นายยุทธนา ทัพเจริญ รองผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการคัดเลือกโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง ตามแนวเส้นทางรถไฟสายตะวันออก (พญาไท-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) หรือ Airport Rail Link Project ระยะทาง 28 กม. มูลค่า 25,917,060,209 เปิดเผยว่า การพิจารณาคุณสมบัติเบื้องต้นเอกชนที่ยื่นเอกสารประกวดราคานั้น พบว่าทั้ง 3 กลุ่มผ่านในคุณสมบัติเบื้องต้น ซึ่งหลังจากนี้จะมีการพิจารณารายละเอียดด้านเทคนิคและจะประกาศพร้อมเปิดซองราคาในวันที่ 8 ธ.ค. นี้
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการขยายระยะเวลาในการพิจารณาผลการประกวดราคาออกไปอีก 3 เดือนนั้น นายยุทธนา ยืนยันว่า ขณะนี้ยังคงยึดตามกรอบเวลาเดิม หากจะมีการขยายระยะเวลาออกไปอีกจะต้องมีเหตุผลที่สามารถชี้แจงได้ แต่จากการตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ทุกอย่างจะต้องยึดตามกรอบที่กำหนดไว้ในร่างทีโออาร์เป็นหลัก ซึ่งทุกอย่างมีการระบุไว้อย่างชัดเจน จึงเชื่อว่าไม่น่าจะต้องมีการขยายระยะเวลาออกไปอีก
สำหรับกรณีที่มีการคาดหมายว่า เอกชนที่จะชนะการประมูลในครั้งนี้มีสายสัมพันธ์กับรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลชุดปัจจุบันจึงเกรงจะเกิดข้อครหา ก็จะให้มีการเลื่อนผลการพิจารณาออกไป นายยุทธนา กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่สามารถตอบได้ จะต้องขึ้นอยู่กับพิจารณาด้านเทคนิคเป็นสำคัญ ขณะนี้ยังบอกไม่ได้ว่าผลจะออกมาอย่างไร และการพิจารณาจะต้องดูจากองค์ประกอบหลายส่วน นอกเหนือจากด้านเทคนิคแล้ว จะต้องดูฐานะการเงินและดอกเบี้ยประกอบกัน
ทั้งนี้เอกชนทั้ง 3 กลุ่มที่ได้ยื่นเอกสารประกวดราคาประกอบไปด้วย1.กลุ่ม EAST-WEST- Consortium ประกอบด้วยบริษัท อิตาเลียนไทย ดิเวลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน)หรือไอทีดี, CHAINA STATE(ปักกิ่ง) และ CHAINA STATE THAILAND, VOSSLOH เยอรมัน, CAF(สเปน), และ INABENSA(สเปน) 2.กลุ่ม MCBM CONSORTIUM ประกอบด้วยบริษัท ช.การช่าง จำกัด(มหาชน)หรือซีเค, MISUBISHI INDUSTRIAL, BILFINGER BERGER AG, MITSUI Co.,Ltd และ KINKI SHARYO 3.กลุ่ม B.GRIM ประกอบด้วยบริษัท ซีเมนท์ เอจี, บริษัท ซีเมนท์ จำกัด, บริษัท บีกริม MBM, บริษัท ชิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด(มหาชน)หรือสเตคอน,และบริษัท บีกริม อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการขยายระยะเวลาในการพิจารณาผลการประกวดราคาออกไปอีก 3 เดือนนั้น นายยุทธนา ยืนยันว่า ขณะนี้ยังคงยึดตามกรอบเวลาเดิม หากจะมีการขยายระยะเวลาออกไปอีกจะต้องมีเหตุผลที่สามารถชี้แจงได้ แต่จากการตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ทุกอย่างจะต้องยึดตามกรอบที่กำหนดไว้ในร่างทีโออาร์เป็นหลัก ซึ่งทุกอย่างมีการระบุไว้อย่างชัดเจน จึงเชื่อว่าไม่น่าจะต้องมีการขยายระยะเวลาออกไปอีก
สำหรับกรณีที่มีการคาดหมายว่า เอกชนที่จะชนะการประมูลในครั้งนี้มีสายสัมพันธ์กับรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลชุดปัจจุบันจึงเกรงจะเกิดข้อครหา ก็จะให้มีการเลื่อนผลการพิจารณาออกไป นายยุทธนา กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่สามารถตอบได้ จะต้องขึ้นอยู่กับพิจารณาด้านเทคนิคเป็นสำคัญ ขณะนี้ยังบอกไม่ได้ว่าผลจะออกมาอย่างไร และการพิจารณาจะต้องดูจากองค์ประกอบหลายส่วน นอกเหนือจากด้านเทคนิคแล้ว จะต้องดูฐานะการเงินและดอกเบี้ยประกอบกัน
ทั้งนี้เอกชนทั้ง 3 กลุ่มที่ได้ยื่นเอกสารประกวดราคาประกอบไปด้วย1.กลุ่ม EAST-WEST- Consortium ประกอบด้วยบริษัท อิตาเลียนไทย ดิเวลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน)หรือไอทีดี, CHAINA STATE(ปักกิ่ง) และ CHAINA STATE THAILAND, VOSSLOH เยอรมัน, CAF(สเปน), และ INABENSA(สเปน) 2.กลุ่ม MCBM CONSORTIUM ประกอบด้วยบริษัท ช.การช่าง จำกัด(มหาชน)หรือซีเค, MISUBISHI INDUSTRIAL, BILFINGER BERGER AG, MITSUI Co.,Ltd และ KINKI SHARYO 3.กลุ่ม B.GRIM ประกอบด้วยบริษัท ซีเมนท์ เอจี, บริษัท ซีเมนท์ จำกัด, บริษัท บีกริม MBM, บริษัท ชิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด(มหาชน)หรือสเตคอน,และบริษัท บีกริม อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด