ศาลสั่งจำคุก 5 ปี ช่างเครื่องมอเตอร์ไซด์ซิ่ง ร่วมกับพวกอีก 9 คน เรียงคิวข่มขืนนักเรียนแฟนสาวโจ๋นักซิ่งวัย 16 ปี หวังล้างหนี้ค้างค่าซ่อมรถ
วานนี้ (13 ธ.ค.)ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการโจทก์ยื่นฟ้อง นายธนพล หรือดุล อุสมาน อายุ 19 ปี เป็นจำเลยในความฐานร่วมกับพวกหน่วงเหนี่ยวกักขัง ข่มขืนผู้อื่น โดยใช้กำลังประทุษร้าย และข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง
คดีนี้ อัยการโจทก์บรรยายฟ้องและนำสืบว่า เมื่อวันที่ 29 ก.ค.46 จำเลยได้ร่วมกับนายเต๋า (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ซึ่งเป็นเยาวชน ใช้กำลังบังคับขู่เข็ญ น.ส.แอน (นามสมมติ) อายุ 16 ปี นักเรียนชั้นมัธยมโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านซอยเซนต์หลุยส์ 3 เขตยานนาวา กทม. โดยใช้กำลังชกต่อย จับร่างผู้เสียหายกดกับพื้น และเรียกเพื่อนอีก 9 คน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันข่มขืน เหตุเกิดภายในร้านอาหาร ตั้งอยู่ในซอยประดู่ 1 ถนนตก กทม. สำหรับนายเต๋า อัยการได้แยกสำนวนฟ้อง ซึ่งศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง มีคำพิพากษากักขังไว้ที่บ้านกรุณาไปแล้ว
ระหว่างพิจารณานี้ อัยการนำผู้เสียหายเบิกความว่า วันเกิดเหตุได้ไปเล่นเกมในร้านคอมพิวเตอร์แห่งหนึ่งในซอยประดู่ นายเต๋า ซึ่งเป็นอดีตแฟนเก่าได้โทรศัพท์ชวนไปทานอาหารในร้านอาหารซึ่งเป็นของมารดานายเต๋า เมื่อไปถึงปรากฏว่าถูกนายเต๋าลากขึ้นไปข่มขืนบนชั้นสองของร้านดังกล่าว หลังเสร็จกิจได้โทรศัพท์ตามเพื่อนๆ มาอีกรวม 9 คน ลงมือข่มขืนอีกจนหมดสติ และสามารถจดจำหน้าคนร้ายได้ทุกคน เพราะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ต่อมาวันรุ่งขึ้นจึงแจ้งให้ครูใหญ่ทราบและได้พาไปแจ้งความกับตำรวจ
อัยการโจทก์นำนายเต๋า เบิกความว่า รู้จักกับผู้เสียหายเพราะชอบนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไปขับขี่แข่งขันที่ ถ.พระราม 3 เป็นประจำ ก่อนเกิดเหตุคดีนี้ เป็นหนี้ค่าซ่อมรถจักรยานยนต์จำเลย จึงวางแผนตามผู้เสียหายมาเพื่อให้จำเลยข่มขืนเพื่อล้างหนี้ค่าซ่อมรถจักรยานยนต์ แต่จำเลยกลับพาพวกมาข่มขืนผู้เสียหายอีก
ศาลพิเคราะห์จากคำเบิกความของพยานโจทก์แล้วเห็นว่า คดีนี้มีพยานเป็นครู มารดาผู้เสียหาย ตำรวจชุดจับกุม และพนักงานสอบสวนเบิกความสอดคล้องต้องกัน อีกทั้งคำเบิกความของผู้เสียหายเองซึ่งยืนยันได้ว่าแม้ในห้องเกิดเหตุมีแสงสว่างน้อย แต่จำเสียงคนร้ายได้ เพราะเรียกขานชื่อผู้เสียหายได้เกือบทุกคน ประกอบกับผลการตรวจร่างกายของแพทย์ ยืนยันว่าผู้เสียหายถูกร่วมประเวณีจริง จึงฟังได้ว่าจำเลยกับพวกอีกหลายคนที่ยังหลบหนีร่วมกระทำความผิดตามฟ้องโจทก์ พิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลย 7 ปี 6 เดือน แต่ในชั้นพิจารณาจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ลดโทษให้จำคุก 5 ปี
วานนี้ (13 ธ.ค.)ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการโจทก์ยื่นฟ้อง นายธนพล หรือดุล อุสมาน อายุ 19 ปี เป็นจำเลยในความฐานร่วมกับพวกหน่วงเหนี่ยวกักขัง ข่มขืนผู้อื่น โดยใช้กำลังประทุษร้าย และข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง
คดีนี้ อัยการโจทก์บรรยายฟ้องและนำสืบว่า เมื่อวันที่ 29 ก.ค.46 จำเลยได้ร่วมกับนายเต๋า (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ซึ่งเป็นเยาวชน ใช้กำลังบังคับขู่เข็ญ น.ส.แอน (นามสมมติ) อายุ 16 ปี นักเรียนชั้นมัธยมโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านซอยเซนต์หลุยส์ 3 เขตยานนาวา กทม. โดยใช้กำลังชกต่อย จับร่างผู้เสียหายกดกับพื้น และเรียกเพื่อนอีก 9 คน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันข่มขืน เหตุเกิดภายในร้านอาหาร ตั้งอยู่ในซอยประดู่ 1 ถนนตก กทม. สำหรับนายเต๋า อัยการได้แยกสำนวนฟ้อง ซึ่งศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง มีคำพิพากษากักขังไว้ที่บ้านกรุณาไปแล้ว
ระหว่างพิจารณานี้ อัยการนำผู้เสียหายเบิกความว่า วันเกิดเหตุได้ไปเล่นเกมในร้านคอมพิวเตอร์แห่งหนึ่งในซอยประดู่ นายเต๋า ซึ่งเป็นอดีตแฟนเก่าได้โทรศัพท์ชวนไปทานอาหารในร้านอาหารซึ่งเป็นของมารดานายเต๋า เมื่อไปถึงปรากฏว่าถูกนายเต๋าลากขึ้นไปข่มขืนบนชั้นสองของร้านดังกล่าว หลังเสร็จกิจได้โทรศัพท์ตามเพื่อนๆ มาอีกรวม 9 คน ลงมือข่มขืนอีกจนหมดสติ และสามารถจดจำหน้าคนร้ายได้ทุกคน เพราะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ต่อมาวันรุ่งขึ้นจึงแจ้งให้ครูใหญ่ทราบและได้พาไปแจ้งความกับตำรวจ
อัยการโจทก์นำนายเต๋า เบิกความว่า รู้จักกับผู้เสียหายเพราะชอบนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไปขับขี่แข่งขันที่ ถ.พระราม 3 เป็นประจำ ก่อนเกิดเหตุคดีนี้ เป็นหนี้ค่าซ่อมรถจักรยานยนต์จำเลย จึงวางแผนตามผู้เสียหายมาเพื่อให้จำเลยข่มขืนเพื่อล้างหนี้ค่าซ่อมรถจักรยานยนต์ แต่จำเลยกลับพาพวกมาข่มขืนผู้เสียหายอีก
ศาลพิเคราะห์จากคำเบิกความของพยานโจทก์แล้วเห็นว่า คดีนี้มีพยานเป็นครู มารดาผู้เสียหาย ตำรวจชุดจับกุม และพนักงานสอบสวนเบิกความสอดคล้องต้องกัน อีกทั้งคำเบิกความของผู้เสียหายเองซึ่งยืนยันได้ว่าแม้ในห้องเกิดเหตุมีแสงสว่างน้อย แต่จำเสียงคนร้ายได้ เพราะเรียกขานชื่อผู้เสียหายได้เกือบทุกคน ประกอบกับผลการตรวจร่างกายของแพทย์ ยืนยันว่าผู้เสียหายถูกร่วมประเวณีจริง จึงฟังได้ว่าจำเลยกับพวกอีกหลายคนที่ยังหลบหนีร่วมกระทำความผิดตามฟ้องโจทก์ พิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลย 7 ปี 6 เดือน แต่ในชั้นพิจารณาจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ลดโทษให้จำคุก 5 ปี