รองผบก.กองทะเบียน ชี้ภาพถ่ายวีซีดีปาร์ตี้ฉาวเข้าข่ายอนาจาร จี้สภ.อ.ปากท่อ ตามคดีต่อ ด้านสภาทนายโต้ไม่เข้าข่ายอนาจาร เพราะเป็นสถานที่ส่วนตัว ด้านปปง.ไม่ได้รับมอบหมายตามยึดทรัพย์อดีตนักร้องสาว"จอยซ์" ขณะที่ชุดเฉพาะกิจ บก.น.2 ตามประกบดารา-นักร้อง ตั้งตนเป็นเอเย่นต์จำหน่ายยาเสพติดให้เหล่าศิลปิน
วานนี้ (29 พ.ย.) พ.ต.อ.วิสุทธิ์ วานิชบุตร รองผบก.กองทะเบียน กล่าวถึงกรณีวีซีดีปาร์ตี้ ฉาว โดยปรากฏภาพคล้าย "โจอี้ บอย" หรือ นายอภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต นักร้องชื่อดัง อยู่ในงานดังกล่าวว่า จากการดูวีซีดีดังกล่าวภาพที่ปรากฏเข้าข่ายลักษณะเป็นการกระทำอนาจาร เพราะมีการร่วมเพศ มีการใช้ปากทำรักกัน อย่างชัดเจน นอกจากนี้ภาพกลุ่มบุคคล ที่ปรากฏยังมีอาการคล้ายไม่ได้สติ มีอาการมึนเมาตลอดเวลา ซึ่งน่าเชื่อว่ามีการเสพสารเสพติดบางอย่างเข้าไป ทำให้เกิดอาการมึนเมา
ดังนั้น การสืบสวน เพื่อดำเนินคดีกับบุคคล ที่ปรากฏในภาพ จึงต้องให้ ทางเจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภอ.ปากท่อ จ.ราชบุรี เจ้าของท้องที่เกิดเหตุ เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการและเชื่อว่าจะตามตัวกลุ่มคนนี้ ได้ไม่อยาก เพราะมีการจัดงานวันเกิดของบุคคลคนหนึ่ง ในทุกวันที่ 15 ต.ค.ของทุกปี ตำรวจท้องที่ ต้องเรียกกลุ่มคนเหล่านี้ มาสอบสวนต่อไป
พ.ต.อ.วิสุทธิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณี “โจอี้ บอย”ออกมายอมรับว่า ได้ไปร่วมงานวันปาร์ตี้ดังกล่าวจริง จะมีความผิดหรือไม่นั้น เท่าที่ตรวจสอบจากวีซีดี อย่างละเอียดแล้ว พบว่าไม่ได้กระทำความผิดใดๆ ต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าตัวเขาด้วย
โดยในส่วนกองบังคับการกองทะเบียน จะเร่งดำเนินการกดดัน และเอาผิดกับบุคคล ที่นำภาพ ซึ่งปรากฏในวีซีดีดังกล่าว ออกไปเผยแพร่ จำหน่ายจ่ายแจก ผลการปราบปรามเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งล่าสุด มีนายสมนึก วงษ์สุวรรณ ผู้ต้องหาในคดีนำแผ่นวีซีดีปาร์ตี้ฉาว ออกจำหน่าย ที่ย่านหลังวัดตึก ถ.มหาจักพรรดิ์ เขตสัมพันธวงศ์ กทม. เข้ามอบตัวกับตำรวจแล้วหลังหลบหนีการจับกุมไป เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมา และจะดำเนินคดีตามกฏหมายอาญา ม.287 ต่อไป
ด้านนายมโน ทองปาน กรรมการฝ่ายช่วยเหลือประชาชน ด้านกฎหมายสภาทนายความกล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า ภาพที่ปรากฏในแผ่นวีซีดีปาร์ตี้ฉาว ซึ่งมี “โจอี้ บอย” อยู่ในเหตุการณ์และเข้าข่ายอนาจาร เนื่องจากมีการร่วมเพศ ระหว่างหญิงชาย อย่างชัดเจน ว่าพฤติการณ์ที่ปรากฏในภาพดังกล่าว เป็นเรื่องคนที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไปประกอบกิจกรรมกัน ซึ่งในทางกฎหมาย ถือเป็นการขัดต่อความสงบ และศีลธรรมอันดีของประชาชนเท่านั้น แต่ยังไม่เข้าข่ายอนาจารอันเป็นการกระทำความผิดในทางอาญา ตามที่ตำรวจตั้งข้อสันนิษฐาน เพราะลักษณะในการกระทำความผิดในฐานกระทำอนาจาร ต้องเกิดจากความไม่ยินยอมของคู่กรณีที่ถูกกระทำ และลักษณะเข้าข่ายอนาจาร ต้องเกิดขึ้นในที่รโหฐาน ซึ่งมีคนพลุกพล่าน ไม่ใช้สถานที่ส่วนตัว ซึ่งมีการปกปิดมิดชิด
ทั้งนี้กรรมการฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย สภาทนายความ กล่าวว่า นอกจาก ตำรวจสามารถเอาผิดกับทางอาญา กับ บุคคล ที่นำภาพปาร์ตี้ฉาว ไปจำหน่าย จ่ายแจก เพื่อวัตถุประสงค์แห่งการค้าแล้ว บุคคลที่ปรากฏในภาพ ยังถือเป็นผู้เสียหายด้วย สามารถฟ้องร้องเอาผิด กับบุคคลที่นำภาพนั้นไปจำหน่ายได้ด้วย แต่ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าภาพที่นำไปจำหน่าย ไม่เกิดจากความยินยอมด้วย.
ขณะที่ พล.ต.ต.พีรพันธ์ เปรมภูติ เลขาธิการ(ปปง.) กล่าวถึงกรณี ป.ป.ส.ได้อายัดทรัพย์สินของ น.ส. พรพรรณ รัตนาเมธานนท์ หรือ จอยซ์ อดีตนักร้องสาวชื่อดัง ผู้ต้องหาค้ายาบ้าและ แฟนหนุ่ม เพื่อตรวจสอบว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติดหรือไม่ ว่าป.ป.ส. ไม่ได้ประสาน ความร่วมมือมายังปปง.แต่สามารถดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินได้ ตามพระราชบัญญัติหรือพรบ. ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ปี พ.ศ. 2534
เลขาธิการปปง. กล่าวต่อว่าการยึดทรัพย์ตามกฎหมายปปง. เป็นมาตรการในทางแพ่ง ตามมาตรา 58 แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และถือเป็นกฎหมายพิเศษ ที่ให้แยกเป็นคนละส่วนกับการดำเนินคดีของตำรวจ และ ป.ป.ส. เพื่อมุ่งดำเนินการเอาผิดเกี่ยวกับทรัพย์สิน ที่ได้มาจากการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด แม้กฎหมายไม่สามารถเอาผิดทางอาญากับผู้กระทำผิด แต่สามารถใช้มาตรการยึดทรัพย์ตาม กฎหมายปปง. มาดำเนินการได้
ด้าน พ.ต.อ.วิชัย สังข์ประไพ รอง ผบก.น.2 กล่าวถึงกรณีที่ชุดสืบสวนปราบปรามยาเสพติด บก.น.2 กำลังเฝ้าติดตามพฤติกรรมของ นักร้องชายวงดนตรีดังวงหนึ่ง ที่เป็นแกนนำจัดปาร์ตี้ยาเสพติดในกันกลุ่มศิลปิน และเฝ้าติดตามจับกุมอดีตสามีดารานางแบบชื่อดัง คนหนึ่งที่เป็นตัวสำคัญที่ลักลอบนำยาเสพติดพวก ยาอี ยาเค มาจำหน่ายให้กลุ่มดารานักแสดงอยู่นั้น ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังเฝ้าติดตามกันอยู่ตลอด คาดว่าจะได้ตัวในเร็วๆนี้ ซึ่งความจริงแล้ว ยังมีกลุ่มศิลปินอีกหลายคนที่เสพยาเสพติด แต่ที่ติดหนักๆ ถึงขั้นอยู่ในแบล็คลิตส์ของเจ้าหน้าที่นั้นก็คงจะมีไม่กี่คน
วานนี้ (29 พ.ย.) พ.ต.อ.วิสุทธิ์ วานิชบุตร รองผบก.กองทะเบียน กล่าวถึงกรณีวีซีดีปาร์ตี้ ฉาว โดยปรากฏภาพคล้าย "โจอี้ บอย" หรือ นายอภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต นักร้องชื่อดัง อยู่ในงานดังกล่าวว่า จากการดูวีซีดีดังกล่าวภาพที่ปรากฏเข้าข่ายลักษณะเป็นการกระทำอนาจาร เพราะมีการร่วมเพศ มีการใช้ปากทำรักกัน อย่างชัดเจน นอกจากนี้ภาพกลุ่มบุคคล ที่ปรากฏยังมีอาการคล้ายไม่ได้สติ มีอาการมึนเมาตลอดเวลา ซึ่งน่าเชื่อว่ามีการเสพสารเสพติดบางอย่างเข้าไป ทำให้เกิดอาการมึนเมา
ดังนั้น การสืบสวน เพื่อดำเนินคดีกับบุคคล ที่ปรากฏในภาพ จึงต้องให้ ทางเจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภอ.ปากท่อ จ.ราชบุรี เจ้าของท้องที่เกิดเหตุ เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการและเชื่อว่าจะตามตัวกลุ่มคนนี้ ได้ไม่อยาก เพราะมีการจัดงานวันเกิดของบุคคลคนหนึ่ง ในทุกวันที่ 15 ต.ค.ของทุกปี ตำรวจท้องที่ ต้องเรียกกลุ่มคนเหล่านี้ มาสอบสวนต่อไป
พ.ต.อ.วิสุทธิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณี “โจอี้ บอย”ออกมายอมรับว่า ได้ไปร่วมงานวันปาร์ตี้ดังกล่าวจริง จะมีความผิดหรือไม่นั้น เท่าที่ตรวจสอบจากวีซีดี อย่างละเอียดแล้ว พบว่าไม่ได้กระทำความผิดใดๆ ต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าตัวเขาด้วย
โดยในส่วนกองบังคับการกองทะเบียน จะเร่งดำเนินการกดดัน และเอาผิดกับบุคคล ที่นำภาพ ซึ่งปรากฏในวีซีดีดังกล่าว ออกไปเผยแพร่ จำหน่ายจ่ายแจก ผลการปราบปรามเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งล่าสุด มีนายสมนึก วงษ์สุวรรณ ผู้ต้องหาในคดีนำแผ่นวีซีดีปาร์ตี้ฉาว ออกจำหน่าย ที่ย่านหลังวัดตึก ถ.มหาจักพรรดิ์ เขตสัมพันธวงศ์ กทม. เข้ามอบตัวกับตำรวจแล้วหลังหลบหนีการจับกุมไป เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมา และจะดำเนินคดีตามกฏหมายอาญา ม.287 ต่อไป
ด้านนายมโน ทองปาน กรรมการฝ่ายช่วยเหลือประชาชน ด้านกฎหมายสภาทนายความกล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า ภาพที่ปรากฏในแผ่นวีซีดีปาร์ตี้ฉาว ซึ่งมี “โจอี้ บอย” อยู่ในเหตุการณ์และเข้าข่ายอนาจาร เนื่องจากมีการร่วมเพศ ระหว่างหญิงชาย อย่างชัดเจน ว่าพฤติการณ์ที่ปรากฏในภาพดังกล่าว เป็นเรื่องคนที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไปประกอบกิจกรรมกัน ซึ่งในทางกฎหมาย ถือเป็นการขัดต่อความสงบ และศีลธรรมอันดีของประชาชนเท่านั้น แต่ยังไม่เข้าข่ายอนาจารอันเป็นการกระทำความผิดในทางอาญา ตามที่ตำรวจตั้งข้อสันนิษฐาน เพราะลักษณะในการกระทำความผิดในฐานกระทำอนาจาร ต้องเกิดจากความไม่ยินยอมของคู่กรณีที่ถูกกระทำ และลักษณะเข้าข่ายอนาจาร ต้องเกิดขึ้นในที่รโหฐาน ซึ่งมีคนพลุกพล่าน ไม่ใช้สถานที่ส่วนตัว ซึ่งมีการปกปิดมิดชิด
ทั้งนี้กรรมการฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย สภาทนายความ กล่าวว่า นอกจาก ตำรวจสามารถเอาผิดกับทางอาญา กับ บุคคล ที่นำภาพปาร์ตี้ฉาว ไปจำหน่าย จ่ายแจก เพื่อวัตถุประสงค์แห่งการค้าแล้ว บุคคลที่ปรากฏในภาพ ยังถือเป็นผู้เสียหายด้วย สามารถฟ้องร้องเอาผิด กับบุคคลที่นำภาพนั้นไปจำหน่ายได้ด้วย แต่ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าภาพที่นำไปจำหน่าย ไม่เกิดจากความยินยอมด้วย.
ขณะที่ พล.ต.ต.พีรพันธ์ เปรมภูติ เลขาธิการ(ปปง.) กล่าวถึงกรณี ป.ป.ส.ได้อายัดทรัพย์สินของ น.ส. พรพรรณ รัตนาเมธานนท์ หรือ จอยซ์ อดีตนักร้องสาวชื่อดัง ผู้ต้องหาค้ายาบ้าและ แฟนหนุ่ม เพื่อตรวจสอบว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติดหรือไม่ ว่าป.ป.ส. ไม่ได้ประสาน ความร่วมมือมายังปปง.แต่สามารถดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินได้ ตามพระราชบัญญัติหรือพรบ. ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ปี พ.ศ. 2534
เลขาธิการปปง. กล่าวต่อว่าการยึดทรัพย์ตามกฎหมายปปง. เป็นมาตรการในทางแพ่ง ตามมาตรา 58 แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และถือเป็นกฎหมายพิเศษ ที่ให้แยกเป็นคนละส่วนกับการดำเนินคดีของตำรวจ และ ป.ป.ส. เพื่อมุ่งดำเนินการเอาผิดเกี่ยวกับทรัพย์สิน ที่ได้มาจากการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด แม้กฎหมายไม่สามารถเอาผิดทางอาญากับผู้กระทำผิด แต่สามารถใช้มาตรการยึดทรัพย์ตาม กฎหมายปปง. มาดำเนินการได้
ด้าน พ.ต.อ.วิชัย สังข์ประไพ รอง ผบก.น.2 กล่าวถึงกรณีที่ชุดสืบสวนปราบปรามยาเสพติด บก.น.2 กำลังเฝ้าติดตามพฤติกรรมของ นักร้องชายวงดนตรีดังวงหนึ่ง ที่เป็นแกนนำจัดปาร์ตี้ยาเสพติดในกันกลุ่มศิลปิน และเฝ้าติดตามจับกุมอดีตสามีดารานางแบบชื่อดัง คนหนึ่งที่เป็นตัวสำคัญที่ลักลอบนำยาเสพติดพวก ยาอี ยาเค มาจำหน่ายให้กลุ่มดารานักแสดงอยู่นั้น ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังเฝ้าติดตามกันอยู่ตลอด คาดว่าจะได้ตัวในเร็วๆนี้ ซึ่งความจริงแล้ว ยังมีกลุ่มศิลปินอีกหลายคนที่เสพยาเสพติด แต่ที่ติดหนักๆ ถึงขั้นอยู่ในแบล็คลิตส์ของเจ้าหน้าที่นั้นก็คงจะมีไม่กี่คน