ชุมพร -คณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บอากรรังนกอีแอ่นชุมพร มีมติให้โอกาสบริษัท ที่เบี้ยวค่าอากรสัมปทานรักนก จ่ายเงินค่าค้างชำระภายใน 30 วัน หากพ้นกำหนดยังเฉยสั่งยกเลิกสัญญาทันที พร้อมฟ้องเรียกค่าเสียหาย
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บอากรรังนกอีแอ่น ได้จัดประชุม เพื่อพิจารณา กรณีที่บริษัทประมูลสัมปทานจัดเก็บรังนกอีแอ่น ในพื้นที่จังหวัดชุมพร ไม่จ่ายค่าสัมปทานให้เป็นไปตามสัญญาที่ได้ตกลงกันไว้ โดยมี นายอานนท์ มนัสวานิช ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ในฐานะประธานคณะกรรมการฯ เป็นประธาน มีคณะกรรมการจากหน่วยงานภาครัฐ นักการเมืองท้องถิ่น และผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคประชาชน เข้าร่วมประชุมกว่า 20 คน
ที่ประชุมได้ถกปัญหาเกี่ยวกับ กรณีที่บริษัทประมูลสัมปทานจัดเก็บรังนกบนเกาะต่างๆ จำนวน 15 เกาะ ในพื้นที่ของ จ.ชุมพรโดยแยกเป็น 5 สัญญาระยะเวลาสัมปทาน 5 ปี จากราคากลางรวมทั้งสิ้น 281.5 ล้านบาท โดยบริษัทต่างๆ ประมูลสู้ราคากันรวมทั้งสิ้นสูงถึง 1,928.6 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทที่ประมูลสัมปทานได้จะต้องจ่ายค่าอากรปีละ 3 งวด จนครบตามสัญญาสัมปทาน 5 ปี ประกอบด้วย บริษัท เซ้าเทิร์นอันดามัน จำกัด ประมูลได้ในวงเงิน 893 ล้านบาท จากราคากลาง 131 ล้าน ซึ่งยังค้างชำระค่าอากรงวดสุดท้ายของปี 2547 อยู่จำนวน 30 ล้านบาท หจก. บีวาย บิวซิเนส ประมูลได้วงเงิน 221 ล้านบาท จากราคากลาง 60 ล้านบาท ยังค้างชำระงวดสุดท้าย จำนวน 5,077,600 บาท
บริษัท โกลเด้นเสตท จำกัด ประมูลได้ 2 สัญญา รวมวงเงิน 743 ล้านบาท จากราคากลาง 88 ล้านบาท ค้างชำระงวดสุดท้ายทั้ง 2 สัญญา เป็นเงิน 29,645,700 บาท และบริษัท เอ็ม วี ซีวิล จำกัด ประมูลได้วงเงิน 71.6 ล้านบาท จากราคากลาง 2.5 ล้านบาท โดยจ่ายค่าอากรไม่ครบทั้ง 3 งวด ติดต่อกัน รวมเป็นเงิน 8,955,280 บาท
โดยเฉพาะกรณีปัญหาของบริษัท เอ็ม วี ซีวิล จำกัด คณะกรรมการฯ ได้มีการพิจารณาถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง เนื่องจากจ่ายค่าอากรไม่ครบตามสัญญา ติดต่อกันถึง 3 งวด ของ ปี 2547 ซึ่งเป็นพื้นที่สัมปทานที่มีรังนกอีแอ่นน้อยที่สุดในจังหวัด โดยคณะกรรมการฯ ตั้งราคากลางไว้เพียง 2.5 ล้าน แต่บริษัทประมูลราคาทิ้งคู่แข่งสูงลิ่วถึง 71.6 ล้านบาท จึงมีผลต่อการจ่ายเงินค่าอากรตามสัญญาดังกล่าว
ในขณะที่บริษัทต่างๆ ได้มีหนังสืออ้างเหตุผลการค้างชำระเงิน ถึงประธานคณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บค่าอากรรังนกอีแอ่น จ.ชุมพร ว่ามีเหตุสุดวิสัยเนื่องจากปริมาณรังนกตามเกาะที่สัมปทานได้มีจำนวนน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ อีกทั้งได้รับผลกระทบจากการระบาดของไข้หวัดนก และปัญหาค่าเงินบาทสูงขึ้น ทำให้พ่อค้าต่างประเทศกดราคาอย่างมาก จึงไม่สามารถจ่ายเงินได้ครบตามสัญญา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่คณะกรรมการฯ พิจารณาแล้ว เห็นว่าบริษัทต่างๆ จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ เนื่องจากราคาที่ประมูลสูง เป็นเพราะบริษัทที่ได้รับสัมปทานสู้ราคากันเอง ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ให้สัมปทาน ส่วนเหตุผลอื่นๆ นั้นฟังไม่ขึ้น และหากปล่อยให้ปัญหายืดเยื้อต่อไปเรื่อย ๆจะมีผลกระทบต่อทรัพยากรรังนก และทำให้ประชาชนเสียประโยชน์จากการจัดสรรรายได้ไปพัฒนาท้องถิ่น
ที่ประชุมจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ ให้ทุกบริษัทยึดปฏิบัติตามข้อกฎหมายในสัญญาสัมปทาน โดยทำหนังสือแจ้งถึงบริษัททั้งหมด ให้นำเงินค้างชำระที่เหลือมาจ่ายให้ครบภายใน 30วัน หรือหากไม่มีเงินสด ให้นำหลักทรัพย์เท่ากับจำนวนเงินที่เหลือค้างชำระมาค้ำประกันแทน หากบริษัทใดไม่ปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการฯ ให้ยกเลิกสัญญาทันที พร้อมกับฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย จากการกระทำผิดสัญญาสัมปทานดังกล่าวด้วย
ด้าน นายเอนก บุญญกาศ เลขานุการ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร(อบจ.)ในฐานะคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวว่า อบจ.ชุมพร ถือเป็นคู่สัญญาโดยตรง เรื่องนี้ขอให้ยึดกฎหมาย และมติของคณะกรรมการฯเป็นหลัก เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นก็ทราบกันดีอยู่แล้ว ว่ามาจากสาเหตุอะไร จึงไม่อยากพูดมาก เรื่องยกเลิกสัญญาหากมีบริษัทใดฟ้องร้อง ก็ถือว่าไม่มีปัญหา ซึ่งจะปล่อยให้ยืดเยื้อไปไม่ได้ อีกแล้ว เพราะจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาจังหวัด
บริษัทรับสัมปทานรังนกร่อนหนังสือขอผ่อนผันจ่ายเงิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุมของคณะกรรมการฯ เพื่อพิจารณาเรื่อเงินค่าสัมปทานรังนก ที่บริษัทต่างๆค้างจ่ายนั้น บริษัทรับสัมปทานที่ไม่จ่ายเงินอากรรังนกอีแอ่น ได้ทำหนังสือชี้แจงและขอผ่อนผันการจ่ายเงิน ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ในฐานะประธานคณะกรรมการฯ
โดยนายสมพงษ์ ช่วยสมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็ม วี ซีวิล จำกัด ได้มีหนังสือลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2547ชี้แจง กรณีที่บริษัทค้างชำระค่าอากรสัมปทานรังนกบางส่วน ติดต่อกันถึง 3 งวดในปีแรก เป็นเงิน 8,955,280 บาท ระบุว่าเดือดร้อนอย่างมาก และขอให้ขยายเวลาการจ่ายเงินดังกล่าวออกไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากประสบปัญหาการถูกกดราคา และไม่สามารถขายรังนก ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศได้ เพราะปัญหาไข้หวัดนก ประกอบกับค่าเงินบาทสูงขึ้นทำให้พ่อค้าต่างประเทศกดราคา
บริษัท เซ้าเทิร์น อันดามัน จำกัด มีหนังสือลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2547 ชี้แจงถึงกรณีที่ยังคงค้างเงินค่างวดที่ 3 ของปีแรกอยู่จำนวน 30 ล้าน อ้างเหตุผลว่าถูกกดราคารังนกจากผู้รับซื้อ เนื่องจากปัญหาไข้หวัดนกเช่นกัน อีกทั้งปัญหาเรื่องค่าเงินบาทไทยที่มีอัตราสูง และด้วยเหตุสุดวิสัยเนื่องจากปริมาณรังนกมีน้อยกว่าการคาดการณ์ไว้
ขณะที่ ดาบตำรวจ อำไพ มากอำไพ ผู้จัดการหุ้นส่วนจำกัด บี วาย บิวซิเนส ซึ่งค้างค่างวดที่ 3 ของปีแรก จำนวน 5,077,600 บาท มีหนังสือลงวันที่ 3 ธันวาคม 2547 ขอให้มีการผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระเงิน ค่างวด และการเรียกหลักทรัพย์ค้ำประกันเท่าวงเงินค้างชำระ จนกว่าจะจำหน่ายรังนกได้ แล้วจะนำเงินส่วนที่เหลือมาชำระให้ต่อไป
ด้าน บริษัท โกลเด้นเสตท จำกัด โดย นายเลิศพงษ์ เลิศพีรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ มีหนังสือลงวันที่ 7ธันวาคม 2547 ขอให้ขยายเวลาการชำระเงินบางส่วนที่ยังค้างอยู่จำนวน 29,645,700 บาท ของงวดที่ 3 ในปีแรก โดยให้เหตุผลว่า เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนก จึงทำให้ต่างประเทศไม่กล้ารับซื้อรังนกจากประเทศไทย และผู้บริโภคก็ไม่กล้าซื้อรับประทาน
อีกทั้งปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร ได้เผยแพร่ข่าวแก่สื่อมวลชน เกี่ยวกับปัญหาการชำระอากรรังนกของผู้ได้รับสัมปทาน จนทำให้ข่าวแพร่หลาย เป็นเหตุให้พ่อค้าคนกลาง ฉกฉวยโอกาสกดราคารับซื้อรังนกให้ตกต่ำอย่างมาก และก่อให้เกิดผลกระทบต่อรายได้ และความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ


