นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวถึงยุทธศาสตร์เศรษฐกิจนอกระบบที่จะยังไม่มีการนำเข้าคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า หลังจากที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มีการศึกษายุทธศาสตร์เศรษฐกิจนอกระบบ ตนได้สั่งการให้มีการศึกษาในเรื่อง เศรษฐกิจนอกระบบที่ถูกกฎหมายก่อนว่าควรจะมีมาตรการหรือนโยบายของรัฐอย่างไร ที่จะให้ดูแลเรื่องสวัสดิการต่าง ๆ ส่วนอาชีพในเศรษฐกิจนอกระบบ ที่ไม่มีกฎหมายรองรับก็จะต้องมีการศึกษากฎหมายที่จะนำมารองรับให้มาอยู่ในระบบ ตามนโยบายของรัฐบาล
เลขาธิการสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า สำหรับ อาชีพที่ผิดกฎหมาย เช่น ธุรกิจการพนันหรือธุรกิจบริการทางเพศ นอกเหนือจาก นโยบายที่รัฐบาลต้องการ ป้องปราม โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดูแลอยู่แล้ว นั้น ตนได้สั่งการให้ไปศึกษาโดยจะต้องให้มีการลองทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นของประชาชนและองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องก่อน เพราะยังมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความอ่อนไหวกับสังคมและวัฒนธรรมไทยอยู่หลายข้อ ซึ่งที่มีการศึกษายังไม่ได้ครอบคลุมและยังไม่มีการประมวลที่ชัดเจนจากผู้เข้าร่วมประชุมต่าง ๆ ด้วย ดังนั้นจึงต้องมีการทำประชาพิจารณ์และเข้ากระบวนการรับฟังความคิดเห็นในมติต่าง ๆ ให้มากขึ้น เพราะหากจะต้องมีการเสนอเป็นแผนยุทธศาสตร์จะต้องมีความชัดเจนในเรื่องข้อมูลต่าง ๆ ของกฎหมายด้วย
“เพราะส่วนใหญ่สภาพัฒน์จะเสนอในเชิงเศรษฐกิจ แต่ในเชิงสังคมหรือ ความอ่อนไหวในวัฒนธรรมหรือภาพลักษณ์ ของประเทศยังไม่เคยมีการนำเสนอเข้ามา ดังนั้นต้องมีความพร้อมในข้อมูลในทุก ๆ ด้านอย่างชัดเจนทั้งในเรื่องความอ่อนไหวทั้งสังคมและวัฒนธรรมและแนวทางข้อกฎหมาย ก่อนที่จะเสนอคณะกรรมการบริหาร สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ทั้งนี้ผมขอยังยืนยันว่า จะยังไม่มีการ นำร่องในเรื่องธุรกิจที่ผิดกฎหมายใด ๆ ก่อนแน่นอน แต่อาจจะมีการนำร่องในส่วนของ อาชีพ ที่ถูกกฎหมายก่อน” เลขาธิการสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าว
นายอำพน ยังกล่าวอีกว่า จากการประชุมสามัญประจำปีเรื่องเศรษฐกิจนอกระบบ และรับฟังความเห็นที่ผ่านมานั้นมีเพียงความเห็นในด้านเศรษฐกิจ แต่เมื่อตนได้ดู รายละเอียดเสร็จ เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.47กลับยังไม่มีความเห็นในเรื่องของความอ่อนไหว ภาพลักษณ์ของประเทศ ด้านวัฒนธรรม และด้านสังคม ที่ชัดเจน หรือมีแล้ว แต่ตนไม่เห็นก็ไม่ทราบต้องไปดูในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
อย่างไรก็ตามตนเห็นด้วยว่า กลุ่มที่มีทำอาชีพและสร้างรายได้ แต่ยังไม่มี เรื่องของมาตรการที่ดูแลในด้านสังคมหรือสวัสดิการ เช่น เกษตรกรก็น่าจะมีสวัสดิการ ด้านการเกษตรด้วย เป็นต้น อย่างไรก็ตามหากมีข้อมูลตรงนี้อยู่แล้ว แต่ยังไม่มีการ รวบร่วมข้อมูลที่ชัดเจนก็ต้องดำเนินการกันให้เกิดความชัดเจน
“ผมได้ดูรายละเอียดแล้ว และข้อมูลยุทธศาสตร์ก็เป็นเพียงเรื่องที่ศึกษาเท่านั้น และเมื่อมีการวางแผนยุทธศาสตร์เสร็จก็จะต้องมีการหารือ แต่เมื่อมีการเห็นชอบ ทางยุทธศาสตร์แล้ว แต่ความเห็นส่วนใหญ่ก็เห็นว่าต้องมีการทำประชาพิจารณ์ก่อนเพื่อให้ทราบว่าประชาชนและผู้เกี่ยวข้องมีความเห็นอย่างไร ทั้งนี้ก็เพื่อให้มีความชัดเจนในภาพลักษณ์ สังคม วัฒนธรรมที่มากกว่านี้” เลขาธิการสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าว
นายอำพน กล่าวว่า การตั้งบ่อนการพนันหรือสถานบริการทางเพศ ถูกกฎหมาย เลขาธิการสภาพัฒน์จะให้ความเห็นคนเดียวไม่ได้ จะต้องเป็นความเห็นจากประชาชน และ จากกลุ่มต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างสภาสตรีแห่งชาติ ซึ่งที่ผ่านมาสภาสตรีแห่งชาติ ก็ไม่เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตามแม้จะเคยมีการนำเรื่องนี้เข้าคณะกรรมการบริหารสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมาแล้ว แต่ก็เป็นเพียงเรื่องเพื่อทราบว่า เป็นการดำเนินการ เพื่อกรณีศึกษาเท่านั้น
เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า ทั้งนี้หากมองในเชิงเศรษฐกิจ ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 การท่องเที่ยวของประเทศไทยมียุทธศาสตร์ที่จะขายภาพลักษณ์และวัฒนธรรมไทย (ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษณ์และวัฒนธรรม) แต่หากนำมาเป็นด้านอื่น ๆ ก็จะต้องมีการต่อต้าน หากจะมีการท่องเที่ยวเชิงคาสิโนหรือการท่องเที่ยวเพื่อบริการเซ็กส์ทัวร์ ขึ้นมาเพราะทุกเรื่องเป็นอบายมุข แต่ภาพลักษณ์ของไทยเพื่อให้เกิดเสถียรภาพ ก็จะต้องสร้างฐาน ที่เป็นทรัพย์สมบัติของไทยเพื่อสร้างรายได้ให้กับประชาชนส่วนใหญ่ เช่น การท่องเที่ยวที่จะต้องหาภาพลักษณ์ให้ได้ เป็นต้น
เลขาธิการสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า สำหรับ อาชีพที่ผิดกฎหมาย เช่น ธุรกิจการพนันหรือธุรกิจบริการทางเพศ นอกเหนือจาก นโยบายที่รัฐบาลต้องการ ป้องปราม โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดูแลอยู่แล้ว นั้น ตนได้สั่งการให้ไปศึกษาโดยจะต้องให้มีการลองทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นของประชาชนและองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องก่อน เพราะยังมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความอ่อนไหวกับสังคมและวัฒนธรรมไทยอยู่หลายข้อ ซึ่งที่มีการศึกษายังไม่ได้ครอบคลุมและยังไม่มีการประมวลที่ชัดเจนจากผู้เข้าร่วมประชุมต่าง ๆ ด้วย ดังนั้นจึงต้องมีการทำประชาพิจารณ์และเข้ากระบวนการรับฟังความคิดเห็นในมติต่าง ๆ ให้มากขึ้น เพราะหากจะต้องมีการเสนอเป็นแผนยุทธศาสตร์จะต้องมีความชัดเจนในเรื่องข้อมูลต่าง ๆ ของกฎหมายด้วย
“เพราะส่วนใหญ่สภาพัฒน์จะเสนอในเชิงเศรษฐกิจ แต่ในเชิงสังคมหรือ ความอ่อนไหวในวัฒนธรรมหรือภาพลักษณ์ ของประเทศยังไม่เคยมีการนำเสนอเข้ามา ดังนั้นต้องมีความพร้อมในข้อมูลในทุก ๆ ด้านอย่างชัดเจนทั้งในเรื่องความอ่อนไหวทั้งสังคมและวัฒนธรรมและแนวทางข้อกฎหมาย ก่อนที่จะเสนอคณะกรรมการบริหาร สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ทั้งนี้ผมขอยังยืนยันว่า จะยังไม่มีการ นำร่องในเรื่องธุรกิจที่ผิดกฎหมายใด ๆ ก่อนแน่นอน แต่อาจจะมีการนำร่องในส่วนของ อาชีพ ที่ถูกกฎหมายก่อน” เลขาธิการสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าว
นายอำพน ยังกล่าวอีกว่า จากการประชุมสามัญประจำปีเรื่องเศรษฐกิจนอกระบบ และรับฟังความเห็นที่ผ่านมานั้นมีเพียงความเห็นในด้านเศรษฐกิจ แต่เมื่อตนได้ดู รายละเอียดเสร็จ เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.47กลับยังไม่มีความเห็นในเรื่องของความอ่อนไหว ภาพลักษณ์ของประเทศ ด้านวัฒนธรรม และด้านสังคม ที่ชัดเจน หรือมีแล้ว แต่ตนไม่เห็นก็ไม่ทราบต้องไปดูในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
อย่างไรก็ตามตนเห็นด้วยว่า กลุ่มที่มีทำอาชีพและสร้างรายได้ แต่ยังไม่มี เรื่องของมาตรการที่ดูแลในด้านสังคมหรือสวัสดิการ เช่น เกษตรกรก็น่าจะมีสวัสดิการ ด้านการเกษตรด้วย เป็นต้น อย่างไรก็ตามหากมีข้อมูลตรงนี้อยู่แล้ว แต่ยังไม่มีการ รวบร่วมข้อมูลที่ชัดเจนก็ต้องดำเนินการกันให้เกิดความชัดเจน
“ผมได้ดูรายละเอียดแล้ว และข้อมูลยุทธศาสตร์ก็เป็นเพียงเรื่องที่ศึกษาเท่านั้น และเมื่อมีการวางแผนยุทธศาสตร์เสร็จก็จะต้องมีการหารือ แต่เมื่อมีการเห็นชอบ ทางยุทธศาสตร์แล้ว แต่ความเห็นส่วนใหญ่ก็เห็นว่าต้องมีการทำประชาพิจารณ์ก่อนเพื่อให้ทราบว่าประชาชนและผู้เกี่ยวข้องมีความเห็นอย่างไร ทั้งนี้ก็เพื่อให้มีความชัดเจนในภาพลักษณ์ สังคม วัฒนธรรมที่มากกว่านี้” เลขาธิการสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าว
นายอำพน กล่าวว่า การตั้งบ่อนการพนันหรือสถานบริการทางเพศ ถูกกฎหมาย เลขาธิการสภาพัฒน์จะให้ความเห็นคนเดียวไม่ได้ จะต้องเป็นความเห็นจากประชาชน และ จากกลุ่มต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างสภาสตรีแห่งชาติ ซึ่งที่ผ่านมาสภาสตรีแห่งชาติ ก็ไม่เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตามแม้จะเคยมีการนำเรื่องนี้เข้าคณะกรรมการบริหารสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมาแล้ว แต่ก็เป็นเพียงเรื่องเพื่อทราบว่า เป็นการดำเนินการ เพื่อกรณีศึกษาเท่านั้น
เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า ทั้งนี้หากมองในเชิงเศรษฐกิจ ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 การท่องเที่ยวของประเทศไทยมียุทธศาสตร์ที่จะขายภาพลักษณ์และวัฒนธรรมไทย (ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษณ์และวัฒนธรรม) แต่หากนำมาเป็นด้านอื่น ๆ ก็จะต้องมีการต่อต้าน หากจะมีการท่องเที่ยวเชิงคาสิโนหรือการท่องเที่ยวเพื่อบริการเซ็กส์ทัวร์ ขึ้นมาเพราะทุกเรื่องเป็นอบายมุข แต่ภาพลักษณ์ของไทยเพื่อให้เกิดเสถียรภาพ ก็จะต้องสร้างฐาน ที่เป็นทรัพย์สมบัติของไทยเพื่อสร้างรายได้ให้กับประชาชนส่วนใหญ่ เช่น การท่องเที่ยวที่จะต้องหาภาพลักษณ์ให้ได้ เป็นต้น