xs
xsm
sm
md
lg

กมธ.ปกครองให้อบต.กำหนดจุดให้"ลากูน่า"รื้อใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภูเก็ต -กมธ.ปกครองวุฒิสภา สรุปปัญหาลากูน่ารุกที่สาธารณะหาดเลพัง ให้อบต.เชิงทะเลเปลี่ยนคำสั่งรื้อถอนของโรงแรมใหม่ โดยให้กำหนดจุดให้ชัดเจน หลังจากอบต.เชิงทะเลสั่งให้รื้อถอนห้องพักของลากูน่าฯส่วนที่บุกรุกที่สาธารณะ แต่โรงแรมทำเรื่องอุทธรณ์ผ่านจังหวัดภูเก็ต ว่า ไม่ได้รุกที่หลวง


เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการการปกครอง วุฒิสภา นำโดยนายปรีชา ปิตานนท์ รองประธานคณะกรรมาธิการการปกครอง วุฒิสภา คนที่หนึ่ง พร้อมคณะ เดินทางมาประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจังหวัดภูเก็ต กรณีโรงแรมลากูน่า บีช คลับ ก่อสร้างโรงแรมบุกรุกที่ดินสาธารณะ หาดเลพัง ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ อบต.เชิงทะเลได้มีคำสั่งเลขที่ ภก. 71403/648 ลงวันที่ 15 มิถุนายน 2547 มีคำสั่งให้บริษัท ลากูน่าบีช คลับ รื้อถอนอาคารที่เป็นห้องพักโรงแรม ในที่ดินแปลง น.ส. 3 ก. เลขที่ 1362 และโฉนดที่ดินเลขที่ 1518 อยู่บนเนื้อที่ 4 ตารางเมตร

โดยบริษัทลากูน่า บีช คลับ ได้อุทธรณ์คำสั่งของอบต.เชิงทะเล โดยยืนยันว่า ไม่มีอาคารส่วนหนึ่งส่วนใดรุกล้ำ หรืออยู่ในที่ดินสาธารณะ เพราะบริษัทลากูน่าฯได้ยื่นขออนุญาตก่อสร้างอาคาร เพื่อใช้เป็นห้องพัก ในที่ดินแปลง น.ส. 3 ก. เลขที่ 1362 และโฉนดที่ดินเลขที่ 1518 หมู่ที่ 3 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ตอย่างถูกต้อง

การออกคำสั่งให้บริษัทลากูน่าฯ รื้อถอนอาคาร เนื่องจากอบต.เชิงทะเลได้ขอให้สำนักงานที่ดินส่วนแยกถลาง รังวัดที่ดินสาธารณะหาดเลพัง แปลงหนังสือสำคัญ สำหรับที่หลวงเลขที่ ภก. 0015 ผลการตรวจสอบตามหนังสือที่ ภก. 00019.0001/3697 ลงวันที่ 8 มิถุนายน 2547 พร้อมจัดทำหลักเขตที่ดินสาธารณะ

ทั้งนี้ พบว่า บริษัทลากูน่าฯได้ก่อสร้างอาคารซึ่งได้รับอนุญาตเลขที่ 80/2543 ผิดไปจากแผนผังบริเวณแบบแปลนและรายการประกอบแบบแปลน ที่ได้รับอนุญาต และการกระทำดังกล่าวไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ถูกต้อง เนื่องจากที่ดิน น.ส. 3 ก. เลขที่ 1362 ตั้งติดกับที่ดินสาธารณะมีการรุกล้ำนอกเขตที่ดินตามใบอนุญาต จึงได้สั่งให้ทางลากูน่าฯรื้ออาคารดังกล่าว และลากูน่าฯจึงได้ยื่นอุทธรณ์มายังจังหวัดภูก็ต

คณะกรรมการอุทธรณ์จังหวัดภูเก็ต ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ถึง 2 ครั้ง พร้อมทั้งให้ทางอบต.เชิงทะเลตรวจสอบแนวเขตให้ชัดเจนอีกครั้ง และทำแผนที่ข้อพิพาท รวมทั้งขนาดของพื้นที่ที่บุกรุก แต่อบต.เชิงทะเล ไม่สามารถที่จะจัดส่งเอกสารตามที่คณะกรรมการอุทธรณ์ร้องขอได้ คณะกรรมกาฯจึงได้เชิญเจ้าพนักงานส่วนแยกถลาง มาร่วมชี้แจงที่ดินสาธารณประโยชน์

ที่ดินส่วนแยกถลางได้ขอยืนยันในเอกสารรูปแผนที่ และได้นำชี้ตำแหน่งหลักเขต ตามสำเนาหนังสือเลขที่ ภก.0019.0001/3697 ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2547 ส่วนอาคารรุกล้ำหรือไม่นั้น ไม่ได้แจ้งตอบ เนื่องจากทั้งสองฝ่าย ยังไม่ได้ตรวจสอบแนวเขตที่ดินซึ่งกันและกัน ทำให้ข้อพิพาทของส่วนอาคารที่รุกล้ำหรือไม่รุกล้ำที่ดินลากูน่า ที่ดินสาธารณะไม่มีความชัดเจน

ทำให้คำสั่งของอบต.เชิงทะเลไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว เนื่องจากอบต.เชิงทะเลไม่ได้กำหนดจุดที่จะให้ทางบริษัทลากูน่าฯรื้อถอนอาคาร

ในการประชุมร่วม ของคณะกรรมาธิการการปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในภูเก็ต ได้ข้อสรุป ว่าให้อบต.เชิงทะเล ทำคำสั่งให้บริษัทลากูน่าฯรื้อถอนอาคารใหม่ โดยยกเลิกคำสั่งเดิมและในคำสั่งใหม่ให้อบต.กำหนดพื้นที่ ที่จะให้ทางลากูน่าฯรื้อถอนให้ชัดเจน และกำหนดระยะเวลาในการดำเนินการให้คณะกรรมาธิการฯรับทราบด้วย

อย่างไรก็ตาม ปัญหาโรงแรมลากูน่า บีช คลับ ก่อสร้างอาคารรุกล้ำที่ดินสาธารณะ เป็นคดีที่ยืดเยื้อกันมาตั้งแต่ปี 2536 โดยทางจังหวัดภูเก็ตได้แจ้งความดำเนินคดีกับบริษัทลากูน่า บีช คลับ และชาวบ้านอีก 26 รายที่บุกรุกเข้าไปก่อสร้างอาคารที่ที่ดินสาธารณะหาดเลพัง จนทางอัยการจังหวัดภูเก็ตสั่งฟ้องชาวบ้านทั้ง 26 ราย แต่ไม่สั่งฟ้องบริษัทลากูน่าฯเพียงรายเดียว จังหวัดภูเก็ตได้แย้งคำสั่งของอัยการและส่งเรื่องให้ทางอัยการสูงสุดตีความ ซึ่งทางอัยการสูงสุดได้มีคำสั่งให้อัยการจังหวัดภูเก็ตสั่งฟ้องบริษัทลากูน่า บีช คลับ เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2547
กำลังโหลดความคิดเห็น