เคยเขียนเอาใจช่วยเงียบๆ ให้ “น้องแนท –เกศรินทร์” ที่ตกเป็นจำเลยสังคม เป็นผู้ถูกกล่าวหาคดีวีซีดีหนังโป๊ที่เธอแสดง ได้หลุดพ้นจากวงจรฉาวตรงนั้น ออกมาทำมาหากินตามปกติ ถ้าจะเป็นศิลปินก็เป็นศิลปินอาชีพ ไม่ต้องถึงขั้นแสดงหนังเอกซ์......
ก็น่าดีใจที่แม้ขณะนี้วีซีดีหนังเอกซ์ชุดเก่าๆ ของน้องแนทยังแพร่ระบาด แต่ยังไม่ปรากฏว่าน้องแนทไปแสดงหนังเอกซ์ชุดใหม่ ส่วนปฏิบัติการ “น้ำขึ้นให้รีบตัก” เดินสายโชว์ตัว -ร้องเพลง รับทรัพย์คืนละหลายหมื่นหรือเป็นแสนๆ บาท ก็เป็นเรื่องของเธอ...
สารภาพว่า..ตอนเธอเริ่มโชว์ตัวใหม่ๆ ผมกับเพื่อนเคยตั้งใจหลงเข้าไปดูการเดินสายของเธอเหมือนกัน...
ก็งั้นๆ แหละครับ...
ทราบว่า..ปัจจุบันวันนี้น้องแนทยังคงเดินสายโชว์ตัว – ร้องเพลง และคงจะเดินต่อไปจนกว่าจะโรยแรง หรือหมดเวลาของเธอ...
ผมคิดว่านอกเหนือจากวีซีดีเก่าๆ แล้ว ณ วันนี้..ภาพของน้องแนทค่อยๆเลือนรางไปจากความรับรู้ทรงจำของสังคม...
ประการหนึ่งที่สำคัญก็คือ มีจำเลยคนใหม่ๆ จากวงการบันเทิงเดินทางมาพร้อมกับข่าวร้ายอย่างไม่ขาดสาย..
ล่าสุด “น้องจอยซ์ –พรพรรณ” นักร้องดังจากวงไทรอัมพ์ คิงด้อม ตกเป็นผู้ต้องหาค้ายาบ้า, โจอี้บอย แรปเปอร์ผู้อื้อฉาว ถูกกล่าวหาว่ามั่วสุมปาร์ตี้ยาอี-ปาร์ตี้อนาจาร..
รายของโจอี้บอยดูจะยังไม่หนักหนาสาหัสเท่ารายของ น้องจอยซ์ที่ดูเหมือนว่าหากทุกอย่างเป็นไปตามข้อกล่าวหาโทษทัณฑ์ที่เธอจะได้รับถึงขั้นติดคุก – ประหารชีวิตกันเลยทีเดียว..
เพื่อนฝูงที่ชอบตั้งคำถามเคยโยนคำถามใส่กลางวงแบบไม่ตั้งใจว่า ระหว่างน้องแนทแสดงหนังเอกซ์กับน้องจอยซ์ค้ายา อย่างไหน “เลวร้าย” กว่ากัน...
ในส่วนของผมก็ได้แต่พูดไปกลางๆทำนอง.. ..การที่จะบอกว่าอะไรเลวร้ายกว่า มันอยู่ที่ว่าจะเอาอะไรเป็นตัวตั้งเป็นบรรทัดฐาน เอาเป็นว่ามันเลวร้ายทั้งคู่ จะบอกว่าอะไรมันเลวร้ายกว่าบางทีมันก็เข้าลักษณะหลานๆ เหลนๆของคำว่า “อจินไตย” ประมาณว่า..เป็นสิ่งที่คิดไปรู้ไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร...ให้รู้เพียงว่ามันผิดกฎหมาย ผิ ดศีลธรรมหนักข้อทั้งคู่ก็ใช้ได้แล้ว..
หลังอภิปรายกันพอหอมปากหอมคอ ก็มีคนตัดบทด้วยวิธีคิดแบบสูตรสำเร็จฟันธงว่า...สิ่งที่เลวร้ายกว่าน้องแนทและน้องจอยซ์ก็คือ...สภาพสังคม...หรือสังคม..นั่นเอง..
ผมได้แต่นึกอยู่ในใจ..เอาอีกแล้ว “สังคม” ตกเป็นจำเลยอีกแล้ว!! แต่อีกใจหนี่งก็แอบยอมรับอยู่เหมือนกันว่า...สภาพสังคมบริโภคนิยมที่มันเสื่อมโทรมลงทุกวันๆ ดูดดึงและเปิดโอกาสให้เยาวชน คนรุ่นใหม่ๆ เดินทางผิดได้อย่างง่ายดายเหลือเกิน...,มันคือไอ้ตัวร้ายจริงๆ..
“เงินตรา” กลายเป็นเป้าหมายชีวิต กลายเป็นคำตอบข้อจ.จาน “ถูกทุกข้อ” ที่แทบทุกคนโดยเฉพาะเยาวชนคนรุ่นใหม่ดิ้นรนไขว่คว้ากันสุดชีวิต ด้วยคิดว่าเงินตราคือเครื่องมือที่จะดลบันดาล เนรมิตความสุขได้ทุกอย่างที่ต้องการ...
เครื่องแต่งกาย – แฟชั่นทันสมัย โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆ ..ฯลฯ...และแม้แต่ความมีชื่อเสียงในสังคม.....
เยาวชนอายุ 11 – 26 ปีในบ้านเรามีประมาณ 17.6ล้านคน จากจำนวนนี้มี 27 % หรือ 4.75 ล้านคนที่มีประสบการณ์ทางเพศแล้ว แต่ที่น่าสนใจกว่าคือจำนวน 4.7 แสนคนมีความโน้มเอียงขายบริการทางเพศ และ9.5 แสนคนพัวพันกับยาเสพติด...(เอแบคโพล-ก.ค.47)
จำนวนมากที่มีความโน้มเอียงขายบริการทางเพศก็เพื่อเงินตรา..
จะว่าไปสังคมที่บ่มเพาะวิธีคิด ค่านิยมเรื่อง “เงินตรา”และเป้าหมายชีวิตให้กับเด็กเยาวชนคนรุ่นใหม่ก็เป็นผลิตผลของผู้ใหญ่คนรุ่นเก่าในฐานะเป็นผู้นำพาประเทศมาด้วยกัน..
สภาพแวดล้อมสังคมที่เปรียบเสมือนยาพิษที่กระตุ้นเร้า ยั่วยวนให้เยาวชน คนรุ่นใหม่บริโภค ดื่มกินหรือเสพสุมอย่างติดลม... ใช่หรือไม่แทบทั้งหมดก็ล้วนแต่ถูกกำหนดจากผู้ใหญ่ใจร้ายทั้งสิ้น..
ธุรกิจน้ำเมา มือถือค้ากำไร รายการโทรทัศน์มอมเมา ผับ เธค แฟชั่น..ฯลฯ เจริญเข้มแข็ง ...แล้วสังคมจะเข้มแข็งได้อย่างไร!?
ถึงวันนี้เห็นจะต้องบอกว่า...ธุรกิจธุรกรรมใดๆ ก็ตามที่มอมเมาเอาเปรียบและทำให้เยาวชนคนรุ่นใหม่อ่อนแอเดินหลงทิศคิดผิดทาง...แล้วค่อย “คืนกำไรให้สังคม” ในภายหลัง...เป็นเรื่องที่จะต้องทบทวนปรัชญาการคืนกำไรกันใหม่...
มีกำไรบ้าง ...รังสรรค์สังคมแม้แต่เพียงเล็กน้อย ยังจะดีเสียกว่าทำร้ายสังคมในทางลึก เป็นบาดแผลที่มองไม่เห็น แล้วมาป่าวประกาศคืนกำไรให้สังคมในภายหลัง...
ครับ ทั้งหลายทั้งปวงก็เพียงแค่ร่วมย้ำเตือนด้วยคนว่า...สังคมเยาวชน คนรุ่นใหม่นับวันยิ่งน่าห่วง
นิตยสาร a day weekly ที่กำลังวางแผง มีสกู๊ปพิเศษ “เจาะกะโหลก เด็กแนว” ว่ากันถึงตำนาน ปรากฏการณ์ของเด็กแนวในแต่ละยุคสมัย...แม้พวกเขาจะเป็นจุดเด่นและมีอิทธิพลต่อลูกหลานไทยคนรุ่นหลัง แต่เชื่อผมเถอะว่าไม่มีพลังมากพอที่จะนำพาใครไปสู่สวรรค์หรืออเวจีได้สักกี่คน..
สภาพแวดล้อมสังคมที่น่าเป็นห่วงโดยรวมต่างหากที่จะต้องถูกปฏิรูป จัดระเบียบใหม่ ควบคู่ไปกับการฉีดวัคซีนความรัก ความอบอุ่นจากพ่อแม่ และครอบครัวให้กับลูกหลานของเรา...
น้องแนท น้องจอยซ์ โจอี้บอย คนใหม่ๆ จะได้ห่างจากหนังเอกซ์ การค้า ปาร์ตี้อนาจาร!!??
ก็น่าดีใจที่แม้ขณะนี้วีซีดีหนังเอกซ์ชุดเก่าๆ ของน้องแนทยังแพร่ระบาด แต่ยังไม่ปรากฏว่าน้องแนทไปแสดงหนังเอกซ์ชุดใหม่ ส่วนปฏิบัติการ “น้ำขึ้นให้รีบตัก” เดินสายโชว์ตัว -ร้องเพลง รับทรัพย์คืนละหลายหมื่นหรือเป็นแสนๆ บาท ก็เป็นเรื่องของเธอ...
สารภาพว่า..ตอนเธอเริ่มโชว์ตัวใหม่ๆ ผมกับเพื่อนเคยตั้งใจหลงเข้าไปดูการเดินสายของเธอเหมือนกัน...
ก็งั้นๆ แหละครับ...
ทราบว่า..ปัจจุบันวันนี้น้องแนทยังคงเดินสายโชว์ตัว – ร้องเพลง และคงจะเดินต่อไปจนกว่าจะโรยแรง หรือหมดเวลาของเธอ...
ผมคิดว่านอกเหนือจากวีซีดีเก่าๆ แล้ว ณ วันนี้..ภาพของน้องแนทค่อยๆเลือนรางไปจากความรับรู้ทรงจำของสังคม...
ประการหนึ่งที่สำคัญก็คือ มีจำเลยคนใหม่ๆ จากวงการบันเทิงเดินทางมาพร้อมกับข่าวร้ายอย่างไม่ขาดสาย..
ล่าสุด “น้องจอยซ์ –พรพรรณ” นักร้องดังจากวงไทรอัมพ์ คิงด้อม ตกเป็นผู้ต้องหาค้ายาบ้า, โจอี้บอย แรปเปอร์ผู้อื้อฉาว ถูกกล่าวหาว่ามั่วสุมปาร์ตี้ยาอี-ปาร์ตี้อนาจาร..
รายของโจอี้บอยดูจะยังไม่หนักหนาสาหัสเท่ารายของ น้องจอยซ์ที่ดูเหมือนว่าหากทุกอย่างเป็นไปตามข้อกล่าวหาโทษทัณฑ์ที่เธอจะได้รับถึงขั้นติดคุก – ประหารชีวิตกันเลยทีเดียว..
เพื่อนฝูงที่ชอบตั้งคำถามเคยโยนคำถามใส่กลางวงแบบไม่ตั้งใจว่า ระหว่างน้องแนทแสดงหนังเอกซ์กับน้องจอยซ์ค้ายา อย่างไหน “เลวร้าย” กว่ากัน...
ในส่วนของผมก็ได้แต่พูดไปกลางๆทำนอง.. ..การที่จะบอกว่าอะไรเลวร้ายกว่า มันอยู่ที่ว่าจะเอาอะไรเป็นตัวตั้งเป็นบรรทัดฐาน เอาเป็นว่ามันเลวร้ายทั้งคู่ จะบอกว่าอะไรมันเลวร้ายกว่าบางทีมันก็เข้าลักษณะหลานๆ เหลนๆของคำว่า “อจินไตย” ประมาณว่า..เป็นสิ่งที่คิดไปรู้ไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร...ให้รู้เพียงว่ามันผิดกฎหมาย ผิ ดศีลธรรมหนักข้อทั้งคู่ก็ใช้ได้แล้ว..
หลังอภิปรายกันพอหอมปากหอมคอ ก็มีคนตัดบทด้วยวิธีคิดแบบสูตรสำเร็จฟันธงว่า...สิ่งที่เลวร้ายกว่าน้องแนทและน้องจอยซ์ก็คือ...สภาพสังคม...หรือสังคม..นั่นเอง..
ผมได้แต่นึกอยู่ในใจ..เอาอีกแล้ว “สังคม” ตกเป็นจำเลยอีกแล้ว!! แต่อีกใจหนี่งก็แอบยอมรับอยู่เหมือนกันว่า...สภาพสังคมบริโภคนิยมที่มันเสื่อมโทรมลงทุกวันๆ ดูดดึงและเปิดโอกาสให้เยาวชน คนรุ่นใหม่ๆ เดินทางผิดได้อย่างง่ายดายเหลือเกิน...,มันคือไอ้ตัวร้ายจริงๆ..
“เงินตรา” กลายเป็นเป้าหมายชีวิต กลายเป็นคำตอบข้อจ.จาน “ถูกทุกข้อ” ที่แทบทุกคนโดยเฉพาะเยาวชนคนรุ่นใหม่ดิ้นรนไขว่คว้ากันสุดชีวิต ด้วยคิดว่าเงินตราคือเครื่องมือที่จะดลบันดาล เนรมิตความสุขได้ทุกอย่างที่ต้องการ...
เครื่องแต่งกาย – แฟชั่นทันสมัย โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆ ..ฯลฯ...และแม้แต่ความมีชื่อเสียงในสังคม.....
เยาวชนอายุ 11 – 26 ปีในบ้านเรามีประมาณ 17.6ล้านคน จากจำนวนนี้มี 27 % หรือ 4.75 ล้านคนที่มีประสบการณ์ทางเพศแล้ว แต่ที่น่าสนใจกว่าคือจำนวน 4.7 แสนคนมีความโน้มเอียงขายบริการทางเพศ และ9.5 แสนคนพัวพันกับยาเสพติด...(เอแบคโพล-ก.ค.47)
จำนวนมากที่มีความโน้มเอียงขายบริการทางเพศก็เพื่อเงินตรา..
จะว่าไปสังคมที่บ่มเพาะวิธีคิด ค่านิยมเรื่อง “เงินตรา”และเป้าหมายชีวิตให้กับเด็กเยาวชนคนรุ่นใหม่ก็เป็นผลิตผลของผู้ใหญ่คนรุ่นเก่าในฐานะเป็นผู้นำพาประเทศมาด้วยกัน..
สภาพแวดล้อมสังคมที่เปรียบเสมือนยาพิษที่กระตุ้นเร้า ยั่วยวนให้เยาวชน คนรุ่นใหม่บริโภค ดื่มกินหรือเสพสุมอย่างติดลม... ใช่หรือไม่แทบทั้งหมดก็ล้วนแต่ถูกกำหนดจากผู้ใหญ่ใจร้ายทั้งสิ้น..
ธุรกิจน้ำเมา มือถือค้ากำไร รายการโทรทัศน์มอมเมา ผับ เธค แฟชั่น..ฯลฯ เจริญเข้มแข็ง ...แล้วสังคมจะเข้มแข็งได้อย่างไร!?
ถึงวันนี้เห็นจะต้องบอกว่า...ธุรกิจธุรกรรมใดๆ ก็ตามที่มอมเมาเอาเปรียบและทำให้เยาวชนคนรุ่นใหม่อ่อนแอเดินหลงทิศคิดผิดทาง...แล้วค่อย “คืนกำไรให้สังคม” ในภายหลัง...เป็นเรื่องที่จะต้องทบทวนปรัชญาการคืนกำไรกันใหม่...
มีกำไรบ้าง ...รังสรรค์สังคมแม้แต่เพียงเล็กน้อย ยังจะดีเสียกว่าทำร้ายสังคมในทางลึก เป็นบาดแผลที่มองไม่เห็น แล้วมาป่าวประกาศคืนกำไรให้สังคมในภายหลัง...
ครับ ทั้งหลายทั้งปวงก็เพียงแค่ร่วมย้ำเตือนด้วยคนว่า...สังคมเยาวชน คนรุ่นใหม่นับวันยิ่งน่าห่วง
นิตยสาร a day weekly ที่กำลังวางแผง มีสกู๊ปพิเศษ “เจาะกะโหลก เด็กแนว” ว่ากันถึงตำนาน ปรากฏการณ์ของเด็กแนวในแต่ละยุคสมัย...แม้พวกเขาจะเป็นจุดเด่นและมีอิทธิพลต่อลูกหลานไทยคนรุ่นหลัง แต่เชื่อผมเถอะว่าไม่มีพลังมากพอที่จะนำพาใครไปสู่สวรรค์หรืออเวจีได้สักกี่คน..
สภาพแวดล้อมสังคมที่น่าเป็นห่วงโดยรวมต่างหากที่จะต้องถูกปฏิรูป จัดระเบียบใหม่ ควบคู่ไปกับการฉีดวัคซีนความรัก ความอบอุ่นจากพ่อแม่ และครอบครัวให้กับลูกหลานของเรา...
น้องแนท น้องจอยซ์ โจอี้บอย คนใหม่ๆ จะได้ห่างจากหนังเอกซ์ การค้า ปาร์ตี้อนาจาร!!??