xs
xsm
sm
md
lg

จักรมณฑ์ปรับใหญ่อุตฯจังหวัด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยกเครื่องอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศ ปรับบทบาทจากเดิมที่แค่คุมโรงงาน เพิ่มการบริการ ให้ข้อมูลทุกเรืองเกี่ยวกับอุตาหกรรม -การลงทุน ทำหน้าที่สร้างผู้ประกอบการรายใหม่ พร้อมร่วมมือผู้ว่าฯ ทำแผนพัฒนาอุตสาหกรรมในระดับจังหวัด สั่งประสานข้อมูลบีโอไอ สศอ. และหน่วยงานในสังกัดเข้าด้วยกัน หวังให้ไทยมีศูนย์ข้อมูลอุตสาหกรรมครบวงจร

นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า วันที่ 11 พ.ย.นี้ กระทรวงอุตสาหกรรมจะเรียกประชุมอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศเพื่อกำหนดบทบาทใหม่ภายใต้ยุทธศาสตร์กระทรวงอุตสาหกรรมปี 2548 ที่จะต้องมุ่งสู่การบริการภาคประชาชนให้มาก โดยนโยบายของกระทรวงฯจะโอนอุตสาหกรรมจังหวัด ฝ่ายส่งเสริมอุตสาหกรรมจังหวัด กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ในระดับจังหวัด เข้ามาขึ้นตรงต่อสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อให้การประสานงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าวจะสอดคล้องกับแผนงานของภาครัฐที่ต้องการกระจายอำนาจเพื่อบริการประชาชนให้ทั่วถึงซึ่งจะต้องประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดหรือ ผู้ว่าซีอีโอ ดังนั้นบทบาท-ของอุตสาหกรรมจังหวัดซึ่งที่ผ่านมาจะทำหน้าที่ดูแลและควบคุมโรงงานอุตสาหกรรม จากนี้ไปจะต้องเพิ่มบทบาทในการบริการภาคประชาชนไปพร้อมๆ กันด้วย โดยจะต้องตอบคำถามเกี่ยวกับงานของกระทรวงอุตสาหกรรมภาพรวมและแต่ละแผนงานที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดนั้นๆ ให้ได้ รวมถึงการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือ BOI ด้วยซึ่งเปรียบเสมือนบริการด่านแรกของประชาชนในจังหวัดที่เกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรมหรือ First Line of Service

**จัดทำแผนอุตสาหกรรมจังหวัด

ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า นโยบายที่จะมอบให้อุตสาหกรรมจังหวัดไปดำเนินการที่สำคัญๆ คือ จะต้องจัดทำแผนพัฒนาอุตสาหกรรมของจังหวัด ขึ้นมา โดยให้มีความสอดคล้องใน 5 เรื่องได้แก่ 1. นโยบายกระทรวงอุตสาหกรรม ทั้งในเรื่องของผู้ประกอบการใหม่ โครงการพันธมิตรอุตสาหกรรมหรือ Cluster 2. แผนยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัด เพราะจำเป็นจะต้องประสานงานกับผู้ว่าซีอีโอ การพัฒนาอุตสาหกรรมจังหวัดจึงต้องสอดกับแผนจังหวัด

3. แผนการพัฒนาอุตสาหกรรมในจังหวัดที่ดูแล ซึ่งจะต้องเขียนแผนดำเนินการให้ชัดเจนว่าจะดำเนินการเช่นไร 4.จะต้องมีแนวทางการพัฒนาให้ความรู้กับประชาชนอย่างไร 5.จะมีแผนที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานราชการอื่นๆ และเอกชนทั้งสภาอุตสาหกรรมจังหวัด หอการค้าจังหวัดอย่างไร

"งานประจำของคุณก็ทำไป แต่ถ้าประชาชนมาสอบถามอะไรที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเช่น ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดตั้งโรงงาน ก็ต้องให้คำแนะนำ หรือหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับวิสาหกิจขนาดกลางและย่อมหรือสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ OTOP อาจจะตอบไม่ได้ดี ก็ต้องแนะนำต่อไปยังสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมภูมิภาค" ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าว

ทั้งนี้ ข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานข้างต้น จะมีประมาณ 1,500 คน ซึ่งเบื้องต้นจำเป็นจะต้องจัดหาอุปกรณ์ในการติดต่อสื่อสารที่สะดวกให้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์คงจะต้องมีการปรับเพิ่มให้มากขึ้นซึ่งจากการไปดูงานต่างหวัดพบว่ามีน้อยมากและยังล้าสมัย ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินงบประมาณไม่กี่ล้านบาทก็สามารถจัดซื้อให้มากพอได้กับการใช้งาน และระบบดังกล่าวจะต้องออนไลน์มายังกระทรวงอุตสาหกรรมทันทีเมื่อมีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้นเช่น กรณีโรงงานพลุระเบิดจะต้องออนไลน์แจ้งรัฐมนตรี และอธิบดีกรมที่เกี่ยวข้องและปลัดอุตสาหกรรมอย่างเร็วที่สุด

นายจักรมณฑ์ กล่าวว่า การปรับบทบาทครั้งนี้ถือเป็นแนวโน้มการบริหารประเทศที่จะต้องเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับสภาวะใหม่เพราะรัฐมีการกระจายอำนาจไปสู่ผู้ว่าราชการจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัดนั้นอยู่ท่ามกลางภาวะที่เปลี่ยนไป ช่องว่างระหว่างระบบราชการกับเอกชนเริ่มห่างกันมากขึ้น ระบบราชการต้องปรับเปลี่ยนให้ทันแม้ว่าเรื่องนี้จะไม่ง่ายนัก และต้องอาศัยเวลาในการปรับความคิดของราชการก็ตามแต่ทุกฝ่ายก็ต้องพยายามทำให้ดีที่สุด

**พูลข้อมูลบีโอไอ-สศอ.-ก.อุตฯ

สำหรับบทบาทของบีโอไอนั้นได้รับนโยบายจาก นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.อุตสาหกรรม ที่ต้องการให้ดูแลในเรื่องของตัวเลขการขอรับการส่งเสริมการลงทุนกับตัวเลขลงทุนจริงว่าเป็นอย่างไรเพื่อให้สามารถกำหนดทิศทางการลงทุนและเศรษฐกิจอย่างแม่นยำนั้นในเรื่องนี้ ได้เตรียมที่จะให้บีโอไอออกจำนวนตัวเลขของบัตรส่งเสริมการลงทุนควบคู่ไปกับตัวเลขจำนวนการเปิดโรงงานจริง เพื่อที่จะบอกว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างชัดเจนและบทบาทของข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรมซึ่งดูแลโดยสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) จะต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเป็นระดับนโยบาย เช่น การทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีหรือ FTA เป็นต้น โดยทั้งหมดจะต้องเชื่อมโยงกันให้เป็นระบบศูนย์ข้อมูลที่สมบูรณ์

**คุมเข้มสิ่งแวดล้อมเพิ่ม

นายจักรมณฑ์ กล่าวอีกว่า งานทางด้านการควบคุมของกระทรวงอุตสาหกรรม ไม่ใช่เพียงแค่ให้ใบอนุญาตเท่านั้นจะต้องมุ่งเน้นในเรื่องของสิ่งแวดล้อมด้วย เพราะขณะนี้ไทยมีหน่วยงานหรือกลไกในการติดตามทางด้านนี้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว คือ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดังนั้นกรมโรงงานอุตสาหกรรมจะไปส่งเสริมให้เปิดโรงงานที่ใด จากนี้ไปจะต้องเหลียวกลับมาดูว่าทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างไร และมากน้อยเพียงใดด้วย ซึ่งงานตรวจสอบคุณภาพของสินค้าไทยมีหลายหน่วยงานซึ่งส่วนใหญ่อุตสาหกรรมส่งออกมักจะถูกตรวจสอบโดยตัวเองอยู่แล้วและไม่มีปัญหา จะมีเพียงสิ่งที่คงต้องลงไปดูให้มากคือ วิสาหกิจขนาดกลางและย่อม หรือ SMEs หรือสินค้าชุมชน

"กรณี SMEs นั้นเรายังเป็นประเทศสังคมเกษตร สินค้าเหล่านี้คงจะต้องค่อยๆ พัฒนากันไปจะเข้มงวดมากคงไม่ได้นักต้องอาศัยเวลาในการปรับตัว อะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกับชิวิตมากก็คงต้องปล่อยๆไปบ้างแต่อะไรที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต เช่น สาโท อาหาร แบบนี้คงจะต้องเข้าไปดูกระบวนการผลิตบ้าง ซึ่งหากถามว่าวันนี้กฏระเบียบของไทยเยอะไหมตอบเลยว่าเยอะมาก การตั้งโรงงานนับกันดีๆ นะอาจต้องผ่านถึง 250 โต๊ะ เหล่านี้ทางรัฐบาลได้มอบให้ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร เป็นประธานในการปรับระเบียบต่างๆ ของราชการอยู่เสร็จแล้วระยะยาวอาจมีการแก้ก็จะทำให้อะไรๆ สะดวกและง่ายขึ้น"นายจักรมณฑ์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น