xs
xsm
sm
md
lg

อยู่บ้านอย่านุ่งกางเกงในและต้องทำตัวเป็นโสเภณี (1)

เผยแพร่:   โดย: ยอดรัก ตะวันรอน

"ทำไมเวลาผู้หญิงอยู่บ้านแล้วต้องไม่นุ่งกางเกงใน แล้วทำไมเมื่ออยู่บนเตียงนอนแล้วผู้หญิงต้องเป็นโสเภณีครับพ่อ?"

เด็กผู้ชายอายุ 8 ขวบคนหนึ่งที่เป็นหลานของเพื่อนผม กลับมาถามพ่อที่บ้านในตอนเย็นหลังจากเลิกโรงเรียนมาแล้ว โดยที่พ่อของเขายังตอบคำถามเหล่านั้นไม่ได้หรือไม่ตอบ นอกจากถามว่า "ถามทำไม ไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน?"

"จากโรงเรียนครับพ่อ ครูและเพื่อนเขาพูดกัน" เด็กชาย 8 ขวบคนนั้นตอบ "มีคนเขาพูดกัน พ่อรู้ไหม?"

"ไม่รู้หรอก" พ่อตอบ "รู้แต่ว่านักการเมืองผู้หญิงเขาพูดกันเพื่อสอนผู้หญิง อย่าไปสนใจเลย มันเป็นเรื่องของนักการเมืองสกปรกบางคนเขาชอบพูด เดี๋ยวพอหนูโตขึ้นกว่านี้อีกสักหน่อยก็รู้หรอก ตอนนี้บอกยังไงก็ไม่เข้าใจ"

ผมเองเมื่อได้ฟังเรื่องนี้ก็ยังงุนๆ งงๆ โดยที่ไม่รู้ว่าต้นสายปลายเหตุของเรื่องเป็นมายังไงหรือมีการพูดกันที่ไหน เพราะผมไม่ได้ดูรายการทีวี แต่ได้ยินเด็กรับใช้ข้างบ้านนำมาคุยกันว่าผู้หญิงที่เป็นเมียคนนั้น จะต้องทำให้ผัวรักให้ถึงที่สุด และการที่ผัวจะรักได้นั้น มีทางทำสำเร็จได้โดยแก้ผ้าหรือไม่นุ่งกางเกงในเวลาอยู่บ้าน และเวลานอนบนเตียงกับผัวจะต้องทำตัวเป็นโสเภณีเข้าไว้ จะทำให้เกิดความรักระหว่างผัวเมียจะยั่งยืน

เด็กรับใช้ข้างบ้านที่กำลังคุยกันอยู่วันนั้นอ้างว่า เป็นคำพูดหรือเป็นคำบอกกล่าวของ นักการเมืองรายหนึ่ง ที่พยายามสร้างชื่อเสียงและทำงานทางการเมืองด้วยการแสวงหาความสำเร็จทางกามารมณ์ และพยายามอบรมผู้หญิงไทยที่โง่เขลาจำนวนหนึ่งให้หันมาสนใจในการบำเรอผู้ชายด้วยกามารมณ์อย่างถึงอกถึงใจ ซึ่งเป็นการพัฒนาทางการเมืองขึ้นมาอีกระดับหนึ่งของการเมืองไทย ที่เวลานี้นอกจากจะมีอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เคยเกิดมาก่อนก็เกิดขึ้น แม้แต่การหลอกล่อผู้ชายให้วุ่นวายอยู่กับการสมสู่กันกับภรรยาเพื่อปลดปล่อยความใคร่ของตนเอง ตามหลักการทางการเมืองของตน หรือข้าราชการระดับรองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีที่อยู่ดีๆ ก็เดินออกไปหาที่ตายโดยไม่มีใครสามารถรู้ได้ตายเพราะอะไร แม้แต่รัฐบาลไทยที่ปกครองประเทศที่เจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจอย่างน่าตื่นเต้นก็ไม่มีโอกาสรู้ได้ และยังหาทางโกหกประชาชนให้แนบเนียนไม่ได้หลังที่มีการฆ่าที่ตากใบ 87 ศพก็ยังอึมครึมอยู่

มันเกิดขึ้นได้ทั้งที่เรื่องไม่ควรเกิด แต่เรื่องที่ควรเกิดมันไม่ยอมเกิด

เฉพาะที่น่าตื่นเต้นที่สุดก็คือ เรื่องที่เกี่ยวกับการเมือง เช่น เรื่องนักการเมืองมีชื่อ เสียงที่เป็นผู้หญิงให้คำแนะนำอันเป็นทฤษฎีทางเซ็กซ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทฤษฎีหนึ่งที่ผลิตได้โดยนักการเมืองเมืองไทยคือว่า ผู้หญิงไม่ควรนุ่งกางเกงในเวลาอยู่บ้านกับผัวและเวลานอนบนเตียงกับผัว ซึ่งได้มีการนำมาพูดมาวิจารณ์กันอย่างฉาวโฉ่ ซึ่งความจริงแล้ว ในสันดานไทยและทางวัฒนธรรมไทยนั้น เคยถือกันอย่างเคร่งครัด ในยุคสมัยที่ผู้หญิงยังหน้าด้านไม่ถึงขนาด จะไม่ยอมทำแม้แต่เพียงคิดก็จะไม่คิด แต่สมัยปัจจุบันนี้ไม่เพียงแต่ผู้หญิงจะต้องคิดเท่านั้น แต่จะต้องพูดต้องทำทั้งในวงการชาวบ้านจนกระทั่งถึงวงการการเมืองอีกด้วย นอกจากคิดแล้วยังต้องเผยแพร่และพร้อมที่จะปฏิบัติอีกด้วยหรือทำกันไปก่อนแล้วก็ไม่มีใครทราบ

แต่คนไทยในสมัยเก่าจะถือกันเคร่งครัดว่าเกิดมาเป็นผู้หญิงแล้ว จะมีความคิดอุบาทว์ แบบนั้นทำไม่ได้ จะต้องอบรมสั่งสอนกันภายในครอบครัว ทุกหนทุกแห่งจะมีการอบรมเรื่องนี้ไว้อย่างมากที่สุด แม้แต่ในหมู่กวีพื้นบ้านที่ก็ยังเขียนกันถึงขนาดว่า "ลุกนั่งระวังตน อย่าลุกลนทะลึ่งไป ภูษาและผ้าสะไบ ปกปิดให้มิดกาย" หรือ "ยามนอนอย่านอนหงาย เอากรก่ายนลาฏแปร กอดอกอาแดฤดีดิ้นถวิลชาย" ผู้หญิงประเภทนี้โบราณเรียกว่า "อีป่น" ในหนังสือสอนหญิงที่พิมพ์โดย "โรงพิมพ์หน้าวัดเกาะเพราะนักหนา" สมัยก่อนเขียนด่าเอาไว้ว่า "ผู้หญิงอย่างนี้อัปรีย์ยิ่งคน เขาเรียก อีป่น ชั่วจนมรณา" ซึ่งแตกต่างกับคนทุกวันนี้ที่สามารถทำตัวเป็นอีป่นได้ถึงขนาด แล้วจะมียศมีชื่อเสียงอย่างง่ายดาย

พอเหมาะพอดีทีเดียวกับเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวงการการเมืองของเรา ซึ่งกำลังจะพัฒนาไปอีกระดับหนึ่ง เนื่องจากรัฐบาลที่กำลังปกครองประเทศอยู่กำลังจะหมดอายุและกำลังจะมีการเลือกตั้งใหม่ที่เชื่อกันว่าพรรคสำคัญทุกพรรคที่กำลังเริ่มต่อสู้กันในลักษณะ "เห่าและกัด" กันอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ในขณะนี้ ต่างก็จะได้รับชัยชนะกันสูงสุดทุกพรรคอย่างน้อยพรรคละ 400 คน ตามที่คาดหมายของแต่ละฝ่าย

อาจจะทำให้การเมืองไทยอึกทึกครึกโครมและมันเขี้ยวหนักขึ้นไปอีกกว่าการที่ผู้หญิงควรจะนุ่งกางเกงในในยามที่อยู่บ้านและตอนนอนเตียงกับผัวต้องเป็นโสเภณี

นอกจากจะมีพูดกัน แม้กระทั่งเด็กนักเรียนอายุ 8 ขวบยังต้องเอามาศึกษาต่อที่บ้านแล้ว ผมเองซึ่งหากินทางเขียนหนังสือขายก็จะต้องมีเรื่องเขียนกัน ก็มีคนมาถามผมว่าผมคิดถึงเรื่องนี้อย่างไร?

ทั้งในด้านหลักการหรือปรัชญาทางกามารมณ์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมา ซึ่งตรงกับยุคสมัยที่การเมืองประเภทเร่าร้อนเวียนมาบรรจบกันพอดี ผมมีความเห็นอย่างไร?

ผมจำเป็นจะต้องตอบด้วยการส่ายหน้าพอสมควร เพราะผมเบื่อหน่ายการเมือง เฉพาะการเมืองของไทยทุกวันนี้อย่างบอกไม่ถูก

ผมไม่มีความเชื่อมั่นว่าการเมืองของไทยที่กำลังเป็นอยู่นี้จะช่วยทำให้ประเทศชาติได้รับประโยชน์อะไรเลยนอกจากความ "ฉิบหาย" อย่างคาดไม่ถึง

การเมืองไทยอย่างที่เป็นอยู่ไม่สามารถจะมาแก้ไขปัญหาใดๆ ของประชาชนได้หรือจะไม่ช่วยให้ประชาชนได้รับประโยชน์อะไรจากการเมืองของไทยเป็นอันขาด

เพราะเมืองไทยเราทุกวันนี้ไม่ว่าจะเรียกมันว่าระบอบอะไรก็ตาม มันถูกปกครองอยู่ด้วยความโง่เขลาโดยสมบูรณ์ทุกประการ นั่นคือความจริงประการแรก

ระบบการปกครองของไทยที่มันยังอยู่ได้หรือมีทีท่าว่าจะอยู่ได้ ก็เพราะคนไทยปล่อยให้มันอยู่โดยไม่ยอมแตะต้องใดๆ เท่านั้น

ประการต่อมาก็คือ การปล่อยให้มีการโกหกพกลมและหลอกลวงของนักการเมือง โดยไม่มีใครกล้าคัดค้านอย่างจริงจังหรือต่างก็พยายามหาทางโกหกด้วยกันทุกฝ่าย

ผลการบริหารและการปกครองที่ทำได้ดีที่สุดที่นักการเมืองสามารถทำได้อย่างชัดแจ้งก็คือ การคอร์รัปชันหรือการกินบ้านกินเมืองและการกินทุกอย่างไม่ว่ารากหญ้าหรือยอดหญ้า
กินกันมาเขมือบกันมาเรื่อยๆ ตามลำดับ และจะเขมือบต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดทั้งในชาตินี้หรือในชาติหน้า (ถ้ามี) เพราะการคอร์รัปชันหรือการโกงชาติบ้านเมืองเป็นกระดูกสันหลังของการปกครองของประเทศไทย

การดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของระบอบประชาธิปไตยของไทยก็คือ นักการเมืองของเราต่างคนต่างก็แย่งกันโกหกหลอกลวงประชาชนทุกอย่างเท่าที่จะทำได้และในขณะเดียวกันก็ยกย่องตัวเองและญาติมิตรบริวารกันอย่างอึกทึกครึกโครม

ความรู้ความสามารถและพฤติกรรมนักการเมืองของไทยจะเลวทรามลงมากกว่าปกติและส่อเค้าว่าจะเสื่อมหนักลงไปอีก ในขณะที่การคอร์รัปชันและการกินบ้านกินเมืองจะพัฒนาสูงขึ้น เช่นเดียวกับที่บ้านมืองของไทยกำลังเสื่อมโทรมถึงขนาดจนไม่มีทางที่จะแก้ไขอะไรได้
ความเละเทะในการมั่วสุมทางเพศในหมู่เด็กไทยวัยรุ่นวัยเรียนจำนวนเป็นล้านๆ คนกำลังระบาดหนัก โดยไม่มีทางแก้ไขพร้อมกับโรคเอดส์กำลังระบาดเกือบทั่วทุกหัวระแหงเป็นล้านๆ คน เช่นเดียวกับวัฒนธรรมไทยในด้านนี้ถูกทำลายลงอย่างป่นปี้ซึ่งจะไม่มีทางแก้ไขอะไรได้ แต่เรายังมาห่วงเรื่องผู้หญิงอยู่บ้านกับผัวไม่ควรจะนุ่งกางเกงในกันอีก เรื่องเหล่านี้เราจะไม่นักการเมืองคนใด พรรคใด หรือวิเศษขนาดไหนสามารถจะแก้ไขอะไรได้

และก็จะไม่มีวิธีการแก้ไขอะไรได้ด้วย

เท่านั้นยังไม่พอ แต่เรายังมีนักการเมืองที่โง่เขลาทุกรูปแบบพากันซื้อเสียงเลือกตั้งเข้ามาดูดกินเลือดกินเนื้อของคนไทยอยู่ได้ติดต่อกันเป็นเวลาหลายๆ ปี

ทำไมบ้านเมืองของเรามันตลกชั่วช้าถึงขนาดนั้น?

บ้านเมืองมีรัฐบาล มีตำรวจ ทหารเป็นกรมเป็นกองทัพ เรามีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองทั่วทุกหัวระแหง แต่เรามีอาชญากรรมที่ร้ายแรงฆ่ากัน (เล่นๆ ให้ดู) ทุกวันใน 3 จังหวัดภาคใต้ ฆ่ากันอย่างเย้ยหยันเป็นเวลานานนับปี แต่จะไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดจากอะไรและทำไมมันจะต้องเกิด สาเหตุมันมาจากไหน เราไม่มีมือใครที่จะจับมาดมได้ เมื่อเราย้อนไปดูประวัติชนชาติไทยเริ่มตั้งแต่ กรุงสุโขทัย อยุธยา และกรุงรัตนโกสินทร์มารวมกันเข้า เรายังไม่เคยมีสภาพอย่างที่เกิดขึ้นในเมืองไทยขณะนี้ เพราะเราปกครองบ้านเมืองและรับผิดชอบกันมาทุกยุคทุกสมัย แต่มาถึงบัดนี้ซึ่งเรามีผู้ปกครองและรับผิดชอบอย่างเดียวกัน แต่คนเหล่านี้ไม่สามารถจะรับผิดชอบประเทศชาติบ้านเมืองได้มากกว่าเด็กอมมือ แต่เรากำลังจะเลือกตั้งใหม่ และจะมีรัฐบาลใหม่ ทุกคนจะเป็นนายกรัฐมนตรี จะมีนักการเมืองรักชาติรักประเทศนับเป็นจำนวน 500-600 คน ซึ่งอ้างว่าเก่งทั้งสิ้น แต่ไม่มีแม้แต่คนเดียวเคยประกาศรับผิดชอบว่าตนเองจะมีความรู้ความสามารถที่จะรับผิดชอบและแก้ไขได้ หรือจะเป็นเพียง "อ้ายงั่ง" เดิมๆ ขึ้นมากินบ้านกินเมืองต่อไปอีก

มีใครบ้างที่กล้าประกาศว่ามีความรู้ความสามารถที่จะแก้ปัญหาบ้านเมืองที่มีอยู่นี้ได้ แค่ขยะที่ไหนสักกองหนึ่งพอให้รู้กันว่าบ้านเมืองมีคนที่รับผิดชอบ?

แต่อย่าพยายามทำโง่ๆ อย่างที่ได้ประกาศเอิกเกริกโครมครามไปทั่วบ้านทั่วเมืองที่กำลังทำกันอยู่ในขณะนี้ นั่นคือ การออกกฎหมายห้ามเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ซื้อเหล้าและบุหรี่หรือการขายบุหรี่ให้แก่เด็กที่อายุยังไม่พ้น 18 ปี จะทำให้คนไทยส่วนหนึ่งเลิกสูบบุหรี่ และกินเหล้าได้อย่างง่ายๆ

นั่นคือ การแสดงออกถึงมาตรการที่โง่เขลาที่สุดในด้านการบริหารการปกครองบ้านเมืองที่ปรากฏในศตวรรษนี้

เป็นความคิดชนิดที่โง่ที่สุดที่คิดเอาว่าคนที่อยากกินเหล้าหรือสูบบุหรี่นั้น จะหยุดได้เพราะกฎหมาย ไม่ว่าจะเอากฎหมายที่ไหนออกมาห้ามปรามเพราะมันทำไม่ได้หรือทำไม่สำเร็จ

เพราะถ้าคนมันอยากกินเหล้าสูบบุหรี่ และมันก็ต้องการกินเหล้าและสูบบุหรี่ขึ้นมา จะไปเอาพระผู้เป็นเจ้าที่ไหนมานั่งเฝ้าหน้าร้านขายบุหรี่ขายเหล้า มันก็ยังมีปัญญาไปหามากินได้อยู่วันยังค่ำ เพราะว่าในเมืองไทยนอกจากคนอายุ 18 ปีแล้ว ยังมีคนอีกหลายสิบล้านคน ทั้งผู้หญิงผู้ชายที่มีอายุเกิน 18 ปีไปแล้วที่จะไปซื้อเหล้าซื้อบุหรี่ได้โดยไม่ผิดกฎหมาย โดยการไปซื้อมาขายต่อให้คนอายุต่ำกว่า 18 ปีได้ เพียงแต่ไหว้วานกันหรือให้บุหรี่สักสองสามมวนหรือจ้างคนเหล่านี้ไปซื้อมากินเท่าไรสูบเท่าไรก็ทำได้อย่างเป็นสุขจนกว่าชีวิตจะหาไม่

หรืออาจจะเกิดเรื่องที่ขำขันชนิดหัวเราะท้องขดท้องแข็งกันมาอีกทางหนึ่งก็ได้เมื่อเกิดมีคนที่มีอายุเกิน 18 ปีไปเปิดสำนักงานรับจ้างซื้อเหล้าซื้อบุหรี่มาไว้ขายต่อให้นักสูบบุหรี่หรือนักดื่มเหล้าเหล่านั้น หรือซื้อมาทิ้งไว้แล้วเที่ยวเร่ขายตามขาประจำที่ต้องการสูบบุหรี่หรือกินเหล้าก็ยังทำได้

การป้องกันคนกินเหล้าและสูบบุหรี่มันจะแก้หรือห้ามปรามป้องกันไม่ได้ ด้วยการออกกฎหมายห้ามหรือการลงโทษ

เช่นเดียวกับการปล้นชาติและกินบ้านกินเมืองที่เรียกว่า คอร์รัปชันหรือการที่ทำผิดกฎหมายมากมายที่เต็มบ้านเต็มเมืองอยู่ทุกวันนี้ เราก็มีกฎหมายมากมายเป็นพะเรอเกวียน แต่เรายังไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ และในกรณีที่ว่าการละเมิดกฎหมายเป็นความผิดถ้าเรามีพรรคพวกมีอิทธิพล เราก็เอากฎหมายเหล่านั้นลงนรกเสียเมื่อไรก็ได้ ตัวอย่างเช่น สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ต้องช่วยกันปล่อยให้คดีคอร์รัปชันหมดอายุความไปถึง 6,000 กว่าเรื่อง ซึ่งมูลค่าของการคอร์รัปชัน และการโกงบ้านกินเมืองนั้น เป็นเงินของแผ่นดินหลายแสนล้านบาท ไม่มีกฎหมายที่ไหนที่สามารถจะนำมาใช้ป้องกันหรือห้ามปรามได้

การคอร์รัปชันและการกินบ้านกินเมืองยังคงดำเนินกันต่อไปอีกทุกแห่งทุกหัวระแหงอีกนาน
สิ่งที่เราจะทำได้ดีที่สุดทางด้านการเมือง และนักการเมืองที่จะมีการเลือกตั้งอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้อย่างเก่งที่สุดก็ไม่มีอะไรที่ทำได้มากไปกว่าการกำหนดทฤษฎีขึ้นมาใหม่ว่า ถ้าหากผู้หญิงคนไหนอยู่บ้านกับผัวแล้วอย่านุ่งกางเกงใน และนอนกับผัวตลอดเวลา เพื่อให้ผัวหลงเท่านั้นก็วิเศษอัศจรรย์เกินไปแล้ว

เพื่อสร้างประเทศไทยให้มีชื่อเสียงทางด้านการเป็นมหาอำนาจทางโสเภณีจากความจริงของสังคมที่เราได้ช่วยกันสร้างมันขึ้นมาจนมีชื่อเสียงกระฉ่อนโลกไปแล้ว

สิ้นคิดกันเถอะนะครับ!
กำลังโหลดความคิดเห็น