xs
xsm
sm
md
lg

ทักษิณคิกออฟคาราวานแก้จน ปลุกสำนึกผู้ว่าซีอีโอทุ่มเทจิตใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ทักษิณ” ปล่อยคาราวานแก้จนเที่ยวแรกแล้ว สั่งผู้ว่าฯซีอีโอปลุกใจ เจ้าหน้าที่ก่อนโดดร่วมขบวน ลั่นต้องทำงานด้วยจิตวิญญาญาณฮึกเหิม อยากช่วยเพื่อนมนุษย์พ้นทุกข์จากความยากจน

เมื่อเวลา 11.40 น.วานนี้ (5พ.ย.)พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาแถลงผลงาน รัฐบาลในการแก้ปัญหาความยากจน ของศูนย์อำนวยการต่อสู่เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ (ศตจ.)ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมีคณะรัฐมนตรี หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งผู้ว่าราชการทั้ง 75 จังหวัดเข้าร่วมรับฟังนโยบาย

นายกรัฐนตรี กล่าวเปิดงานว่า รู้สึกดีใจที่ส่วนราชการมีความพร้อมในการแก้ปัญหาความยากจนเร็วกว่าที่คิดไว้ แต่อยากจะเพิ่มเติมเพื่อให้มั่นใจว่า จะเดินไปในทางเดียวกันและพร้อมๆกันทั่วประเทศ เชื่อว่าไม่อะไรเกินมือพวกเรา ถ้ามีจิตใจมุ่งมั่น การแก้ปัญหาความยากจนไม่ใช่เรื่องยาก รัฐบาลได้ทำทุกขั้นตอนเป็นเหมือนภาพจิ๊กซอว์ที่ต้องการเห็นภาพสุดท้ายคือ ความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน พ้นจากความยากจน มีโอกาสสร้างความร่ำรวย แต่ระหว่างทางมีขวากหนามมาก เราจะต้องมุ่งมั่นเพื่อให้ไปสู่จุดหมายปลายทางให้ได

ส่วนงบประมาณที่ใช้ไปมีจำนวนไม่มาก แต่เงินที่จะได้กลับมา ซึ่งเป็นผลผลิตจากเศรษฐกิจ ที่คนไทยจำนวนมากยากจนในวันนี้ไม่มีผลผลิต แต่กลับมาเป็นผู้มีผลผลิต ตรงนี้จะได้จำนวนมหาศาล ในที่สุดประเทศก็มั่งคั่งประชาชนก็สบาย พื้นฐานที่เราต้องการทำคือ อยากให้คนไทยมีพื้นฐานแห่งปัจจัย 4 ซึ่งรัฐบาลได้ทำไปหลายปัจจัยแล้ว และต้องทำต่อ

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่าสิ่งที่เราจะทำในวันนี้คือการบริการเชิงรุก เพราะการที่ประชาชนมาอำเภอด้วยภาวะจิตใจ ที่มีความกลัว ความไม่กล้า เมื่อมาถึงก็ไม่รู้ว่าจะขอรับบริการอะไร และไม่แน่ใจว่าทางราชการจะทำอะไรให้ แต่วันนี้เราจะทำงานเชิงรุก บุกไปถึงที่ ไปดูแต่ละครัวเรือนที่รายงานความยากจนมาเป็นเป้าหมายแรก ไปดูว่าเขามีศักยภาพอะไร แล้วเราจะสามารถพัฒนาศักยภาพของเขาได้อีกหรือไม่

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันอังคารนี้จะมีการพิจารณา เอสพีวี ซึ่งเป็นแนวคิดการแปลงผลผลิตเป็นเงิน และแปลงเงินเป็นผลผลิต เป็นหน่วยงานกลาง ซึ่งเป็นเทคนิคที่ใช้ในระบบทุนนิยม แต่เกษตรกรชาวบ้านคนจนไม่สามารถที่จะได้ประโยชน์จากระบบทุนนิยมขั้นสูง แต่ถูกบังคับว่าต้องแข่งขันในโลกทุนนิยม ฉะนั้นเราต้องเข้าไปช่วยเขา โดยครม.จะพิจารณาเรื่องนี้ในวันที่ 9 พ.ย.นี้

“ประชาชนคนไทยคนหนึ่งอาจจะปลูกข้าว เมื่อปลูกข้าวเสร็จก็รอข้าวโต ระหว่างรอข้าวโตถือว่าว่างงาน ระหว่างฤดูกาล ซึ่งมีเยอะมาก ดังนั้นเราจึงอยากให้เขาทำงานเหมือนคนทั่วไปที่ทำงาน 8.00 น. ถึง 17.00 น. ถ้าคนไทยทุกคนทำงานได้ตามเวลาที่ว่านี้ จะไม่มีคนจนเด็ดขาด ดังนั้นถ้าใครมีหนี้ก็ให้ไปปลูกป่า 10 ไร่ จะได้ไร่ละ 3,000 บาท และนำเงินนั้นมาใช้หนี้ สรุปแล้วแปลงหนี้ 3 หมื่น เป็นการปลูกป่า 10 ไร่ ทำให้หนี้หมดไป เรียกว่าเป็นการแปลงหนี้เป็นผลผลิต ส่วนผลผลิตข้าวที่ปลูกได้ ไม่ต้องนำมาใช้หนี้ถือเป็นรายได้ที่จะนำมาเลี้ยงครอบครัว นอกจากนี้ต้องหาทางปรับโครงสร้างหนี้ตามความเหมาะสมด้วย”

สำหรับคนพิการที่มีที่อยู่คับแคบ ลูกเต้าต้องคอยเลี้ยงดู กระทรวงพัฒนาสังคมฯ จะต้องหาสถานที่เพื่อนำคนพิการเหล่านี้ไปฝึกให้เขาช่วยตัวเองได้ โดยให้เครื่องไม้เครื่องมือและรถเข็น ไม่เช่นนั้นจะนั่งอยู่ทนทุกข์ทรมานนอนรอความตาย เด็กที่ต้องเรียนหนังสือต้องให้เขาเรียน วันนี้การแก้ปัญหาความยากจน คือการลงทุนร่อนทรัพยากรมนุษย์ครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศ เพื่อให้คนไทยทุกคนใช้ศักยภาพของตัวเองอย่างเต็มที่

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอีกว่า เราจะแก้ปัญหาเรื่องอบายมุขต่างๆ ด้วย โดยใช้จิตวิทยา ซึ่งอาจจะขอให้พระเข้าเข้ามาช่วยตรงนี้ด้วย ซึ่งบางครั้งคนที่อยู่ในอบายมุขเป็นเพราะชีวิตมองไม่เห็นแสงสว่าง และไปนึกว่าการเล่นหวยเป็นแสงสว่าง ยิ่งทำให้จนไปอีก เพราะคนเล่นหวยไม่เคยชนะ ข่าวที่ออกมักจะออกคนที่ถูกหวย ไม่เคยบอกว่าคนหมดตัว ฉะนั้นตรงนี้ ส่งสัญญาณให้เราต้องช่วยกันดู

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่เราจะมีคนบุกเข้าไปนั้น ก่อนอื่นขอผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งหลายอย่าให้คนเข้าไปทำงานเป็นเหมือนหุ่นยนต์ อย่าไปเพราะเขามีหน้าที่ต้องไป ต้องปลุกใจเขาก่อนว่า เขามีใจที่จะรักเพื่อนมนุษย์ อยากจะช่วยเพื่อนมนุษย์ที่มองไม่เห็นทาง เหมือนเส้นผมบังภูเขา บางครั้งจิตมันวุ่น ปัญหาหายหมดทำให้โง่ได้ง่ายๆ

ดังนั้นการที่เราจะเข้าไปช่วยเขานั้นเราจะต้องไปกับตัวเราด้วย และต้องทำด้วยจิตวิญญาณ ดังนั้นก่อนจะปล่อยคาราวาน อธิบายให้เจ้าหน้าที่เข้าใจด้วยว่าวันนี้เราได้เรียนหนังสือ เรามีครอบครัวที่ดี ไม่มีหนี้สิน แต่เพื่อนร่วมชาติของเราจำนวนหนึ่งยังลากบากอยู่มาก เขาไม่รู้ อย่าคิดว่าเขาโง่หรือเกียจคร้าน แต่เป็นเพราะเขาไม่มีโอกาส ไม่มีเพื่อนไม่รู้จะหาโอกาสอย่างไร ฉะนั้นเราต้องเข้าไปช่วยฝึกอาชีพ ให้คำแนะนำ สร้างโอกาส นั่งวิเคราะห์ปัญหาให้เขาเหล่านั้น สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น

ฉะนั้นผู้ที่จะออกคาราวาน ถ้าวันไหนใจไม่ไป ก็อย่าไป หาคนที่มีใจอยากไป เชื่อว่ามีอาสาสมัครอีกมากที่พร้อมเป็นแนวร่วม อย่าไปด้วยคัมภีร์ที่ตายตัว ต้องไปด้วยความอ่อนตัวที่จะรับฟังปัญหาและพร้อมที่จะมาสู่แนวทางการแก้ไขและไปด้วยความเมตตาธรรม หากเป็นไปได้ขอให้เอาผู้นำชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมด้วย เพราะเขาจะรู้ว่า ธรรมชาติของท้องถิ่นเขาเป็นอย่างไร

“วันนี้ผมบอกได้เลยว่า ถ้าใจผมไม่ห่วงประชาชน ใจผมไม่คิดว่าจะต้องแก้ปัญหาสังคม หรือความยากจนให้ได้ ผมก็ไม่สนุกกับงานแบบนี้หรอก แต่เพราะใจผมมองว่า จะต้องทำให้ได้และทำแล้วเห็นรอยยิ้มชาวบ้านมันทำให้มีความสุข นั่นแหละทำให้มีกำลังใจที่จะทำ บางทีมันล้า มันเหนื่อย แต่เหนื่อยพักเดี๋ยวก็หาย ถ้าใจมันสู่ หากใจไม่อยากทำ ใจเบื่อจะทำ ผมขอเลยผู้ราชการจังหวัดทั้งหลายต้องให้ใจของเจ้าหน้าที่ฮึกเฮิมและเต็มใจที่จะทำด้วย ตรงนี้จะทำให้การแก้ไขปัญหาความยากจนทำได้ง่ายและเร็ว ไม่ยากอย่างที่คิด”นายกรัฐมนตรี กล่าว

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า มีจิกซอร์อีกตัวหนึ่งที่กำลังทำคือ การตั้งคณะกรรมการแก้กฎหมายประเทศ ตรงนั้นเราเตรียมรอไว้สำหรับแก้ปัญหาของกฎหมายที่เป็นอุปสรรค์เชิงโครงสร้างของการแก้ปัญหาความยากจน ตอนนี้เราเตรียมความพร้อมไว้หมดแล้ว นอกจากนี้เรายังได้เตรียมเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานไว้แล้วด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำ การฟื้นธรรมชาติ โรงเรียน สถานพยาบาล เราได้เตรียมงบประมาณไว้ลุยเรื่องเหล่านี้แล้ว ฉะนั้นทุกอย่างจะเดินไปพร้อมๆ กันหมด วันนี้ต้องขอขอบคุณท่านทั้งหลายที่เตรียมความพร้อมไว้พอสมควร และเร็วกว่าที่คิด ซึ่งก่อนหน้านี้คิดว่าเลือกตั้งเสร็จแล้วถึงจะปล่อยคาราวานได้ แต่ปรากฏว่า วันนี้(5พ.ย.)เราปล่อยกันรอบแรกแล้ว โดยหลังเลือกตั้งเราจะมีอำเภอละคาราวาน ประจำไว้ที่นั่นเลย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้เราเดินมาถูกทางแล้ว และเดินเร็วกว่าที่คิด หากใครเหนื่อยล้าให้หยุดพัก ตนไม่คาดหวังให้มนุษย์เป็นเครื่องจักร มนุษย์ต้องขับเคลื่อนด้วยจิตใจ พลังใจและความแข็งแรงของร่างกาย ป่วยก็ต้องพัก เราจะช่วยประชาชนด้วยใจที่ต้องการให้เขาพ้นทุกข์ ขอเรียนว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพรางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทุกครั้งจะรับฟังด้วยความห่วงใยพสกนิกร อยากเห็นคนไทมีความสุข พ้นทุกข์ ทรงดำเนินการหลายเรื่องด้วยพระองค์เองและทรงให้พระราชดำริหลายเรื่องที่เป็นประโยชน์ ฉะนั้นพวกเราจะต้องรับใส่เกล้า และทำอย่างเต็มที่และถือว่าการทำครั้งนี้เพื่อแสดงความจงรักภักดีและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถผู้ที่ทรงเสียสละให้คนไทยทั้งหมด

“ผมรับทุกอย่างมาทำ เพราะความที่พระองค์ท่านทรงห่วงใยและในฐานะที่ผมมีหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมผ่ายบริหาร ทรงห่วงใยเรื่องใดผมต้องรับมาทำให้หมด เพราะถือว่าพระองค์ท่านได้ทรงเสียสละมามาก พวกเราต้องทุ่มเทให้มาก ฉะนั้น ขอให้ทุกคนมีกำลังใจและมีสติปัญหาและอานิสงค์แห่งการคิดดีทำดี”นายกรัฐมนตรี กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น