิดสำนวนในส่วนที่ได้ทำการสอบสวนนายอับดุล อาแวดอเลาะ อาสาสมัคร (อส.) จังหวัดปัตตานีที่ถูกกล่าวหาก่อนหน้านี้ว่าเป็นผู้ทำปืนลั่นเสร็จสิ้นแล้ว และทางพนักงานสอบสวนเตรียมที่จะส่งมอบให้กับ พล.ต.ท.วงกต มณีรินทร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะประธานชุดสอบสวนคลี่คลายคดีพิจารณาสั่งฟ้องต่ออัยการจังหวัดปัตตานีต่อไป

ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.สุธน ดิษฐบุตร ผกก.สภ.อ.ยะหริ่ง ได้นำตัวพลทหารธีรเดช พงษ์เพชร ทหารสังกัดพัน ร.501 ค่ายเสนาณรงค์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในวันที่เกิดเหตุปืนลั่นใส่นายสุนทร ไปสอบปากคำเพิ่มเติมหลังจากที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยอีกคนว่าทำปืนลั่น เนื่องจากก่อนหน้านี้ พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ รอง ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ได้ระบุว่าพบเศษกระสุนในเสื้อผ้าของนายสุนทร เป็นกระสุนขนาด .223 ซึ่งเป็นกระสุนเอ็ม 16 รุ่นใหม่ที่มีเจ้าหน้าที่ทหารใช้เพียงหน่วยเดียว

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วย พ.ท.คมกฤช รัตนฉายา ผู้บังคับกองพัน ร.5 พัน 1 ค่ายเสนาณรงค์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ช่วยราชการหัวหน้าชุดเฉพาะกิจ 22 ปัตตานี ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาพลทหารธีรเดช ได้นำตัวพลทหารธีรเดช และพลทหารอีก 2 นายเดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.ชวน วรวานิช ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐาน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อเข้าเครื่องจับเท็จเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าเป็นผู้ทำปืนลั่นจริงหรือไม่

**พบพิรุธหลังเข้าเครื่องจับเท็จ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจนำทหารผู้ต้องสงสัยทั้งหมดพร้อมด้วย พ.ท.คมกฤชมาถึง เวลาประมาณ 11.00น.พล.ต.ต.ชวนได้เชิญไปเข้าเครื่องจับเท็จโดยมี พ.ต.ต.หญิงดวงหทัย เลาหเวชรานันท์ นักวิทยาศาสตร์ (สบ.2) พฐ. เป็นผู้ควบคุมขั้นตอนใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นพลทหารธีรเดช ได้เดินทางกลับพร้อมผู้บังคับบัญชาทันทีโดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์ใดๆ

ทั้งนี้ มีรายงานแจ้งว่าก่อนที่ พล.ต.ต.ชวน จะนำพลทหารธีรเดช เข้าเครื่องจับเท็จได้เชิญ พ.ท.คมกฤช รัตนฉายา ผู้บังคับบัญชา ไปให้ข้อมูลเบื้องต้นแก่เจ้าหน้าที่โดยผ่านเครื่องจับเท็จประมาณ 20 นาที จากนั้นจึงได้นำตัวพลทหารธีรเดช เข้าเครื่องจับเท็จเป็นคนต่อไป ซึ่งจากการเข้าเครื่องจับเท็จพบว่าข้อมูลที่ได้จาก พ.ท.คมกฤช และพลทหารธีรเดช เหมือนกับมีการเตรียมการกันมาเป็นอย่างดี

พล.ต.ต.ชวน เปิดเผยภายหลังเพียงว่า ขณะนี้ได้นำผลการทดสอบส่งให้กับพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีที่ สภ.อ.ยะหริ่งแล้ว ส่วนรายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้

***ชี้"คมกฤช"ให้การเท็จ

ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวจากชุดสอบสวนคลี่คลายคดีกระสุนปืนลั่นเป็นเหตุให้รองผุ้วาราชการจังหวัดปัตตานีเสียชีวิตที่มี พล.ต.ท.วงกต มณีรินทร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นประธาน ว่า พ.ท.คมกฤช รัตนฉายา ให้การเท็จและปกปิดข้อเท็จจริงกรณีเหตุปืนลั่นและยังให้ข้อมูลทำให้เข้าใจผิดว่า อส.เป็นผู้ทำปืนลั่นใส่นายสุนทร นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวว่าทางพนักงานสอบได้มีการออกหมายจับ พ.ท.คมกฤช ด้วย

ขณะที่แหล่งข่าวจากชุดสอบสวนเปิดเผยว่า จากการสอบสวนในเชิงลึกคดีปืนลั่นพบว่า น่าจะเป็นกระสุนปืนที่มาจากปืนของนายทหารชั้นสัญญาบัตรคนหนึ่ง โดยกระสุนขนาด .223 ดังกล่าวมีใช้เฉพาะเจ้าหน้าที่ทหารเท่านั้น และส่วนใหญ่จะมีใช้เฉพาะนายทหารเท่านั้น ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อส.และพลทหารจะไม่มีใช้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายอับดุล แวดอเลาะ อส.จังหวัดปัตตานี ขณะนี้เก็บตัวเงียบไม่ออกมาเปิดเผยข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น ขณะที่บรรยากาศการทำงานของ อส.คนอื่น ๆ ก็เป็นปกติ เพียงแต่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า ทำไมเมื่อทราบแล้วว่าวิถีกระสุนที่ถูกนายสุนทรไม่ได้เป็นของนายอับดุลแต่ยังไม่มีหน่วยงานใดออกมาชี้แจงและหาตัวคนผิดจริงมาลงโทษ

***"คมกฤช"ปืนทหารไม่ลั่น

ด้าน พ.ท.คมกฤช กล่าวก่อนหน้านี้เกี่ยวกับกรณีที่มีการระบุว่าที่มาของกระสุนปริศนาน่าจะมาจากปืนของฝ่ายทหารมากกว่าจะเป็นปืนของ อส.ตามที่ตำรวจมุ่งสอบสวนก่อนหน้านี้ว่า ทุกคนมีสิทธิ์กลายเป็นผู้ต้องหาด้วยกันทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ และ อส.เพราะในคืนเกิดเหตุมืดมากจนไม่รู้อะไรเป็นอะไรและเสียงปืนเกิดขึ้นโดยไม่มีใครทราบทิศทางเลยว่ามาจากไหน วินาทีนั้นส่วนตัวก็เชื่อว่าเป็นการลอบยิงจากคนร้ายเพราะเป็นพื้นที่สีแดงอยู่แล้ว

พ.ท.คมกฤช กล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุการณ์ขึ้นในการสอบสวนหาที่มาของกระสุนปริศนา ฝ่ายทหารให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่มาตลอดโดยปืนของฝ่ายทหารส่งให้เจ้าพนักงานสอบสวน 2 รอบ รอบแรกทันทีที่เกิดเหตุเพื่อให้ สภ.อ.ยะหริ่ง ผลการตรวจสอบไม่มีปัญหาอะไร ส่วนรอบ 2 เป็นการตรวจสอบวิถีกระสุน ซึ่งขณะนี้ทางทหารเองกำลังรอผลอยู่เหมือนกัน โดยทางทหารได้ส่งมอบปืนครบทุกกระบอกตั้งแต่ระดับผู้คับบัญชาไปจนถึงพลทหารตามที่มีข่าวว่าทหารส่งปืนไปตรวจสอบไม่ครบทุกกระบอกนั้น ไม่เป็นความจริง และตนมั่นใจว่า ทหารไม่ได้ทำปืนลั่นใส่รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีอย่างแน่นอน

"หลังจากเจ้าพนักงานสอบสวนตั้งข้อสงสัยว่ากระสุนมาจากปืนของพลทหารนายหนึ่ง ไม่ใช่จาก อส.ตามที่สงสัยกันก่อนหน้านี้ ตนได้มีโอกาสซักถามพลทหารนายนั้นแล้วได้รับการยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนทำปืนลั่นแน่นอน เพราะทหารยืนอยู่ด้านหน้าของนายสุนทรทั้งหมด แต่วิถีกระสุนเจาะเข้าที่ด้านหลังทะลุด้านหน้า ซึ่งหากเจ้าพนักงานสอบสวนสงสัย ฝ่ายทหารพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่" พ.ท.คมกฤช กล่าว

***"โภคิน"ย้ำเป็นปืนที่ทหารใช้

นายโภคิน พลกุล รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ผ่านมาหลายฝ่ายได้ออกมาให้ข่าวว่า อส.เป็นผู้ทำปืนลั่นแต่ในช่วงหลังกลับกลายเป็นทหารว่า เป็นไปตามพยานหลักฐานข้อเท็จจริง ทีแรกอาจจะยังไม่ได้ตรวจวิถีกระสุน แต่เมื่อดูวิถีกระสุนแล้วก็ทราบว่าเป็นปืนที่ใช้เฉพาะทหารเท่านั้น ตอนแรกยังไม่ทราบคิดว่าเป็นปืนเอ็ม 16 เท่าที่ดูจากรายงานพนักงานสืบสวนเข้าใจว่าน่าจะเป็นแบบนั้น แต่เมื่อหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ออกมาว่าเป็นปืนทหารก็ต้องสืบว่าทหารคนนั้นเป็นใคร

"ส่วนจะให้ อส.ที่ออกมาปฏิเสธเข้าเครื่องจับเท็จเช่นเดียวกับทหารด้วยหรือไม่นั้น ขอให้เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนที่ดูในรูปคดีผมจะไปสั่งโดยที่ไม่ได้รับผิดชอบคงไม่ถูกต้อง" นายโภคิน กล่าว

พล.อ.สิริชัย ธัญญสิริ ผู้อำนวยการ กอ.สสส.จชต.กล่าว่า โดยส่วนตัวมั่นใจว่า เกิดจากเหตุการณ์ปืนลั่น แต่จะเป็นปืนของใครคงต้องรอผลสอบสวน ซึ่งเชื่อว่าจะไม่มีแพะแน่นอนโดยก่อนหน้านี้ได้กำชับ พ.ท.คมกฤช รัตนฉายา ในฐานะผู้บังคับบัญชาว่า ให้พูดความจริงไม่ต้องปิดบังข้อมูลใดๆ

***ลั่นกองทัพไม่ป้องคนผิด

ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ผบ.ทบ.กล่าวว่า เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ทางทหารพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่โดยส่งปืนให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบหมดแล้ว ความจริงคือความจริง ผลจะออกมาอย่างไรว่าไปตามนั้นในส่วนของทหารไม่มีปัญหา ไม่ต้องห่วง พร้อมให้ความร่วมมือทุกอย่าง โดยตนได้บอกไปยัง พล.ต.ขวัญชาติ กล้าหาญ รักษาการแม่ทัพภาคที่ 4 ว่าให้ความร่วมมือทุกอย่างกับตำรวจ ถ้าเป็นปืนของทหารก็ว่าไปตามผิด-ถูก เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริง โปร่งใส ขอยืนยันว่ากองทัพบกยุคนี้ไม่มีการปกป้องคนที่ทำผิด แต่เรื่องนี้ถ้าเป็นเรื่องของปืนลั่นจริงตนว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ เป็นเรื่องอุบัติเหตุ ไม่มีอะไรต้องปกปิด เพราะไม่มีใครที่มีเจตนาจะยิงกันใกล้ๆ ขนาดนั้น

"ถ้าปืนลั่นมันก็อาจเป็นเรื่องสุดวิสัยก็เป็นไปได้ เพราะเป็นเวลากลางคืน ถ้าไม่เซฟปืนไว้แล้วนิ้วไปโดนเข้า หรือขึ้นรังเพลิงไว้แล้วกระสุนอยู่ในรังเพลิงมันก็อาจจะลั่นได้ ไม่ว่าใครทั้งนั้น ท่านนายกฯ ไม่ได้สอบถามเรื่องการทำงานของทหาร ท่านก็คงเห็นว่าเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนที่จะดำเนินการ แต่เชื่อว่า เรื่องนี้ทางตำรวจจะสามารถพิสูจน์และคลี่คลายคดีไปได้ในที่สุด" ผบ.ทบ.กล่าว

***ชี้ปล้นปืนเป็นหน้าที่ตำรวจ

ส่วนกรณีที่มีการปล้นปืนของเทศบาลตำบลบ่อบ่อทอง อ.หนองจิก ซึ่งที่เกิดเหตุอยู่ตรงข้ามกับค่ายอิงคยุทธบริหารนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ แต่ที่ทราบรู้สึกว่าจะมีคนอยู่เพียงคนเดียวที่ดูแลปืนและการเข้ามาคงเหมือนประชาชน ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใคร

"ถ้าเขาติดเครื่องหมายว่าเป็นโจรเราคงป้องกันได้ดีกว่านี้แต่นี่ประชาชนเหมือนกันหมด แต่สำหรับทหารที่ลงไปอยู่ในพื้นที่ เราไม่ได้ไปสู้รบกับใคร เราต้องการไปป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้น เพื่อให้เกิดความสงบไปดูแลผู้บริสุทธิ์ไม่ให้ถูกทำร้าย" พล.อ.ประวิตร กล่าว

***นายกฯจี้ควานหาคนปล้นปืน

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้กองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) สอบสวนข้อเท็จจริงว่ามีคนในรู้เห็นกับการปล้นปืนลูกซองของเทศบาลตำบลบ่อทอง อ.หนองจิก หรือไม่ โดยได้เร่งให้เจ้าหน้าที่สอบสวนหาข้อเท็จจริงให้เสร็จโดยเร็ว ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้มงวดมากขึ้น และทุกอย่างต้องมีหลักฐานชัดเจนก่อนที่จะดำเนินการใด ๆ ลงไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการตรวจค้นบ้านผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการบุกปล้นปืนลูกซองยาวของเทศบาลตำบลบ่อทอง อ.หนองจิก อีก 3 แห่ง ในพื้นที่ ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก แต่ไม่พบหลักฐาน โดยเจ้าหน้าที่ได้นำตัวเจ้าของบ้านไปสอบสวนเพิ่มเติมที่กองทัพภาคที่ 4 ส่วนหน้า ในขณะที่เจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจ ยังคงออกตามหาเบาะแสคนร้ายต่อไป

***ให้โอกาสคืนอาวุธสงคราม

วันเดียวกันที่ กอ.สสส.จชต.ยะลา ได้มีการประชุมร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง เพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับวิธีการที่จะให้ประชาชนที่ครอบครองอาวุธสงครามนำมาคืนให้เจ้าหน้าที่รัฐว่าจะให้มีการดำเนินการอย่างไร เนื่องจากพบว่าอาวุธที่คนร้ายนำมาก่อเหตุส่วนใหญ่เป็นอาวุธสงคราม ซึ่งในที่ประชุมได้มีการแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวางและมีผลสรุปออกมาว่า 1.จะเปิดโอกาสให้ผู้ที่ครอบครองอาวุธสงครามสามารถนำอาวุธที่อยู่ในครอบครองมาคืนให้เจ้าหน้าที่ของรัฐได้โดยที่รัฐจะไม่เอาผิด และ 2.จะให้ค่าตอบแทนกับประชาชนที่ชี้เบาะแสแหล่งที่ซ่อนของอาวุธสงครามที่อยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ส่วนเรื่องการอภัยโทษเกี่ยวกับการครอบครองอาวุธสงครามนั้น ซึ่งต้องผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาก่อน แต่เนื่องจากขณะนี้วุฒิสภาได้ปิดสมัยประชุมไปแล้ว จึงยังเป็นปัญหาอยู่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวที่ประชุมจึงเห็นตรงกันว่าขณะนี้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังมีกลุ่มคนร้ายก่อเหตุรายวันด้วยอาวุธสงครามอยู่ เห็นว่ารัฐจำเป็นต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนนำอาวุธมาคืนก่อนเป็นดีที่สุดเพื่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่

***อนุกก.สรุปสอบตากใบแล้ว

ด้านนายพิเชต สุนทรพิพิธ ประธานคณะกรรมการอิสระไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีการสลายการชุมนุมที่ สภ.อ.ตากใบ จ.นราธิวาสว่า คณะอนุกรรมการ 3 คณะได้สรุปข้อมูลผลสอบการสอบและส่งให้คณะกรรมการชุดใหญ่หมดแล้ว ซึ่งคณะกรรมการชุดใหญ่จะนำข้อสรุปทั้งหมดมาดูอีกที โดยยอมรับว่ายังมีข้อมูลที่มีความขัดแย้งค่อนข้างมาก ซึ่งคณะกรรมการก็ยังไม่ได้ยึดตามข้อสรุปที่ได้ทั้งหมด แต่ยืนยันว่าจะสามารถสรุปผลการสอบสวนได้ทั้งหมดภายในธันวาคมนี้แน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น