กุชชี่ ระบุลดภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยเหลือ0% ไม่กระตุ้นเม็ดเงินไหลเข้าประเทศ โชว์ตัวเลขต่างประเทศแห่ซื้อสินค้าเพียง20% แถมเป็นชาวเอเชียอีก ผวาค่าเงินสวิตซ์ฟังขึ้นมากกว่าปัจจัยลบราคาน้ำมัน-สินค้าปรับราคา ปีไก่เล็งปรับราคาสินค้าขึ้น 5% หากค่าเงินสวิตว์แข็งขึ้น สิ้นปีตั้งเป้าโต15% เท่าปีหน้า
นายชอง-มิเชล รูทซ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัทโกเลย์ บูเชล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายนาฬิกา กุชชี่ เปิดเผยว่า จากการที่ภาครัฐมีนโยบายจะปรับลดภาษีสินค้านำเข้าฟุ่มเฟือยจาก 5% เหลือ0% มองว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก และคาดว่าหากมีการปรับภาษีสินค้านำเข้าฟุ่มเฟือยจริง น่าจะเป็นการแบ่งตามโซนแหล่งท่องเที่ยวมากกว่าที่จะเป็นการลดทั่วประเทศ อย่างไรก็ตามมองว่าการลดภาษีสินค้านำเข้าฟุ่มเฟือยในประเทศไทย จะไม่ช่วยกระตุ้นให้เม็ดเงินไหลเข้าประเทศได้มากนัก เนื่องจากพบว่าผู้ที่ซื้อสืนค้านำเข้าฟุ่มเฟือย 80% จะเป็นคนไทย อีก 20%จะเป็นชาวต่างประเทศ และประการสำคัญคือเป็นชาวเอเชียเกือบทั้งหมด ในขณะที่ชาวยุโรปจะนิยมซื้อสินค้าไทยมากกว่า
สำหรับแนวโน้มในปีหน้า แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของไทยจะไม่ค่อยสดใส สินค้าอุปโภคบริโภคและน้ำมันปรับราคาขึ้น แต่มั่นใจว่าภาวะดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มเป้าหมายของนาฬิกากุชชี่มากนัก เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ของบริษัทจะเป็นกลุ่มที่มีกำลังการซื้อสูง แต่มองว่าค่าเงินสวิตซ์ที่แข็งขึ้นน่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดนาฬิกานำเข้ามากกว่า ซึ่งในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ภาวะค่าเงินสวิตที่แข็งขึ้นจาก 31 บาทต่อ 1 สวิตซ์ฟัง เป็น 33 บาท บริษัทได้ปรับราคาสินค้าขึ้น5-7% ไปรอบหนึ่งแล้ว และปัจจุบันค่าเงินปรับขึ่นเป็น 34.5% ซึ่งหากปรับขึ้นเป็น 35% ในปีหน้านี้บริษัทมีนโยบายปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น 5%
"นโยบายการปรับราคาสินค้าขึ้น จะต้องขออนุมัติบริษัทแม่ก่อน อีกทั้งการปรับราคาสินค้าขึ้นนั้น จะต้องปรับให้มีราคาที่ไม่แตกต่างกันมากนักในภูมิภาคเอเชีย จากปัจจุบันราคาสินค้าไทยจะแพงกว่าสิงคโปร์เอเชียราว 12-15% เนื่องจากต้องเสียภาษีนำเข้า 5% อย่างไรก็ตามหากบริษัทแม่ไม่อนุมัติให้ปรับราคาขึ้น บริษัทแม่จะเตรียมแผนรองรับเอาไว้ ด้วยการลดต้นทุนเพื่อให้บริษัทมีกำไร"
แผนการทำตลาด บริษัทจะให้ความสำคัญกับนาฬิกาแฟชั่นมากกว่านาฬิกาจักรกล เนื่องจากโพซิชั่นนิ่งของกุชชเป็นนาฬิกาแฟชั่น ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวนาฬิกาจี คอลเลคชั่น 4 รุ่น โดยได้เริ่มจำหน่ายในช่วงไตรมาสที่สาม ซึ่งคาดว่าทั้ง 4รุ่นนี้จะมีสัดส่วนรายได้ถึง 20% ของรายได้รวม ส่วนในปีหน้านี้บริษัทจะเปิดตัวรุ่นลิมิเต็ด ฟลอล่า จำนวน 20 เรือน โดยจะเริ่มจำหน่ายในเดือนกุมภาพันธ์ 2548
ปัจจุบันบริษัทมีช่องทางจำหน่าย 35 แห่ง ซึ่งปีหน้าได้ลงทุน 5-6 แสนบาท ขยายช่องทางที่สยามพารากอน ขณะที่ฐานลูกค้ามี 6,500-7,000 ราย โดยในปีนี้บริษัทได้ฐานลูกค้ากลุ่มใหม่อายุระหว่าง 25-45 ปี สำหรับผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้าโต15% ส่วนปีหน้าโต15%
นายชอง-มิเชล รูทซ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัทโกเลย์ บูเชล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายนาฬิกา กุชชี่ เปิดเผยว่า จากการที่ภาครัฐมีนโยบายจะปรับลดภาษีสินค้านำเข้าฟุ่มเฟือยจาก 5% เหลือ0% มองว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก และคาดว่าหากมีการปรับภาษีสินค้านำเข้าฟุ่มเฟือยจริง น่าจะเป็นการแบ่งตามโซนแหล่งท่องเที่ยวมากกว่าที่จะเป็นการลดทั่วประเทศ อย่างไรก็ตามมองว่าการลดภาษีสินค้านำเข้าฟุ่มเฟือยในประเทศไทย จะไม่ช่วยกระตุ้นให้เม็ดเงินไหลเข้าประเทศได้มากนัก เนื่องจากพบว่าผู้ที่ซื้อสืนค้านำเข้าฟุ่มเฟือย 80% จะเป็นคนไทย อีก 20%จะเป็นชาวต่างประเทศ และประการสำคัญคือเป็นชาวเอเชียเกือบทั้งหมด ในขณะที่ชาวยุโรปจะนิยมซื้อสินค้าไทยมากกว่า
สำหรับแนวโน้มในปีหน้า แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของไทยจะไม่ค่อยสดใส สินค้าอุปโภคบริโภคและน้ำมันปรับราคาขึ้น แต่มั่นใจว่าภาวะดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มเป้าหมายของนาฬิกากุชชี่มากนัก เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ของบริษัทจะเป็นกลุ่มที่มีกำลังการซื้อสูง แต่มองว่าค่าเงินสวิตซ์ที่แข็งขึ้นน่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดนาฬิกานำเข้ามากกว่า ซึ่งในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ภาวะค่าเงินสวิตที่แข็งขึ้นจาก 31 บาทต่อ 1 สวิตซ์ฟัง เป็น 33 บาท บริษัทได้ปรับราคาสินค้าขึ้น5-7% ไปรอบหนึ่งแล้ว และปัจจุบันค่าเงินปรับขึ่นเป็น 34.5% ซึ่งหากปรับขึ้นเป็น 35% ในปีหน้านี้บริษัทมีนโยบายปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น 5%
"นโยบายการปรับราคาสินค้าขึ้น จะต้องขออนุมัติบริษัทแม่ก่อน อีกทั้งการปรับราคาสินค้าขึ้นนั้น จะต้องปรับให้มีราคาที่ไม่แตกต่างกันมากนักในภูมิภาคเอเชีย จากปัจจุบันราคาสินค้าไทยจะแพงกว่าสิงคโปร์เอเชียราว 12-15% เนื่องจากต้องเสียภาษีนำเข้า 5% อย่างไรก็ตามหากบริษัทแม่ไม่อนุมัติให้ปรับราคาขึ้น บริษัทแม่จะเตรียมแผนรองรับเอาไว้ ด้วยการลดต้นทุนเพื่อให้บริษัทมีกำไร"
แผนการทำตลาด บริษัทจะให้ความสำคัญกับนาฬิกาแฟชั่นมากกว่านาฬิกาจักรกล เนื่องจากโพซิชั่นนิ่งของกุชชเป็นนาฬิกาแฟชั่น ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวนาฬิกาจี คอลเลคชั่น 4 รุ่น โดยได้เริ่มจำหน่ายในช่วงไตรมาสที่สาม ซึ่งคาดว่าทั้ง 4รุ่นนี้จะมีสัดส่วนรายได้ถึง 20% ของรายได้รวม ส่วนในปีหน้านี้บริษัทจะเปิดตัวรุ่นลิมิเต็ด ฟลอล่า จำนวน 20 เรือน โดยจะเริ่มจำหน่ายในเดือนกุมภาพันธ์ 2548
ปัจจุบันบริษัทมีช่องทางจำหน่าย 35 แห่ง ซึ่งปีหน้าได้ลงทุน 5-6 แสนบาท ขยายช่องทางที่สยามพารากอน ขณะที่ฐานลูกค้ามี 6,500-7,000 ราย โดยในปีนี้บริษัทได้ฐานลูกค้ากลุ่มใหม่อายุระหว่าง 25-45 ปี สำหรับผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้าโต15% ส่วนปีหน้าโต15%