"นายกฯ"ชี้หลักสูตรอาชญาวิทยาฯควรพัฒนา เรื่องเยาวชน เด็กครอบครัว และอาชญากรรม ในโลกที่หลากหลาย โดยยึดประชาชน-นิติวิทยาศาสตร์ เป็นสำคัญ เลิกระบบกล่าวหา และจับกุม ยุติจับผิดตัวส่งคนจนเข้าคุก "จรัญ"แนะงานวิชาการต้องเชื่อมโยงกับภาคปฎิบัติได้จริง"วิเชียริโชติ"เสนอรื้อจรรยาบรรณคนยุติธรรม สร้างประมวลจริยธรรม
วานนี้(15 พ.ย.)ที่ห้องประชุม ศ.นพ.ชัชวาลย์ โอสถานนท์ ม.มหิดล ศาลายา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในการสัมมนาเรื่อง "ทิศทางของหลักสูตรอาชญาวิทยาการบริหารงานยุติธรรมและสังคม กับการพัฒนากระบวนการยุติธรรม"จัดโดย คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ม.มหิดล
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า วิชาอาชญาวิทยา ต้องใช้ความรู้หลากหลาย และต้องเข้าใจ เพราะวิชานี้เกี่ยวข้องทั้งระบบในสังคม และหากไม่เข้าใจระบบความคิดก็จะไม่เข้าใจหลักของวิชานี้ โดยในอนาคตที่ควรพัฒนา คือ เรื่องเยาวชน เด็กครอบครัว และอาชญากรรมในโลกที่มีมากมาย เช่นเรื่องการฟอกเงิน อาชญากรรมข้ามชาติ การค้ายาเสพติดและค้ามนุษย์ รวมทั้งต้องเข้าใจผลกระทบของโลกาภิวัตน์และวัฒนธรรมข้ามชาติด้วย
“หากตำรวจที่คิดว่าจับผู้ร้ายและจบแค่นั้น มันไม่ใช่ เดิมตำรวจใช้กระบองไฟฟ้าจี้ผู้ต้องหาให้รับผิด แม้ตำรวจคนนั้นจะเป็นคนดี แต่วิธีการแบบนี้มันผิด หากทำแบบนี้การวัดผลผู้ปฏิบัติจากผู้บริหารจะไม่เป็นอย่างนั้นเพราะระบบนี้มีอัยการและศาลที่จะร่วมพิจารณาด้วย ” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว และว่ากระบวนการยุติธรรมต้องพัฒนาความรู้ด้านนิติวิทยาศาสตร์ และให้ความสำคัญกับหลักฐาน ทางนิติวิทยาศาสตร์ ให้มากกว่านี้
นายกรัฐมนตรี ยังได้แนะนำว่า หลักสูตรนี้ควรเปลี่ยนเป้าหมาย คือ ควรยึดประชาชนเป็นคำตอบ แทนที่วิธีแบบเดิมๆที่ยึดผลงานเป็นหลัก ขณะที่เมืองไทยใช้ระบบกล่าวหา หากตำรวจจับกุมและตั้งข้อหาไว้ก็ต้องนำสืบว่าคนๆนั้นทำผิดอย่างไร อีกทั้งที่ซ้ำร้ายกว่านั้น ตำรวจยังยึดติดกับการปรักปรำ หากจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ ตำรวจก็จะเชื่อทันทีว่าคนๆนั้นทำผิดจริง และพยายามยัดเยียดข้อหาและหลักฐาน ซึ่งทำให้เกิดปัญหาการจับกุมผิดตัวเกิดขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าวันนี้ ปัญหาครอบครัวและเยาวชน เป็นปัญหาใหญ่ในยุคประชาธิปไตยเบ่งบาน ตนขอให้สังคมช่วยกันดูแลคือเยาวชนในสถานพินิจที่ตอนนี้มีมากขึ้น ควรดูกันว่ากระบวนการยุติธรรมกับเยาวชนตอนนี้ถูกต้องหรือไม่ เพราะข่าวเยาวชนแหกห้องขังมีมากขึ้นฉะนั้นต้องช่วยกันดูแลให้ถูกทาง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าทุกวันนี้คนติดคุกด้วยข้อหายาเสพติดจนล้นเรือนจำ รัฐบาลต้องใช้โรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองมาช่วยและคลี่คลายปัญหานี้ไปได้ ตนคิดว่าเรือนจำเป็นสถานศึกษาปัญหาสังคมอย่างดี และตนมีข้อสังเกตว่าคนจนเป็นผู้ติดคุกเสียมาก คนทำผิดบางคนกลับไม่ติดคุกเพราะมีเงินจ้างทนาย บางคนที่มีเงินก็หนีไปได้แบบไม่ถูกจับ และยังมีการถกเถียงกันอยู่ระหว่างคนรู้ กับคนไม่รู้ คนพยายามหาเรื่องก็เอาจุดผิดเล็กน้อยมาขยาย ฝ่ายสนับสนุนก็เอาด้วย และเถียงเรื่องนี้ทั้งวัน ฉะนั้นการรู้จริงนั้นต้องมีข้อมูลชัดเจน ต้องมีการศึกษาแบบต่อเนื่องทั้งในและนอกระบบและวิจัยด้วย
จากนั้นได้มีการจัดเสวนาทางวิชาการเรื่อง"การพัฒนาหลักสูตรอาชญาวิทยาฯ " โดย นายจรัญ ภักดีธนากุล เลขาประธานศาลฎีกา และ เลขาธิการเนติบัญฑิตยสภา กล่าวว่า วิชาอาชญาวิทยา มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะทำให้รู้ว่าเมื่อพยานซัดทอดใครคนใดคนหนึ่ง ทำให้สามารถรู้แนวโน้มว่า คดีจะดำเนินต่อไปอย่างไร งานวิจัยในสถาบันการศึกษาก็มีส่วนสำคัญในการสร้างกฎเกณฑ์ในเรื่องนี้ ดังนั้นจึงอยากเห็นงานวิชาการด้านอาชญาวิทยาและฑัณวิทยา ตลอดจนการพัฒนากระบวนการยุติธรรมของไทย เชื่อมโยงกับภาคปฏิบัติได้จริง สามารถต่อท่อเข้าไปในองค์กรในระบบกระบวนการยุติธรรม มากกว่าที่จะเป็นงานวิชาการที่เป็นเลิศแต่อยู่ในแวดวงวิชาการเท่านั้น
ขณะที่ พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ กรรมการป.ป.ช.กล่าวว่า มหาวิทยาลัยเป็นหน่วยงานสำคัญในการพัฒนาหลักสูตรอาชญาวิทยาฯ ซึ่งประเทศไทยปัจจุบันอยู่ในภาวะไร้ปทัสถาน คนดีถูกตราหน้าว่าชั่ว ส่วนคนชั่วกลับลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมและได้รับการยกย่อง เหตุที่เป็นอย่างนี้เพราะตำรวจขาดจรรยาบรรณในการเป็นพนักงานสอบสวน จึงสมควรที่จะร่วมกันกำหนดจรรยาบรรณของบุคคลที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมทั้งตำรวจ อัยการ ศาล เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ โดยการสร้างประมวลจริยธรรมขึ้นมา
"ทุกองค์กรต่างก็มีปัญหาตำรวจซึ่งมีอยู่ 2.3 แสนคน ก็ต้องมีปัญหา การสร้างจรรยาบรรณระหว่างตำรวจกับประชาชนเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะตำรวจไทยมีความรับผิดชอบต่อสังคมสูงที่สุด ที่ดูเหมือนว่ามีปัญหามากเพราะตำรวจทำงานคลุกคลีและสัมผัสกับสิ่งชั่วร้าย ภาพที่ออกไปจึงดูไม่ดีในสายตาของประชาชน " พล.ต.ท.วิเชียรโชติ กล่าว
วานนี้(15 พ.ย.)ที่ห้องประชุม ศ.นพ.ชัชวาลย์ โอสถานนท์ ม.มหิดล ศาลายา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในการสัมมนาเรื่อง "ทิศทางของหลักสูตรอาชญาวิทยาการบริหารงานยุติธรรมและสังคม กับการพัฒนากระบวนการยุติธรรม"จัดโดย คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ม.มหิดล
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า วิชาอาชญาวิทยา ต้องใช้ความรู้หลากหลาย และต้องเข้าใจ เพราะวิชานี้เกี่ยวข้องทั้งระบบในสังคม และหากไม่เข้าใจระบบความคิดก็จะไม่เข้าใจหลักของวิชานี้ โดยในอนาคตที่ควรพัฒนา คือ เรื่องเยาวชน เด็กครอบครัว และอาชญากรรมในโลกที่มีมากมาย เช่นเรื่องการฟอกเงิน อาชญากรรมข้ามชาติ การค้ายาเสพติดและค้ามนุษย์ รวมทั้งต้องเข้าใจผลกระทบของโลกาภิวัตน์และวัฒนธรรมข้ามชาติด้วย
“หากตำรวจที่คิดว่าจับผู้ร้ายและจบแค่นั้น มันไม่ใช่ เดิมตำรวจใช้กระบองไฟฟ้าจี้ผู้ต้องหาให้รับผิด แม้ตำรวจคนนั้นจะเป็นคนดี แต่วิธีการแบบนี้มันผิด หากทำแบบนี้การวัดผลผู้ปฏิบัติจากผู้บริหารจะไม่เป็นอย่างนั้นเพราะระบบนี้มีอัยการและศาลที่จะร่วมพิจารณาด้วย ” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว และว่ากระบวนการยุติธรรมต้องพัฒนาความรู้ด้านนิติวิทยาศาสตร์ และให้ความสำคัญกับหลักฐาน ทางนิติวิทยาศาสตร์ ให้มากกว่านี้
นายกรัฐมนตรี ยังได้แนะนำว่า หลักสูตรนี้ควรเปลี่ยนเป้าหมาย คือ ควรยึดประชาชนเป็นคำตอบ แทนที่วิธีแบบเดิมๆที่ยึดผลงานเป็นหลัก ขณะที่เมืองไทยใช้ระบบกล่าวหา หากตำรวจจับกุมและตั้งข้อหาไว้ก็ต้องนำสืบว่าคนๆนั้นทำผิดอย่างไร อีกทั้งที่ซ้ำร้ายกว่านั้น ตำรวจยังยึดติดกับการปรักปรำ หากจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ ตำรวจก็จะเชื่อทันทีว่าคนๆนั้นทำผิดจริง และพยายามยัดเยียดข้อหาและหลักฐาน ซึ่งทำให้เกิดปัญหาการจับกุมผิดตัวเกิดขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าวันนี้ ปัญหาครอบครัวและเยาวชน เป็นปัญหาใหญ่ในยุคประชาธิปไตยเบ่งบาน ตนขอให้สังคมช่วยกันดูแลคือเยาวชนในสถานพินิจที่ตอนนี้มีมากขึ้น ควรดูกันว่ากระบวนการยุติธรรมกับเยาวชนตอนนี้ถูกต้องหรือไม่ เพราะข่าวเยาวชนแหกห้องขังมีมากขึ้นฉะนั้นต้องช่วยกันดูแลให้ถูกทาง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าทุกวันนี้คนติดคุกด้วยข้อหายาเสพติดจนล้นเรือนจำ รัฐบาลต้องใช้โรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองมาช่วยและคลี่คลายปัญหานี้ไปได้ ตนคิดว่าเรือนจำเป็นสถานศึกษาปัญหาสังคมอย่างดี และตนมีข้อสังเกตว่าคนจนเป็นผู้ติดคุกเสียมาก คนทำผิดบางคนกลับไม่ติดคุกเพราะมีเงินจ้างทนาย บางคนที่มีเงินก็หนีไปได้แบบไม่ถูกจับ และยังมีการถกเถียงกันอยู่ระหว่างคนรู้ กับคนไม่รู้ คนพยายามหาเรื่องก็เอาจุดผิดเล็กน้อยมาขยาย ฝ่ายสนับสนุนก็เอาด้วย และเถียงเรื่องนี้ทั้งวัน ฉะนั้นการรู้จริงนั้นต้องมีข้อมูลชัดเจน ต้องมีการศึกษาแบบต่อเนื่องทั้งในและนอกระบบและวิจัยด้วย
จากนั้นได้มีการจัดเสวนาทางวิชาการเรื่อง"การพัฒนาหลักสูตรอาชญาวิทยาฯ " โดย นายจรัญ ภักดีธนากุล เลขาประธานศาลฎีกา และ เลขาธิการเนติบัญฑิตยสภา กล่าวว่า วิชาอาชญาวิทยา มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะทำให้รู้ว่าเมื่อพยานซัดทอดใครคนใดคนหนึ่ง ทำให้สามารถรู้แนวโน้มว่า คดีจะดำเนินต่อไปอย่างไร งานวิจัยในสถาบันการศึกษาก็มีส่วนสำคัญในการสร้างกฎเกณฑ์ในเรื่องนี้ ดังนั้นจึงอยากเห็นงานวิชาการด้านอาชญาวิทยาและฑัณวิทยา ตลอดจนการพัฒนากระบวนการยุติธรรมของไทย เชื่อมโยงกับภาคปฏิบัติได้จริง สามารถต่อท่อเข้าไปในองค์กรในระบบกระบวนการยุติธรรม มากกว่าที่จะเป็นงานวิชาการที่เป็นเลิศแต่อยู่ในแวดวงวิชาการเท่านั้น
ขณะที่ พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ กรรมการป.ป.ช.กล่าวว่า มหาวิทยาลัยเป็นหน่วยงานสำคัญในการพัฒนาหลักสูตรอาชญาวิทยาฯ ซึ่งประเทศไทยปัจจุบันอยู่ในภาวะไร้ปทัสถาน คนดีถูกตราหน้าว่าชั่ว ส่วนคนชั่วกลับลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมและได้รับการยกย่อง เหตุที่เป็นอย่างนี้เพราะตำรวจขาดจรรยาบรรณในการเป็นพนักงานสอบสวน จึงสมควรที่จะร่วมกันกำหนดจรรยาบรรณของบุคคลที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมทั้งตำรวจ อัยการ ศาล เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ โดยการสร้างประมวลจริยธรรมขึ้นมา
"ทุกองค์กรต่างก็มีปัญหาตำรวจซึ่งมีอยู่ 2.3 แสนคน ก็ต้องมีปัญหา การสร้างจรรยาบรรณระหว่างตำรวจกับประชาชนเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะตำรวจไทยมีความรับผิดชอบต่อสังคมสูงที่สุด ที่ดูเหมือนว่ามีปัญหามากเพราะตำรวจทำงานคลุกคลีและสัมผัสกับสิ่งชั่วร้าย ภาพที่ออกไปจึงดูไม่ดีในสายตาของประชาชน " พล.ต.ท.วิเชียรโชติ กล่าว