xs
xsm
sm
md
lg

เบื้องลึก เบื้องหลัง เหตุการณ์ตากใบ (1)

เผยแพร่:   โดย: สิริอัญญา

หลังจากการก่อเหตุการณ์ใหญ่ในสถานการณ์เจาะไอร้องเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 ตามมาด้วยการก่อวินาศกรรมครั้งใหญ่ในวันที่ 22 เมษายน 2547 และเหตุการณ์กรือเซะในวันที่ 28 เมษายน 2547 แล้ว เหตุการณ์ตากใบที่เกิดขึ้นในวันที่ 25 ตุลาคม 2547 ก็คือเหตุการณ์ร้ายครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

เป้าหมายของการก่อสถานการณ์คงเป็นไปดังที่พายัพ วนาสุวรรณ ได้รายงานไว้ในผู้จัดการรายวัน ฉบับวันที่ 14 ตุลาคม 2547 นั่นเอง คือมุ่งหมายที่จะนำพาสถานการณ์ของประเทศไทยไปสู่ปลายทางสองอย่าง คือแบบมินดาเนาของฟิลิปปินส์ หรือไม่ก็เป็นแบบติมอร์ตะวันออก

แบบมินดาเนาของฟิลิปปินส์คือเหตุการณ์แบ่งแยกดินแดนที่เกิดขึ้นแล้วรัฐบาลของประเทศนั้นต้องจำยอมให้ต่างชาติเข้ามาช่วยเหลือและตั้งฐานทัพในประเทศ และในที่สุดก็เกิดการสู้รบที่ไม่มีวันสิ้นสุด มีผลทำให้แสนยานุภาพเข้ามาตั้งและควบคุมสถานการณ์ของฟิลิปปินส์อย่างถาวรจนถึงทุกวันนี้

แบบติมอร์ตะวันออกคือเหตุการณ์แบ่งแยกดินแดนที่เกิดขึ้นแล้ว รัฐบาลของประเทศอินโดนีเซียไม่ยินยอมให้ต่างชาติเข้ามาช่วยเหลือหรือตั้งฐานทัพ ในที่สุดชาติมหาอำนาจก็สุมหัวกันเสนอต่อองค์การสหประชาชาติให้แยกติมอร์ตะวันออกออกเป็นประเทศอิสระดังที่เป็นอยู่

ประเทศไทยของเรากำลังตกอยู่ในแผนการอุบาทว์ที่จะถูกนำพาไปสู่ที่หมายปลายทางไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งดังที่กล่าวแล้วนั้น

ความจริงเหตุการณ์กรือเซะก็น่าจะเป็นเหตุการณ์ระเบิดได้เป็นผลสำเร็จ แต่ปรากฏว่าหลังเหตุการณ์กรือเซะแล้วไม่มีชาติมุสลิมชาติใดตำหนิติเตียนประเทศไทย และพี่น้องมุสลิมส่วนใหญ่ในประเทศไทยก็เข้าใจสถานการณ์ดีว่านั่นเป็นแผนการร้ายของอสูรสงคราม ที่มีเป้าหมายลึกไปกว่านั้นคือการทำลายโลกอิสลามและชาติมุสลิมทั้งปวง เพื่อกดหัวมุสลิมทั่วโลกให้ตกอยู่ในอำนาจของซาตาน

รัฐบาลไทยได้แก้ไขสถานการณ์ครั้งนั้นอย่างทันเกม ทันการณ์ และทันกล สามารถแยกรัฐบาลไทย ประชาชนไทย และประเทศไทย ออกจากความรับผิดชอบ โดยยอมเสียขุนพลสองคน คือยอมเสียพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ต่อประชาชนไทยที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ และยอมเสียพลเอก พัลลภ ปิ่นมณี ต่อพี่น้องมุสลิมที่ไม่เข้าใจสถานการณ์

เราขอสดุดีความเสียสละเหล่านี้ซึ่งแม้วันนี้คนจำนวนหนึ่งจะยังไม่เข้าใจ แต่ในวันข้างหน้าเมื่อมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกิดขึ้นแล้ว เกียรติภูมิและคุณูปการของสองขุนพลนี้คงจะฟื้นคืนดังตัวอย่างที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งที่มีการกล่าวหาพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ว่าเป็นคอมมิวนิสต์ และในที่สุดก็สามารถสยบสงครามกลางเมืองกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยได้สำเร็จ

แต่เมื่อเหตุการณ์กรือเซะจุดไฟไม่ติด ไม่สามารถนำพาสถานการณ์ไปสู่เป้าหมายดังกล่าวได้ ความพยายามที่จะก่อสถานการณ์ใหญ่ครั้งใหม่จึงเกิดขึ้น เหตุการณ์ที่ตากใบในวันที่ 25 ตุลาคม 2547 จึงไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร้ที่มาและไร้ที่ไป

เป็นเหตุการณ์ที่ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศไม่ว่าจะมีเชื้อชาติ ศาสนา เพศ วัย และวัฒนธรรมประเพณีใด ควรต้องรู้เท่าทันเพื่อจะได้ไม่ตกลงไปในบ่วงกลอันแยบยล ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยของเราต้องก้าวลึกลงไปใกล้เป้าหมายที่ถูกวางไว้กว่าที่เป็นอยู่

ทั้งควรเป็นภาระหน้าที่ของประชาชาติไทยทั้งมวลที่ต้องร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจกันทำความเข้าใจที่ถูกต้องให้เกิดขึ้น สร้างความสามัคคีสมานฉันท์เป็นพลังแผ่นดินอันยิ่งใหญ่ในการกอบกู้ฟื้นฟูสถานการณ์ให้ฟื้นคืนดี จนกระทั่งสามารถนำความสงบสุขกลับคืนสู่แผ่นดินปลายล่างสุดของแหลมทองของอาณาจักรไทยให้สำเร็จจงได้

พรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองต่าง ๆ ตลอดจนพลังมวลชนต่าง ๆ จะต้องไม่ถือเอาเรื่องนี้มาเป็นเกมกลเล่นการเมืองเพื่อแย่งชิงอำนาจกันอีกต่อไป จะต้องถือว่าเป็นภารกิจร่วมกันในการปกป้องพิทักษ์รักษาประเทศชาติของเราให้ดำรงคงความเป็นเอกภาพอย่างยั่งยืนต่อไป และสร้างสรรค์สันติภาพ สันติสุข เพื่อความผาสุกร่มเย็นของอาณาประชาราษฎรโดยถ้วนหน้ากัน

ดังนั้นเพื่อประโยชน์แห่งความเข้าใจของที่มา ที่ไป ตลอดจนเบื้องลึก เบื้องลับต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้งกระบวน จึงเป็นภาระหน้าที่ของสื่อมวลชนไทย ที่จะต้องเข้าแบกรับไว้บนบ่า และถือว่าคอลัมน์นี้ก็มีภาระหน้าที่ส่วนนี้อยู่ด้วย จึงต้องทำหน้าที่ไปตามกำลังสติปัญญาความสามารถ

อาจจะใช้เนื้อที่ยืดยาวไปบ้างแต่ก็มีความจำเป็น ดังนั้นจึงขอนำเสนอเรื่องราวเป็นลำดับไป

ยังขอยืนยันว่าเป้าหมายปลายทางของการก่อสถานการณ์ทั้งหลายนั้นเป็นไปดังที่พายัพ วนาสุวรรณ ได้ชี้ไว้ก่อนหน้านี้ นั่นคือประเทศไทยและประชาชนไทยไม่มีทางเลือกอย่างอื่น นอกจากอนาคตสองทางเท่านั้น คือ ทางแรกที่ต้องสามัคคีสมานฉันท์กันให้แน่นแฟ้น นำความสงบสุขกลับคืนสู่พื้นที่ชายแดนภาคใต้ให้สำเร็จ หรือทางที่สอง ที่ชาติบ้านเมืองของเราจะต้องมีสภาพไม่เป็นแบบอย่างมินดาเนาของ ฟิลิปปินส์ ก็เป็นแบบติมอร์ตะวันออก

ประชาชาติไทยทั้งมวลจะหลีกพ้นจากความรุนแรงและสงครามการเมืองอันหฤโหดได้ก็ต้องมีความเข้าใจที่ถูกต้องต่อกัน มีความเมตตาอาทรต่อกัน ไม่ตกเป็นเครื่องมือของการแบ่งแยกทำลาย และที่สำคัญคือจะต้องยืนหยัดอยู่บนผลประโยชน์ของชาติ ตลอดจนเอกราชอธิปไตยอย่างแน่นแฟ้นและเด็ดเดี่ยวที่สุด จะต้องแยกการเล่นการเมืองในประเทศออกจากผลประโยชน์แห่งชาติดังกล่าวอย่างชัดเจนที่สุดด้วย

ทั้งยังต้องพร้อมที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างยืดเยื้อยาวนาน เพราะสถานการณ์ได้ผ่านพ้นภาวะชั่วคราวมาแล้ว สถานการณ์ในวันนี้มีหนทางปฏิบัติสองประการ คือขยายปัญหาหรือระงับยับยั้งแก้ไขปัญหา และเพื่อไม่ให้สถานการณ์ถูกนำไปสู่เป้าหมาย ที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ประชาชาติไทยทั้งมวลจึงมีแต่ต้องร่วมกันยับยั้งแก้ไขปัญหาทางเดียวเท่านั้น

การกระทำใด ๆ ที่เป็นไปในทางขยายปัญหา หรือสร้างปัญหาเพิ่มขึ้น ไม่ว่าโดยใครหรือฝ่ายใดก็ตามล้วนเป็นสิ่งที่ขัดต่อผลประโยชน์แห่งชาติ และไม่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชาติไทยส่วนใหญ่ และไม่เป็นไปเพื่อการสร้างสันติภาพและสันติสุขภายในประเทศของเรา

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่อำเภอตากใบ ในวันที่ 25 ตุลาคม 2547 ไม่ใช่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติหรือโดยความเรียกร้องต้องการของประชาชนอำเภอตากใบ หรือของญาติพี่น้องของผู้ต้องหาเกี่ยวกับการแจ้งความเท็จเรื่องอาวุธปืนจำนวน 6 คน แต่เป็นเรื่องของการจงใจก่อสถานการณ์อย่างชัดเจน มีการประสานงานกับมวลชนในหลายพื้นที่ รวมทั้งในพื้นที่อำเภอตากใบ เพื่อให้มาร่วมชุมนุมยังจุดที่นัดหมายในเวลาเดียวกัน

มีที่น่าสังเกตว่าในตอนต้นที่เกิดเหตุ มีการรายงานข่าวจากภาครัฐว่าผู้มาชุมนุมไม่ใช่มวลชนในพื้นที่อำเภอตากใบ แต่มาจากอำเภออื่น โดยเฉพาะอำเภอที่เป็นเขตเลือกตั้งที่มี ส.ส. กลุ่มวาดะห์อยู่ แต่ต่อมาภายหลังความจริงก็ประจักษ์ชัดว่าเป็นข่าวเท็จ เพราะผู้ตายและผู้ถูกจับจำนวนมากเป็นคนในพื้นที่อำเภอตากใบ การชงข่าวเท็จแบบนี้ให้ความหมายเป็นสองนัยคือทำลายความเชื่อถือข่าวสารของรัฐอย่างหนึ่ง และเป็นนัยทางการเมืองอีกอย่างหนึ่ง

เป็นนัยที่ต้องการให้มีการจับตาเพ่งเล็งไปยังกลุ่มวาดะห์ของพรรคไทยรักไทยว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้ นี่เป็นวัตถุประสงค์ทางการเมืองของการรายงานข่าวเท็จนี้ ซึ่งอาจสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของกลุ่มจัดการชุมนุมที่มุ่งหมายกระทำต่อกลุ่มวาดะห์และพรรคไทยรักไทย จึงนับว่าเป็นนัยทางการเมืองที่สำคัญและน่าวิเคราะห์เจาะลึกให้มากขึ้น

มีข้อมูลที่แน่นหนาเชื่อถือได้ว่ามีการแจกจ่ายเงินเป็นค่าจ้างให้แก่กลุ่มเจ้าของรถกระบะกันที่อำเภอปานาเระโดยหัวคะแนนใหญ่ของพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง แต่เมื่อเป็นข่าวเพียงชั่วแวบเดียวแล้วก็หายลับไปกับสายลม เพราะไม่มีการดำเนินการใด ๆ ในทางที่ทำให้ความจริงกระจ่างขึ้น อะไรกำลังเกิดขึ้นในพื้นที่กันแน่? เป็นคำถามที่ทุกคนพึงต้องการและแสวงหาคำตอบให้ได้

ในระดับปฏิบัติการส่วนนี้จึงเกี่ยวข้องกับการเมืองในประเทศ ที่ต้องการทำให้ประชาชนไทยเข้าใจว่ากลุ่มวาดะห์และพรรคไทยรักไทยเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ในขณะที่ตัวการซึ่งปฏิบัติการในการว่าจ้างและวางแผนสร้างภาพให้เป็นไปตามที่ต้องการนั้นเป็นอีกขั้วหนึ่ง

และพลันที่เกิดเหตุการณ์ เสียงขานรับขยายผลทางการเมืองก็เกิดขึ้นต่อเนื่องราวกับเป็นระนาดในเรื่องโหมโรง!

แต่นั่นเป็นเรื่องของการปฏิบัติในระดับชั้นใกล้จะล่างสุด ที่เหนือไปกว่านั้นยังมีอีก ข้อสังเกตสำคัญอยู่ที่การจำเพาะเจาะจงเลือกห้วงเวลาอันเป็นเทศกาลรอมฎอนหรือเทศกาลถือศีลอดอันสูงส่งของพี่น้องมุสลิม ซึ่งจะสอดคล้องกับการสร้างกระแสในพื้นที่ก่อนหน้านี้แล้วว่า เมื่อครั้งพระศาสดานะบีมูฮะหมัดยังมีพระชนม์ชีพอยู่นั้นก็ได้ทำสงครามเพื่อปกป้องมุสลิมในเทศกาลรอมฎอนอันควรที่มุสลิมทั้งปวงจะได้ถือเป็นแบบอย่าง

สื่อมวลชนและนักวิชาการบางกลุ่มก็ได้ขยายผลประวัติศาสตร์อิสลามตอนนี้อย่างกว้างขวาง แต่เป็นการนำเสนอเพียงส่วนเดียว มุมเดียว โดยปกปิดบิดเบือนส่วนทั้งหมดไว้ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในหมู่พี่น้องมุสลิม

โดยประวัติศาสตร์อิสลามนั้นเทศกาลรอมฎอนเป็นเทศกาลศักดิ์สิทธิ์และสูงส่งที่มวลมุสลิมจะน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและพระเมตตาคุณของพระอัลเลาะห์เป็นเจ้า ที่ทรงประทานพระคัมภีร์อัลกุรอานแก่พระศาสดานะบีมูฮะหมัดเพื่อเป็นแนวทางในการสร้างสันติภาพและสันติสุขในมวลหมู่มนุษย์ เป็นเทศกาลที่มุสลิมทั้งปวงจะละบาป บำเพ็ญบุญ และงดการดื่มกินตั้งแต่พระอาทิตย์อุทัยจนถึงเวลาที่พระอาทิตย์อัสดงเป็นเวลา 1 เดือน หลังจากที่ได้ใช้ชีวิตปกติสุขมาเป็นเวลา 11 เดือน

ในห้วงเวลาเช่นนี้พี่น้องมุสลิมจะไม่กระทำบาปทั้งปวง จะบำเพ็ญความดีให้ถึงพร้อม จะไม่ก่อความรุนแรงใด ๆ จะไม่เบียดเบียนผู้อื่นไม่ว่าในทางใด ๆ และจะพร้อมน้อมรับเอาความทรมานจากการอดอาหารและน้ำดื่ม แม้กระทั่งน้ำลายของตนเอง ซึ่งทำให้ร่างกายอ่อนแอ แต่เป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณ

เทศกาลรอมฎอนจึงไม่ใช่เทศกาลก่อความรุนแรงหรือก่อสงคราม และไม่ใช่เทศกาลแห่งการชุมนุมประท้วงใด ๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นเหตุไฉนเล่าจึงมีผู้จงใจอาศัยเทศกาลรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ชักนำพี่น้องมุสลิมให้กระทำการดังที่รู้เห็นกันอยู่.
กำลังโหลดความคิดเห็น