xs
xsm
sm
md
lg

พิสูจน์”บั้งไฟพญานาค”หนองคาย ศรัทธาในตำนาน!หรือปฏิกิริยาเคมี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หนองคาย-ประชาชนเรือนแสนเตรียมเดินทางชมปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ ”บั้งไฟพญานาค”กลางน้ำโขงเมืองหนองคาย ผู้ว่าฯยืนยันพร้อมทุกด้านรับนักท่องเที่ยวทั่วสารทิศ เตรียมโชว์การแสดงแสงสีเสียง ”ตำนานบั้งไฟ” ยิ่งใหญ่ ขณะที่โรงแรมที่พัก รวมทั้งโปรแกรมนำเที่ยวถูกจองเต็มหมดแล้ว พิเศษสุดคืน 28 ข้ามโขงดูบั้งไฟฯฝั่งลาว 29 ข้ามกลับรอลุ้นริมโขงฝั่งไทย

พลบค่ำของวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ประชาชนเรือนแสนจากทั่วทุกสารทิศทั้งคนไทยและต่างชาติ ต่างมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ นั่งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง อ.โพนพิสัย กิ่งอ.รัตนวาปี จ.หนองคาย เพื่อรอชมลูกไฟสีแดงอมชมพูที่พุ่งขึ้นกลางลำน้ำโขงอย่างน่าอัศจรรย์ หรือ ที่รู้จักกันในนามว่า “บั้งไฟพญานาค”

ลูกไฟประหลาดนี้จะพุ่งจากแม่น้ำโขงขึ้นสูงเป็นแนวตรง 50-150 เมตร แล้วหายไป ขนาดตั้งแต่หัวแม่มือถึงฟองไข่ไก่ ไม่มีกลิ่น ไม่มีควันไม่มีเสียง ไม่มีการตกลงมา เดิมชาวหนองคายเรียกว่า “บั้งไฟผี” ส่วนชาวเวียงจันทน์ สปป.ลาว เรียก “ดอกไม้ไฟน้ำ”ชาวหนองคาย และชาวเวียงจันทน์ ได้เชื่อมโยงพุทธประวัติครั้งพระพุทธเจ้าเสด็จโปรดพระนางสิริมหามายา พุทธมารดา ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ 1 พรรษา จนดับขันธ์ปรินิพพาน และเสด็จสู่โลก วันออกพรรษานี้พร้อมผายพระกรออกเป็นพระพุทธรูปปางเปิดโลก

ชาวพุทธเชื่อกันว่าสวรรค์มนุษย์และบาดาลจะเปิดถึงกันในวันนี้ เหล่าพญานาคทั้งหลายต่างพ่นลูกไฟถวายชื่นชมยินดี จึงเป็นที่มาของ “บั้งไฟพญานาค” ตามความเชื่อและศรัทธา ยิ่งในขณะที่หลายคนมีคำถามเกิดขึ้นในใจว่า ปรากฎการณ์ “บั้งไฟพญานาค” เกิดขึ้นได้อย่างไร เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติเป็นผู้บรรจงสรรสร้างขึ้น ! หรือเกิดจากน้ำมือของมนุษย์เป็นผู้ปั้นแต่งขึ้นหลอกลวงมนุษย์ด้วยกันเอง!

จากผลการศึกษาวิจัยของนายแพทย์มนัส กนกศิลป์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงพยาบาลหนองคาย ผู้ศึกษาค้นคว้าวิจัยปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคนานหลายปีและได้ข้อสรุปเชิงวิทยาศาสตร์ว่า บั้งไฟพญานาคเกิดจากก๊าซมีเทน–ไนโตรเจน และสาเหตุที่บั้งไฟพญานาคเกิดขึ้นในช่วงวันออกพรรษาเท่านั้น เนื่องจากแม่น้ำโขงเดือน 11 มีระดับความลึกของน้ำพอเหมาะสำหรับการเจริญของเชื้อแบคทีเรีย วันเพ็ญเดือน 11 มีเปอร์เซ็นต์ออกซิเจนเฉลี่ยสูงสุดในรอบปี ซึ่งแสดงว่าแรงโน้มถ่วงของดวงอาทิตย์และดวงจันทน์ที่มีต่อหนองคายจะสูงสุดในวันดังกล่าว

เป็นวันที่ดวงอาทิตย์และดวงจันทน์อยู่ใกล้โลกมากที่สุดพร้อมกันทำให้รังสียูวี ชนิด C เหลือมากพอ ณ ระดับผิวโลก ที่จะทำให้โมเลกุลออกซิเจนที่หนาแน่นมากที่สุดในวันนั้นแตกตัวได้ Ionized Atomic Oxygen ได้มากที่สุดในรอบปีทำให้ฟองก๊าซมีเทน – ไนโตรเจนที่มีเปอร์เซ็นต์เหมาะสมเข้าทำปฏิกิริยาได้ง่ายและบรรยากาศแยกกันคนละส่วนเกิดปฏิกิริยาสัมผัสกับฟองก๊าซลุกติดไฟเกิดเป็นบั้งไฟพญานาค

อย่างไรก็ตามเมื่อปี 2546 ที่ผ่านมานายพินิจ จารุสมบัติ รองนายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้นำคณะนักวิทยาศาสตร์พร้อมด้วยอุปกรณ์ตรวจจับความไวแสง และอุปกรณ์ที่ทันสมัยมากมายลงเรือพิสูจน์ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาตินี้

ได้ข้อสรุปว่า บั้งไฟพญานาคเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ซึ่งเชื่อมโยงกับระดับน้ำและการทับถมของซากพืชซากสัตว์ หากปีไหน จ.หนองคาย เกิดน้ำท่วมพื้นที่ ปีนั้นจะมีบั้งไฟพญานาคขึ้นมาก

สำหรับวันออกพรรษาในปี 2547 นี้ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ตรงกับวันพฤหัสบดี ที่ 28 ต.ค.และจากคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่บอกว่า หากปีไหนมีเดือน 8 สองหน ทำให้วันออกพรรษาของไทย กับวันออกพรรษาของลาวไม่ตรงกัน ปีนั้นจะเกิดบั้งไฟพญานาคขึ้นให้เห็น 2 วัน

จึงมีการคาดการณ์กันว่าปีนี้บั้งไฟพญานาคจะพวยพุ่งขึ้นกลางลำน้ำโขง ในวันที่ 28 และ 29 สองวันติดต่อกัน โดยเฉพาะที่ อ.โพนพิสัย และ กิ่ง อ.รัตนวาปี ที่มีสถิติการเกิดบั้งไฟพญานาคมากที่สุดนับร้อยลูก

นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า ขณะนี้ทางจังหวัดได้เตรียมความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค ทั้งด้านที่พัก โรงแรม รีสอร์ท เกสต์เฮ้า ต่าง ๆ และยังเปิดศาลากลางจังหวัด และที่ว่าการอำเภอแต่ละแห่งให้นักท่องเที่ยวสามารถกางเต้นท์นอนพักได้ ด้านอาหาร การบริการ ควบคุมราคาสินค้าไม่ให้ฉวยโอกาสขึ้นราคา การจัดการด้านจราจร

ทั้งยังมีกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว คือ การแสดง แสง เสียง เปิดตำนาน บั้งไฟพญานาคบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง เล่าขานตำนานบั้งไฟพญานาคตามความเชื่อและศรัทธาของชาวหนองคาย การแข่งขันเรือยาว การลอยเรือไฟบูชาพญานาค นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาชมบั้งไฟพญานาค ยังสามารถเดินทางไปเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ของจังหวัดหนองคาย เช่น หลวงพ่อพระใส ที่วัดโพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย พระธาตุบังพวน หรือจับจ่ายซื้อของที่ตลาดท่าเสด็จ แวะชมสะพานมิตรภาพไทยลาว ซึ่งจะสร้างความประทับใจให้แก่ทุกท่านที่มาเที่ยว นอกเหนือจากการชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคแล้ว

นายยุทธนา ศรีตะบุตร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองคาย เปิดเผยว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองคาย และองค์การบริหารส่วนตำบลต่าง ๆ ในจังหวัด ได้รับมอบหมายในการเตรียมพื้นที่ร่วมกัน มีการกำหนดเส้นทาง จัดทำแผ่นพับประชาสัมพันธ์เส้นทาง สถานที่เกิดปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคตามจุดต่าง ๆ แจกจ่ายไปตามจังหวัดต่าง ๆ ทั่วทุกภาคของประเทศ มีการจัดทำป้ายประชาสัมพันธ์

นอกจากนี้ ยังให้การสนับสนุนเสื้อสะท้อนแสง ซึ่งจะมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่คอยอำนวยความสะดวก และจัดการด้านการจราจรตามถนน ทางเลี้ยว ทางแยกต่าง ๆ ในยามค่ำคืน เพื่อให้สามารถมองเห็นได้ ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้งยังได้ประสานความร่วมมือด้านโฮมเสตย์กับทางสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดหนองคาย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดการด้านที่พัก สถานที่ ป้ายประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ

ด้านนายพลัฎ จันทรโสพิณ ประธานชมรมทัวร์จังหวัดหนองคาย กล่าวว่า ขณะนี้บริษัททัวร์ นำเที่ยวต่าง ๆ ของจังหวัดมีการจองเต็มหมดแล้ว ทางทัวร์เองก็ได้จัดโปรแกรมสำหรับนักท่องเที่ยวพิเศษในปีนี้ ด้วยการพาไปพักยังนครเวียงจันทน์ สปป.ลาว เพื่อชมบั้งไฟพญานาคในคืนวันที่ 28 ต.ค. แล้วพากลับมาชมที่ อ.โพนพิสัย คืนวันที่ 29 ต.ค.ซึ่งได้รับเสียงตอบรับจากนักท่องเที่ยวสูงมาก ทั้งที่เคยมาดูแล้ว ก็พาญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงมาดูอีก

ปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง จ.หนองคาย นับเป็นเรื่องมหัศจรรย์ หากมีโอกาสต้องพิสูจน์ให้เห็นด้วยตาตัวเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น