ศูนย์ข่าวภูมิภาค - ผู้ว่าฯรฟท.ลงใต้เรียกประชุมด่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอเสริมกำลังทหาร ตำรวจ เพิ่มแผนมาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับพนักงาน-ผู้โดยสาร พร้อมเร่งติดตั้งกระจกกันกระสุนหัวจักรทุกขบวน หลังคนร้ายลอบวางระเบิดรางรถไฟ 3 จุดรวดใน 3 จังหวัดใต้ สงขลา ยะลา และปัตตานีก่อนสั่งปิดรถทุกขบวนวิ่งตามปกติวันนี้ นายกฯ-มท.1 ปฏิเสธข่าวย้ายผู้ว่าฯปัตตานี สั่ง ผบ.ตร.ทำรายงานเป็นลายลักษณ์อักษร หากสาเหตุของความล่าช้าเกิดจากมหาดไทย ขณะที่สื่อมาเลย์แฉมีการนำเงินจำนวนหนึ่งจากองค์กรการกุศลของมาเลเซียไปจ่ายให้แก่พูโล โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะแบ่งแยกดินแดนทางตอนใต้สุดของไทย
เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเช้าวานนี้ (9 ธ.ค.) เวลาไล่เลี่ยกันได้เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดแสวงเครื่องบริเวณเส้นทางรางรถไฟในพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี อ.รามัน จ.ยะลา และ อ.จะนะ จ.สงขลา
***บึ้มรางรถไฟ3จังหวัดภาคใต้
โดยเมื่อเวลา 06.20น.ร.ต.ต.มนรัตน์ ศิลารักษ์ ร้อยเวร สภ.อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานีได้รับแจ้งเหตุระเบิดเส้นทางรถไฟสายโคกโพธิ์-นาประดู่ ที่บริเวณหมู่ 2 ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จากการไปตรวจสอบที่เกิดเหตุที่บริเวณเส้นทางระหว่างหมู่ 2-7 ต.นาประดู่ อยู่ห่างจากสถานีนาประดู่ประมาณ 1 กิโลเมตร พบรถบำรุงทางหนักของการรถไฟฯ ได้รับความเสียหายเล็กน้อย ส่วนพนักงานไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบเป็นระเบิดแสวงเครื่อง โดยใช้ท่อพีวีซีขนาด 4 คูณ 8 เมตรข้างในบรรจุปุ๋ยยูเรีย และน้ำมันเบนซิน น้ำหนัก 3 กิโลกรัมวางไว้ข้างรางรถไฟและผูกกับสายไฟลากยาวประมาณ 60 เมตร เป็นชนวนผูกกับแบตเตอรี่ วางไว้ในสวนกล้วย
ขณะที่พนักงานตรวจรางรถไฟ 3 คน พร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชุดเฉพาะกิจของตำรวจภูธรภาค 9 จำนวน 7 คน นำโดย ร.ต.อ.ทศพล กองชิน กำลังเดินทางโดยรถบำรุงทางหนักเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยตามเส้นทางดังกล่าวก่อนที่รถไฟจะเคลื่อนขบวนเข้าสู่สถานี เมื่อถึงที่เกิดเหตุได้เกิดระเบิดดังขึ้น แต่โชคดีระเบิดทำงานเพียงครึ่งเดียว ทำให้รถตรวจรางรถไฟเสียหายเล็กน้อย ส่วนเจ้าหน้าที่ปลอดภัย
ต่อมาเวลา 06.30 น.ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) 5-6 นาย ใช้รถตรวจเส้นทางรถไฟออกปฏิบัติหน้าที่ตรวจเส้นทางรถไฟ จากสถานีรถไฟยะลา ถึงสถานีรถไฟรามัน ระหว่างรถวิ่งมาถึงระหว่างสถานีรถไฟไม้แก่นกับสถานีรถไฟรามัน บริเวณหมู่ 3 ต.กอตอตือระ รอยต่อหมู่ 5 ต.กายูบอเกาะ อ.รามัน จ.ยะลา ห่างจากสถานีรถไฟย่อยบ้านสโลปาแต ประมาณ 1 กิโลเมตร และสถานีรถไฟรามัน ประมาณ 3 กิโลเมตร เกิดระเบิดขึ้นดังสนั่น แต่โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
***พบล้วนเป็นระเบิดแสวงเครื่อง
หลังเกิดเหตุ ร.ต.ท.ยงยุทธ วรสาร ร้อยเวร สภ.อ.รามัน พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปริญญา ขวัญยืน ผบก.ยะลา พ.ต.อ.กิตติสัณห์ เดชสุนทรวัฒน์ รอง ผบก.ยะลา และเจ้าหน้าที่จากกองวิทยาการเขต 12 ยะลา ไปที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบที่บริเวณรางรถไฟ พบหลุมที่คาดว่าคนร้ายขุดเพื่อฝังระเบิด นอกจากนี้ยังพบท่อพีวีซี สีฟ้าขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 นิ้ว สายไฟสีขาว และยังพบแบตเตอรี่ 1 ก้อนอยู่ข้างรางรถไฟ รวมทั้งเศษปุ๋ยยูเรียอยู่ภายในท่อพีวีซีที่อัดเป็นระเบิดแสวงเครื่อง ซึ่งคนร้ายนำมาฝังไว้ใต้รางรถไฟ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากนั้นเวลา 06.15 น. พ.ต.อ.ชนินทร์ ศิริทัศนกุล ผกก.สภ.อ.จะนะ จ.สงขลา ได้รับแจ้งเหตุรถตรวจทางรถไฟถูกลอบวางระเบิดเสียหายที่บริเวณหมู่ 1 ต.บ้านนา อ.จะนะ หลักกิโลเมตรที่ 962/11-12 ระหว่างสถานีรถไฟจะนะ - สถานีรถไฟควนมีด สอบสวนทราบว่าขณะที่รถตรวจทางดังกล่าวปฏิบัติหน้าที่มาตามเส้นทางรถไฟสายหาดใหญ่-เทพา ถึงที่เกิดเหตุได้เหยียบชนวนระเบิดแสวงเครื่องห่างจากจุดวางระเบิด 1 เมตร เกิดระเบิดเสียงดังสนั่น มีหลุมระเบิดกว้างประมาณ 50 เซนติเมตร ลึก 38 เซนติเมตร รัศมีกระจาย 2 เมตร แต่ไม่มีผู้ใดได้รับอันตราย ซึ่งบนรถตรวจทางรถไฟดังกล่าว มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ 6 นาย เจ้าหน้าที่รถไฟ 3 นาย
***สหภาพฯเรียกร้องเพิ่มรปภ.
ต่อมาเวลา 09.00 น.สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย สาขาหาดใหญ่ จำนวน 30 คน ได้ประชุมร่วมกันวางมาตรการดำเนินการ และได้ร่วมกันออกแถลงการณ์ในนามสหภาพฯ ขอให้มีมาตรการเพื่อความปลอดภัยแก่ขบวนรถในทางสายใต้โดยเร่งด่วน เนื่องจากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นกับพนักงานรถไฟบ่อยครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.มีเหตุการณ์ลอบยิงขบวนรถไฟจนเกือบถูกพนักงานขับรถไฟ และเช้าวานนี้เกิดเหตุลอบวางระเบิดถึง 3 จุด ไล่เลี่ยกัน คือ หน่วยตรวจทางรถไฟ (ฉก.1) อ.จะนะ จ.สงขลา ยะลา และปัตตานี จึงจำเป็นต้องหยุดการเดินรถชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและพนักงานรถไฟ
นายสุพิเชษฐ สุวรรณชาตรี ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย สาขาหาดใหญ่ เปิดเผยว่า แม้หน่วยราชการจะมีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยให้กับพนักงานในระดับหนึ่ง ซึ่งก็รู้สึกพอใจ แต่เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นติดต่อกัน ทำให้เสียขวัญไม่มีความมั่นใจในความปลอดภัย จึงอยากให้หน่วยราชการรับรองความปลอดภัยให้กับพนักงานก่อนจะเปิดเดินรถตามปกติ
***ผู้ว่าฯรฟท.ลงใต้ประชุมเครียด
เวลา 16.30 น.นายจิตสันติ ธนะโสภณ ผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ โกศัยสุข ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย เดินทางลงมาประชุมร่วมกับตัวแทนสหภาพฯ หาดใหญ่ พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง อาทิ พล.ต.ต.ธานี ทวิชศรี รองผบช.ภ.9 และ พล.ต.สมศักดิ์ กิจพ่อค้า เสนาธิการกองทัพภาค 4 ส่วนหน้ายะลา ที่ห้องประชุม 311 ชั้น 3 สถานีรถไฟหาดใหญ่ โดยใช้เวลาประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้มีการเพิ่มแผนมาตรการรักษาความปลอดภัยตามเส้นทางรถไฟ รวมทั้งการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่การรถไฟ และประชาชนที่โดยสารรถไฟอย่างเข้มงวด ทำให้ทางสหภาพฯการรถไฟ หาดใหญ่ มีความพอใจ โดยจะเปิดเส้นทางรถไฟในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในวันนี้ (10 ธ.ค.)
***ได้ข้อสรุปเปิดวิ่งตามปกติวันนี้
พล.ต.ต.ธานี เปิดเผยหลังประชุมว่า ได้เพิ่มแผนการรักษาความปลอดภัยเส้นทางรถไฟ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากเป็นแผนความมั่นคง หวั่นว่าจะเป็นการบอกแผนไปถึงโจร โดยผ่านสื่อไปด้วย ซึ่งผลหารือ พนักงานรถไฟก็ยินดีที่จะยกเลิกการหยุดบริการรถไฟใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และจะเปิดตามปกติในวันนี้ (10 ธ.ค.) นอกจากนั้น ยังได้ขอความช่วยเหลือจากประชาชน รวมทั้งสื่อมวลชนในการแจ้งเบาะแสหรือข่าวสารของคนร้าย โดยจะมีค่าตอบแทนให้ด้วย พร้อมทั้งยังได้กล่าวท้ากลุ่มโจรว่า "การใช้อาวุธปืนยิงขบวนรถไฟหรือเจ้าหน้าที่รถไฟ เป็นการยิงคนไม่มีทางต่อสู้ ให้มายิงกับตนเองจะดีกว่า"
นายจิตสันติ ผู้ว่าการรถไฟ กล่าวว่า นอกจากจะเพิ่มความเข้มในการดูแลรักษาความปลอดภัย ในพื้นที่เสี่ยง หรือสถานีล่อแหลมแล้วจะมีการปรับปรุงภูมิทัศน์ตลอดสองข้างทองในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อมิให้เป็นป่ารกทึบเหมาะแก่การที่คนร้ายจะลอบเข้ามาก่อเหตุได้โดยง่ายด้วย นอกจากนี้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทาง รฟท.จะประสานขอเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเข้ามาดูแลมากขึ้น รวมทั้งเร่งรัดเรื่องการติดตั้งกระจกกันกระสุนของหัวรถจักรรถไฟที่จะต้องเดินทางลงสู่ภาคใต้ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการติดตั้งบางส่วนได้ก่อนปีใหม่ที่จะถึงนี้
"ที่ผ่านมา ทาง รฟท.ได้ให้ความสำคัญและเอาใจใส่กับพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอด เช่น การจัดหาเสื้อเกราะกันกระสุนให้กับเจ้าหน้าที่ รวมทั้งอยู่ระหว่างดำเนินการติดตั้งกระจกกันกระสุนขบวนรถไฟที่จะต้องลงใต้ ซึ่งมีทั้งสิ้นประมาณ 6-10 ขบวน ราคาค่าติดตั้งขบวนละประมาณ 5-6 แสนบาท"นายจิตสันติ กล่าว
***นายกฯปฏิเสธย้ายผู้ว่าปัตตานี
ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข่าวการย้ายนายเชิดพันธ์ ณ สงขลา ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีว่า เป็นเรื่องของข้าราชการที่ต้องไปหาคำตอบสาเหตุการเสียชีวิตของรองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ซึ่งทุกอย่างต้องมีคำตอบ ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด อย่าไปเข้าใจผิด ความจริงตนต้องการคำตอบที่ถูกต้องทางวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่หาคำตอบไม่ได้ ไม่เข้าท่า
"เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชา ถ้าเห็นว่าสอบแล้วได้คำตอบที่ถูกต้อง ก็เอา ถ้าคำตอบที่ไม่ถูกต้อง ก็ไม่ได้ ผมไม่ต้องการกลั่นแกล้งใคร และไม่ต้องการปกป้องใคร ขอให้ตรงไปตรงมาเท่านั้น ที่บริหารมาทั้งหมด ผมต้องการสิ่งที่ถูกต้อง ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด ไม่ต้องการกลั่นแกล้ง หรือช่วยเหลือใคร ตรงไปตรงมาดีที่สุด" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
***มท.1จี้ผู้ว่าฯสรุปเหตุการณ์ส่ง
ด้านนายโภคิน พลกุล รมว.มหาดไทย กล่าวว่า การหาสาเหตุที่รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีถูกยิง เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน เมื่อมีการดำเนินการล่าช้าก็เป็นหน้าที่ของ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.ที่จะต้องติดตามและถ้าเกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทยก็ขอให้ พล.ต.อ.โกวิท ทำรายงานเป็นหนังสือมาจะดำเนินการให้
ส่วนที่มีข่าวว่าจะย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีมาช่วยราชการที่กระทรวงมหาดไทย เนื่องจากทำงานล่าช้านั้น นายโภคิน ปฏิเสธว่า ไม่ได้ไม่มีการสั่งย้าย แต่ตนได้สั่งการให้ผู้ว่าฯทำหนังสือรายงานสรุปเหตุการณ์ขั้นตอนต่างๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นอย่างไร มีความคืบหน้าแค่ไหน เมื่อตำรวจเรียกตัว อส.ได้ไปมอบตัวหรือไม่ โดยจะให้ชี้แจงกลับมาทั้ง 2 ฝ่าย และว่าผู้ว่าฯปัตตานี ทำหน้าที่ได้ดีพอสมควร แต่เรื่องนี้เป็นประเด็นย่อยพิเศษออก ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคงไม่ใช่เกิดจากความไม่เป็นเอกภาพระหว่างตำรวจและฝ่ายปกครอง
***เผยได้ข้อสรุปกระสุนปืนแล้ว
ขณะที่นายเชิดพันธุ์ ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องความขัดแย้งในการทำงานระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองกับตำรวจ แต่ได้กล่าวถึงคืบหน้าในคดีปืนลั่นใส่รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีว่า "อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลไม่ว่าจะเป็นพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อที่จะสามารถระบุได้ว่าสาเหตุการเสียชีวิตของรองผู้ว่าฯเกิดจากสาเหตุใดแน่ ระหว่างปืนลั่นกับถูกลอบยิง คาดว่าคงไม่เกิน 3 วันจะสามารถระบุได้"
พล.ต.ท.วงกต มณีรินทร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า ขณะนี้ค่อนข้างจะได้ผลสรุปที่ชัดเจนแล้ว โดยเฉพาะกระสุนปืนที่ลั่นใส่รองผู้ว่าฯ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยขณะนี้ได้ เพราะจะต้องมีการตรวจสอบพยานบุคคลเพิ่มเติม โดยทุกฝ่ายได้ร่วมกันทำงานอย่างดีและเชื่อว่าจะสรุปสำนวนทั้งหมดได้ในเร็ว ๆ นี้
ด้าน พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.ให้เหตุผลถึงคำสั่งย้าย พล.ต.ต.ธนเจริญ สุวรรณโณ ผบก.ปัตตานี ไปช่วยราชการที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 แล้วให้ พล.ต.ต.ไพฑูรย์ พัฒนโสภณ ผบก.สตูลมาปฏิบัติหน้าที่แทนว่า เพราะเห็นว่า การสอบสวนคดีของรองผู้ว่าฯเป็นไปด้วยความล่าช้า อีกทั้งยังเห็นว่า พล.ต.ต.ธนเจริญ ปฏิบัติหน้าที่ไม่เต็มที่จึงให้ไปช่วยราชการที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9
***สื่อมาเลย์แฉเงินกุศลหนุนพูโล
ขณะที่หนังสือพิมพ์ในมาเลเซียหลายฉบับรายงานวานนี้ว่า ดาโต๊ะ อันนูอาร์ มูซา สมาชิกสภารัฐกลันตัน ได้ขึ้นพูดในสภาของรัฐติดชายแดนไทยแห่งนี้เมื่อวันพุธ (8) กล่าวหาว่ามีการนำเงินจำนวนหนึ่งขององค์กรการกุศลของมาเลเซียไปจ่ายให้แก่องค์การพูโล ซึ่งมีจุดมุ่งหมายที่จะแบ่งแยกดินแดนทางตอนใต้สุดของไทย
อันนูอาร์ เป็นผู้นำสำคัญในรัฐกลันตันของพรรคสหมาเลย์แห่งชาติ (อัมโน) อันเป็นแกนนำรัฐบาลกลางของมาเลเซีย ขณะที่รัฐแห่งนี้เป็นรัฐเดียวในแดนเสือเหลืองซึ่งบริหารโดยพรรคพาส อันเป็นพรรคฝ่ายค้านที่มีแนวทางแบบอิสลามเคร่งจารีต
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์นิวสเตรทส์ไทมส์ สมาชิกสภารัฐกลันตันคนสำคัญผู้นี้ แถลงระหว่างการอภิปรายเรื่องงบประมาณของรัฐว่า องค์การพูโลซึ่งเป็นองค์การนอกกฎหมาย ได้รับเงิน 10% ของจำนวน 1.2 ล้านริงกิต (1 ริงกิตเท่ากับประมาณ 10 บาท) ซึ่งสาขารัฐกลันตันขององค์การสงเคราะห์อิสลามมาเลเซีย (Malaysian Islamic Welfare Organisation หรือมีชื่อย่อว่า เปอร์กิม) ได้รับมาเพื่อเป็นค่าขายสัมปทานทำไม้รายหนึ่ง
อันนูอาร์ ให้รายละเอียดว่า เปอร์กิมได้ขายสัมปทานดังกล่าวเป็นเงิน 2.4 ล้านริงกิต โดย 50% ของจำนวนนี้ไหลเข้าสู่เปอร์กิม และเงินก้อนนี้ปรากฏว่าเวลานี้หายไป จากการตรวจสอบติดตามของเขาได้พบว่า เงิน 1.2 ล้านริงกิตซึ่งหายไปนี้ มี 10% ไหลไปยังบางบริษัทในตะวันออกกลาง และอีก 10% ไหลไปยังหัวหน้าฝ่ายธุรการที่กลันตัน แล้วที่น่าประหลาดใจคือ 10% ไหลไปยังขบวนการพูโล ดังนั้น รัฐบาลรัฐกลันตันควรที่จะเร่งสอบสวนเรื่องนี้อย่างละเอียด
เวลาต่อมา อันนูอาร์ บอกกับนิวสเตรทส์ไทมส์ว่า เขาได้ทราบเรื่องนี้จากแหล่งข่าวรายหนึ่งซึ่งอ้างว่าเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมรายนี้ด้วย และเหตุผลที่ต้องจ่าย 10% ให้แก่กลุ่มพูโล เนื่องจากสัมปทานรายดังกล่าวเป็นการทำไม้ที่บริเวณชายแดนติดต่อกับไทย นอกจากนั้น แหล่งข่าวรายนี้ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังสำนักงานปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นของรัฐเมื่อไม่กี่วันก่อนแล้ว
ทางด้าน ฮุซัม มูซา ประธานคณะกรรมการพัฒนาสังคมและวางแผนการเงินของรัฐกลันตัน บอกว่า เงิน 1.2 ล้านริงกิตที่อันนูอาร์กล่าวหาว่าหายไปนั้น ที่จริงอยู่ในกองทุนกองหนึ่งซึ่งมอบให้สำนักงานกฎหมายแห่งหนึ่งเป็นผู้ดูแลเมื่อปี 2000
ในปีเดียวกัน เปอร์กิมมีจดหมายถึงสำนักงานกฎหมายดังกล่าว แจ้งให้ทราบว่าจะมายุ่งเกี่ยวกับกองทุนนี้ไม่ได้ หากเปอร์กิมไม่มีคำสั่ง อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเปอร์กิมกลับพบว่า เงินก้อนนี้ถูกนำเอาไปแล้วโดยไม่ได้รับอนุญาต และทางเปอร์กิมได้แจ้งความตำรวจแล้วตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายนปีนี้
เปอร์กิมเป็นองค์การที่มีกิจกรรมการกุศลสงเคราะห์คนยากจนและเด็กกำพร้า ภายหลังข่าวนี้แพร่ออกไป นูร์ มุฮัมหมัด บัคเกอร์ รองประธานขององค์การได้ให้สัมภาษณ์ว่า ตกใจมากเมื่อเห็นข่าวนี้ และจะขอให้สาขาในกลันตันอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะสำนักงานใหญ่ยังไม่ทราบเรื่องอะไรเลย
เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเช้าวานนี้ (9 ธ.ค.) เวลาไล่เลี่ยกันได้เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดแสวงเครื่องบริเวณเส้นทางรางรถไฟในพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี อ.รามัน จ.ยะลา และ อ.จะนะ จ.สงขลา
***บึ้มรางรถไฟ3จังหวัดภาคใต้
โดยเมื่อเวลา 06.20น.ร.ต.ต.มนรัตน์ ศิลารักษ์ ร้อยเวร สภ.อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานีได้รับแจ้งเหตุระเบิดเส้นทางรถไฟสายโคกโพธิ์-นาประดู่ ที่บริเวณหมู่ 2 ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จากการไปตรวจสอบที่เกิดเหตุที่บริเวณเส้นทางระหว่างหมู่ 2-7 ต.นาประดู่ อยู่ห่างจากสถานีนาประดู่ประมาณ 1 กิโลเมตร พบรถบำรุงทางหนักของการรถไฟฯ ได้รับความเสียหายเล็กน้อย ส่วนพนักงานไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบเป็นระเบิดแสวงเครื่อง โดยใช้ท่อพีวีซีขนาด 4 คูณ 8 เมตรข้างในบรรจุปุ๋ยยูเรีย และน้ำมันเบนซิน น้ำหนัก 3 กิโลกรัมวางไว้ข้างรางรถไฟและผูกกับสายไฟลากยาวประมาณ 60 เมตร เป็นชนวนผูกกับแบตเตอรี่ วางไว้ในสวนกล้วย
ขณะที่พนักงานตรวจรางรถไฟ 3 คน พร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชุดเฉพาะกิจของตำรวจภูธรภาค 9 จำนวน 7 คน นำโดย ร.ต.อ.ทศพล กองชิน กำลังเดินทางโดยรถบำรุงทางหนักเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยตามเส้นทางดังกล่าวก่อนที่รถไฟจะเคลื่อนขบวนเข้าสู่สถานี เมื่อถึงที่เกิดเหตุได้เกิดระเบิดดังขึ้น แต่โชคดีระเบิดทำงานเพียงครึ่งเดียว ทำให้รถตรวจรางรถไฟเสียหายเล็กน้อย ส่วนเจ้าหน้าที่ปลอดภัย
ต่อมาเวลา 06.30 น.ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) 5-6 นาย ใช้รถตรวจเส้นทางรถไฟออกปฏิบัติหน้าที่ตรวจเส้นทางรถไฟ จากสถานีรถไฟยะลา ถึงสถานีรถไฟรามัน ระหว่างรถวิ่งมาถึงระหว่างสถานีรถไฟไม้แก่นกับสถานีรถไฟรามัน บริเวณหมู่ 3 ต.กอตอตือระ รอยต่อหมู่ 5 ต.กายูบอเกาะ อ.รามัน จ.ยะลา ห่างจากสถานีรถไฟย่อยบ้านสโลปาแต ประมาณ 1 กิโลเมตร และสถานีรถไฟรามัน ประมาณ 3 กิโลเมตร เกิดระเบิดขึ้นดังสนั่น แต่โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
***พบล้วนเป็นระเบิดแสวงเครื่อง
หลังเกิดเหตุ ร.ต.ท.ยงยุทธ วรสาร ร้อยเวร สภ.อ.รามัน พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปริญญา ขวัญยืน ผบก.ยะลา พ.ต.อ.กิตติสัณห์ เดชสุนทรวัฒน์ รอง ผบก.ยะลา และเจ้าหน้าที่จากกองวิทยาการเขต 12 ยะลา ไปที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบที่บริเวณรางรถไฟ พบหลุมที่คาดว่าคนร้ายขุดเพื่อฝังระเบิด นอกจากนี้ยังพบท่อพีวีซี สีฟ้าขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 นิ้ว สายไฟสีขาว และยังพบแบตเตอรี่ 1 ก้อนอยู่ข้างรางรถไฟ รวมทั้งเศษปุ๋ยยูเรียอยู่ภายในท่อพีวีซีที่อัดเป็นระเบิดแสวงเครื่อง ซึ่งคนร้ายนำมาฝังไว้ใต้รางรถไฟ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากนั้นเวลา 06.15 น. พ.ต.อ.ชนินทร์ ศิริทัศนกุล ผกก.สภ.อ.จะนะ จ.สงขลา ได้รับแจ้งเหตุรถตรวจทางรถไฟถูกลอบวางระเบิดเสียหายที่บริเวณหมู่ 1 ต.บ้านนา อ.จะนะ หลักกิโลเมตรที่ 962/11-12 ระหว่างสถานีรถไฟจะนะ - สถานีรถไฟควนมีด สอบสวนทราบว่าขณะที่รถตรวจทางดังกล่าวปฏิบัติหน้าที่มาตามเส้นทางรถไฟสายหาดใหญ่-เทพา ถึงที่เกิดเหตุได้เหยียบชนวนระเบิดแสวงเครื่องห่างจากจุดวางระเบิด 1 เมตร เกิดระเบิดเสียงดังสนั่น มีหลุมระเบิดกว้างประมาณ 50 เซนติเมตร ลึก 38 เซนติเมตร รัศมีกระจาย 2 เมตร แต่ไม่มีผู้ใดได้รับอันตราย ซึ่งบนรถตรวจทางรถไฟดังกล่าว มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ 6 นาย เจ้าหน้าที่รถไฟ 3 นาย
***สหภาพฯเรียกร้องเพิ่มรปภ.
ต่อมาเวลา 09.00 น.สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย สาขาหาดใหญ่ จำนวน 30 คน ได้ประชุมร่วมกันวางมาตรการดำเนินการ และได้ร่วมกันออกแถลงการณ์ในนามสหภาพฯ ขอให้มีมาตรการเพื่อความปลอดภัยแก่ขบวนรถในทางสายใต้โดยเร่งด่วน เนื่องจากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นกับพนักงานรถไฟบ่อยครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.มีเหตุการณ์ลอบยิงขบวนรถไฟจนเกือบถูกพนักงานขับรถไฟ และเช้าวานนี้เกิดเหตุลอบวางระเบิดถึง 3 จุด ไล่เลี่ยกัน คือ หน่วยตรวจทางรถไฟ (ฉก.1) อ.จะนะ จ.สงขลา ยะลา และปัตตานี จึงจำเป็นต้องหยุดการเดินรถชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและพนักงานรถไฟ
นายสุพิเชษฐ สุวรรณชาตรี ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย สาขาหาดใหญ่ เปิดเผยว่า แม้หน่วยราชการจะมีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยให้กับพนักงานในระดับหนึ่ง ซึ่งก็รู้สึกพอใจ แต่เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นติดต่อกัน ทำให้เสียขวัญไม่มีความมั่นใจในความปลอดภัย จึงอยากให้หน่วยราชการรับรองความปลอดภัยให้กับพนักงานก่อนจะเปิดเดินรถตามปกติ
***ผู้ว่าฯรฟท.ลงใต้ประชุมเครียด
เวลา 16.30 น.นายจิตสันติ ธนะโสภณ ผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ โกศัยสุข ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย เดินทางลงมาประชุมร่วมกับตัวแทนสหภาพฯ หาดใหญ่ พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง อาทิ พล.ต.ต.ธานี ทวิชศรี รองผบช.ภ.9 และ พล.ต.สมศักดิ์ กิจพ่อค้า เสนาธิการกองทัพภาค 4 ส่วนหน้ายะลา ที่ห้องประชุม 311 ชั้น 3 สถานีรถไฟหาดใหญ่ โดยใช้เวลาประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้มีการเพิ่มแผนมาตรการรักษาความปลอดภัยตามเส้นทางรถไฟ รวมทั้งการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่การรถไฟ และประชาชนที่โดยสารรถไฟอย่างเข้มงวด ทำให้ทางสหภาพฯการรถไฟ หาดใหญ่ มีความพอใจ โดยจะเปิดเส้นทางรถไฟในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในวันนี้ (10 ธ.ค.)
***ได้ข้อสรุปเปิดวิ่งตามปกติวันนี้
พล.ต.ต.ธานี เปิดเผยหลังประชุมว่า ได้เพิ่มแผนการรักษาความปลอดภัยเส้นทางรถไฟ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากเป็นแผนความมั่นคง หวั่นว่าจะเป็นการบอกแผนไปถึงโจร โดยผ่านสื่อไปด้วย ซึ่งผลหารือ พนักงานรถไฟก็ยินดีที่จะยกเลิกการหยุดบริการรถไฟใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และจะเปิดตามปกติในวันนี้ (10 ธ.ค.) นอกจากนั้น ยังได้ขอความช่วยเหลือจากประชาชน รวมทั้งสื่อมวลชนในการแจ้งเบาะแสหรือข่าวสารของคนร้าย โดยจะมีค่าตอบแทนให้ด้วย พร้อมทั้งยังได้กล่าวท้ากลุ่มโจรว่า "การใช้อาวุธปืนยิงขบวนรถไฟหรือเจ้าหน้าที่รถไฟ เป็นการยิงคนไม่มีทางต่อสู้ ให้มายิงกับตนเองจะดีกว่า"
นายจิตสันติ ผู้ว่าการรถไฟ กล่าวว่า นอกจากจะเพิ่มความเข้มในการดูแลรักษาความปลอดภัย ในพื้นที่เสี่ยง หรือสถานีล่อแหลมแล้วจะมีการปรับปรุงภูมิทัศน์ตลอดสองข้างทองในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อมิให้เป็นป่ารกทึบเหมาะแก่การที่คนร้ายจะลอบเข้ามาก่อเหตุได้โดยง่ายด้วย นอกจากนี้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทาง รฟท.จะประสานขอเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเข้ามาดูแลมากขึ้น รวมทั้งเร่งรัดเรื่องการติดตั้งกระจกกันกระสุนของหัวรถจักรรถไฟที่จะต้องเดินทางลงสู่ภาคใต้ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการติดตั้งบางส่วนได้ก่อนปีใหม่ที่จะถึงนี้
"ที่ผ่านมา ทาง รฟท.ได้ให้ความสำคัญและเอาใจใส่กับพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอด เช่น การจัดหาเสื้อเกราะกันกระสุนให้กับเจ้าหน้าที่ รวมทั้งอยู่ระหว่างดำเนินการติดตั้งกระจกกันกระสุนขบวนรถไฟที่จะต้องลงใต้ ซึ่งมีทั้งสิ้นประมาณ 6-10 ขบวน ราคาค่าติดตั้งขบวนละประมาณ 5-6 แสนบาท"นายจิตสันติ กล่าว
***นายกฯปฏิเสธย้ายผู้ว่าปัตตานี
ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข่าวการย้ายนายเชิดพันธ์ ณ สงขลา ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีว่า เป็นเรื่องของข้าราชการที่ต้องไปหาคำตอบสาเหตุการเสียชีวิตของรองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ซึ่งทุกอย่างต้องมีคำตอบ ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด อย่าไปเข้าใจผิด ความจริงตนต้องการคำตอบที่ถูกต้องทางวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่หาคำตอบไม่ได้ ไม่เข้าท่า
"เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชา ถ้าเห็นว่าสอบแล้วได้คำตอบที่ถูกต้อง ก็เอา ถ้าคำตอบที่ไม่ถูกต้อง ก็ไม่ได้ ผมไม่ต้องการกลั่นแกล้งใคร และไม่ต้องการปกป้องใคร ขอให้ตรงไปตรงมาเท่านั้น ที่บริหารมาทั้งหมด ผมต้องการสิ่งที่ถูกต้อง ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด ไม่ต้องการกลั่นแกล้ง หรือช่วยเหลือใคร ตรงไปตรงมาดีที่สุด" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
***มท.1จี้ผู้ว่าฯสรุปเหตุการณ์ส่ง
ด้านนายโภคิน พลกุล รมว.มหาดไทย กล่าวว่า การหาสาเหตุที่รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีถูกยิง เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน เมื่อมีการดำเนินการล่าช้าก็เป็นหน้าที่ของ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.ที่จะต้องติดตามและถ้าเกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทยก็ขอให้ พล.ต.อ.โกวิท ทำรายงานเป็นหนังสือมาจะดำเนินการให้
ส่วนที่มีข่าวว่าจะย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีมาช่วยราชการที่กระทรวงมหาดไทย เนื่องจากทำงานล่าช้านั้น นายโภคิน ปฏิเสธว่า ไม่ได้ไม่มีการสั่งย้าย แต่ตนได้สั่งการให้ผู้ว่าฯทำหนังสือรายงานสรุปเหตุการณ์ขั้นตอนต่างๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นอย่างไร มีความคืบหน้าแค่ไหน เมื่อตำรวจเรียกตัว อส.ได้ไปมอบตัวหรือไม่ โดยจะให้ชี้แจงกลับมาทั้ง 2 ฝ่าย และว่าผู้ว่าฯปัตตานี ทำหน้าที่ได้ดีพอสมควร แต่เรื่องนี้เป็นประเด็นย่อยพิเศษออก ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคงไม่ใช่เกิดจากความไม่เป็นเอกภาพระหว่างตำรวจและฝ่ายปกครอง
***เผยได้ข้อสรุปกระสุนปืนแล้ว
ขณะที่นายเชิดพันธุ์ ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องความขัดแย้งในการทำงานระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองกับตำรวจ แต่ได้กล่าวถึงคืบหน้าในคดีปืนลั่นใส่รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีว่า "อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลไม่ว่าจะเป็นพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อที่จะสามารถระบุได้ว่าสาเหตุการเสียชีวิตของรองผู้ว่าฯเกิดจากสาเหตุใดแน่ ระหว่างปืนลั่นกับถูกลอบยิง คาดว่าคงไม่เกิน 3 วันจะสามารถระบุได้"
พล.ต.ท.วงกต มณีรินทร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า ขณะนี้ค่อนข้างจะได้ผลสรุปที่ชัดเจนแล้ว โดยเฉพาะกระสุนปืนที่ลั่นใส่รองผู้ว่าฯ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยขณะนี้ได้ เพราะจะต้องมีการตรวจสอบพยานบุคคลเพิ่มเติม โดยทุกฝ่ายได้ร่วมกันทำงานอย่างดีและเชื่อว่าจะสรุปสำนวนทั้งหมดได้ในเร็ว ๆ นี้
ด้าน พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.ให้เหตุผลถึงคำสั่งย้าย พล.ต.ต.ธนเจริญ สุวรรณโณ ผบก.ปัตตานี ไปช่วยราชการที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 แล้วให้ พล.ต.ต.ไพฑูรย์ พัฒนโสภณ ผบก.สตูลมาปฏิบัติหน้าที่แทนว่า เพราะเห็นว่า การสอบสวนคดีของรองผู้ว่าฯเป็นไปด้วยความล่าช้า อีกทั้งยังเห็นว่า พล.ต.ต.ธนเจริญ ปฏิบัติหน้าที่ไม่เต็มที่จึงให้ไปช่วยราชการที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9
***สื่อมาเลย์แฉเงินกุศลหนุนพูโล
ขณะที่หนังสือพิมพ์ในมาเลเซียหลายฉบับรายงานวานนี้ว่า ดาโต๊ะ อันนูอาร์ มูซา สมาชิกสภารัฐกลันตัน ได้ขึ้นพูดในสภาของรัฐติดชายแดนไทยแห่งนี้เมื่อวันพุธ (8) กล่าวหาว่ามีการนำเงินจำนวนหนึ่งขององค์กรการกุศลของมาเลเซียไปจ่ายให้แก่องค์การพูโล ซึ่งมีจุดมุ่งหมายที่จะแบ่งแยกดินแดนทางตอนใต้สุดของไทย
อันนูอาร์ เป็นผู้นำสำคัญในรัฐกลันตันของพรรคสหมาเลย์แห่งชาติ (อัมโน) อันเป็นแกนนำรัฐบาลกลางของมาเลเซีย ขณะที่รัฐแห่งนี้เป็นรัฐเดียวในแดนเสือเหลืองซึ่งบริหารโดยพรรคพาส อันเป็นพรรคฝ่ายค้านที่มีแนวทางแบบอิสลามเคร่งจารีต
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์นิวสเตรทส์ไทมส์ สมาชิกสภารัฐกลันตันคนสำคัญผู้นี้ แถลงระหว่างการอภิปรายเรื่องงบประมาณของรัฐว่า องค์การพูโลซึ่งเป็นองค์การนอกกฎหมาย ได้รับเงิน 10% ของจำนวน 1.2 ล้านริงกิต (1 ริงกิตเท่ากับประมาณ 10 บาท) ซึ่งสาขารัฐกลันตันขององค์การสงเคราะห์อิสลามมาเลเซีย (Malaysian Islamic Welfare Organisation หรือมีชื่อย่อว่า เปอร์กิม) ได้รับมาเพื่อเป็นค่าขายสัมปทานทำไม้รายหนึ่ง
อันนูอาร์ ให้รายละเอียดว่า เปอร์กิมได้ขายสัมปทานดังกล่าวเป็นเงิน 2.4 ล้านริงกิต โดย 50% ของจำนวนนี้ไหลเข้าสู่เปอร์กิม และเงินก้อนนี้ปรากฏว่าเวลานี้หายไป จากการตรวจสอบติดตามของเขาได้พบว่า เงิน 1.2 ล้านริงกิตซึ่งหายไปนี้ มี 10% ไหลไปยังบางบริษัทในตะวันออกกลาง และอีก 10% ไหลไปยังหัวหน้าฝ่ายธุรการที่กลันตัน แล้วที่น่าประหลาดใจคือ 10% ไหลไปยังขบวนการพูโล ดังนั้น รัฐบาลรัฐกลันตันควรที่จะเร่งสอบสวนเรื่องนี้อย่างละเอียด
เวลาต่อมา อันนูอาร์ บอกกับนิวสเตรทส์ไทมส์ว่า เขาได้ทราบเรื่องนี้จากแหล่งข่าวรายหนึ่งซึ่งอ้างว่าเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมรายนี้ด้วย และเหตุผลที่ต้องจ่าย 10% ให้แก่กลุ่มพูโล เนื่องจากสัมปทานรายดังกล่าวเป็นการทำไม้ที่บริเวณชายแดนติดต่อกับไทย นอกจากนั้น แหล่งข่าวรายนี้ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังสำนักงานปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นของรัฐเมื่อไม่กี่วันก่อนแล้ว
ทางด้าน ฮุซัม มูซา ประธานคณะกรรมการพัฒนาสังคมและวางแผนการเงินของรัฐกลันตัน บอกว่า เงิน 1.2 ล้านริงกิตที่อันนูอาร์กล่าวหาว่าหายไปนั้น ที่จริงอยู่ในกองทุนกองหนึ่งซึ่งมอบให้สำนักงานกฎหมายแห่งหนึ่งเป็นผู้ดูแลเมื่อปี 2000
ในปีเดียวกัน เปอร์กิมมีจดหมายถึงสำนักงานกฎหมายดังกล่าว แจ้งให้ทราบว่าจะมายุ่งเกี่ยวกับกองทุนนี้ไม่ได้ หากเปอร์กิมไม่มีคำสั่ง อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเปอร์กิมกลับพบว่า เงินก้อนนี้ถูกนำเอาไปแล้วโดยไม่ได้รับอนุญาต และทางเปอร์กิมได้แจ้งความตำรวจแล้วตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายนปีนี้
เปอร์กิมเป็นองค์การที่มีกิจกรรมการกุศลสงเคราะห์คนยากจนและเด็กกำพร้า ภายหลังข่าวนี้แพร่ออกไป นูร์ มุฮัมหมัด บัคเกอร์ รองประธานขององค์การได้ให้สัมภาษณ์ว่า ตกใจมากเมื่อเห็นข่าวนี้ และจะขอให้สาขาในกลันตันอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะสำนักงานใหญ่ยังไม่ทราบเรื่องอะไรเลย