ศูนย์ข่าวศรีราชา -สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา เดินหน้าโครงการสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ (อควาเรียม) คาดปลายปี 48 เปิดให้บริการได้แน่นอน ไม่สนคู่แข่งเกิดขึ้นทั่วเมืองท่องเที่ยว มั่นใจอควาเรียมทำให้สถาบันฯมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยวและขายสัตว์ทะเล
ดร.พิชัย สนแจ้ง ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา จ.ชลบุรี เปิดเผยถึงความคืบหน้า โครงการก่อสร้างอาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ(อควาเรียม)หลังใหม่ ซึ่งจะมีความจุน้ำถึง 5,000 ตัน ซึ่งจะใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และใหญ่กว่าที่ประเทศสิงคโปร์ โดยได้รับการสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี(อบจ.)ประมาณ 200- 300 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ในระหว่างการออกแบบ โดยสถาบันฯ และเจ้าหน้าที่สถาปนิกของอบจ. คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปลายปี 2548 หรืออย่างช้าต้นปี 2549 แน่นอน
สำหรับรายละเอียดของโครงการ จะประกอบด้วย 3 ส่วนคือ 1. อาคารพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ วิทยาศาสตร์ทางทะเล หรือ Marine Natural Science Museum ซึ่งจะใช้เป็นสถานที่ศึกษาหาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเล รวมทั้งสาขาที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างเป็นรูปธรรม กับเป็นการส่งเสริมและพัฒนาเพิ่มมากขึ้น และยังเป็นการส่งเสริมและพัฒนาอย่าง ต่อเนื่องทางด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลของท้องถิ่นและระดับประเทศ
2.อาคารการเรียนรู้การเพาะขยายพันธุ์สัตว์น้ำเค็ม เพื่อเพิ่มจำนวนของสัตว์ทะเล โดยสถาบันฯจะเปิดส่วนนี้ให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ที่สำคัญของเด็ก นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนที่สนใจได้มีโอกาสเยี่ยมชมและศึกษา หาความรู้ ในเชิงการท่องเที่ยว โดยจัดทำเป็นห้องกระจก จากที่ผ่านมาของเดิม เป็นห้องทึบ และไม่ได้เปิดให้เข้าชม
และ 3 โครงการก่อสร้างอาคารโลกใต้ทะเลขนาดใหญ่ โดยจะก่อสร้างเป็นอุโมงค์แก้วขนาดใหญ่ โดยให้ผู้มาเยี่ยมชม ได้เดินชมลอดผ่านเข้าไปในลักษณะอุโมงค์ ซึ่งจะเป็นอีกโครงการหนึ่งที่จะสร้างแรงจูงใจให้กับผู้ที่มาเยี่ยมชม และผลพลอยได้ คือ ท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มขึ้น
ดร.พิชัย กล่าวต่อไปว่า การที่มีอควาเรียมเกิดขึ้นจำนวนมากในขณะนี้ มองว่าจะเป็นช่วงของกระแสความนิยมในช่วงหนึ่งเท่านั้น และหากเจ้าของสถานที่ไม่มีความรู้จริง และไม่มีการวางแผนที่ดีในอนาคต ก็อาจจะต้องกลายเป็นอนุสาวรีย์ก็ได้
ดร.พิชัย กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ปัจจุบันหน่วยงานภาครัฐและเอกชน มีโครงการทำอควาเรียมหลายแห่งในเมืองท่องเที่ยว เชื่อว่า จะไม่ส่งผลกระทบกับการดำเนินงานของสถาบันฯ เนื่องจากสถาบันฯไม่ได้เน้นในเรื่องของธุรกิจ แต่งานหลัก คือ งานวิจัย และที่สำคัญเมื่อสามารถพัฒนาโครงการทั้ง 3 ส่วนเสร็จสมบูรณ์ ในอนาคต สถาบันฯอาจจะเป็นแหล่งขายสัตว์ทะเล ที่เพาะเลี้ยงเอง ให้กับผู้สนใจและอควาเรียมอื่นๆก็เป็นได้ เพราะปัจจุบันมีกฎหมายห้ามจับสัตว์ทะเลบางชนิดเพื่อการธุรกิจ