ผลสอบกรือเซะ ย้อนใส่ “พล.อ.พัลลภ” พร้อมทหารคู่ใจ ญาติผู้เสียชีวิตยื่นฟ้องต่อศาลอาญาปัตตานี หลังกก.สอบกรณีมัสยิดกรือเซะ สรุปว่าเจ้าหน้าที่กระทำเกินกว่าเหตุ อดีต ผบ.ฉก.ปัตตานี ยันทำตามหน้าที่ถ้าปล่อยไว้จะถูกเล่นงานฐานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่
ผู้สื่อข่าวรายงานจากศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ วานนี้ (26 ต.ค.) พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี รอง ผอ.กอ.รมน.ได้ไปเปิดตัวหนังสือ “ผมผิดหรือ ที่ยึดกรือเซะ” ที่ พล.อ.พัลลภ เขียนเอง
พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ตนเองและ ผู้ใต้บังคับบัญชาสองนาย คือ พ.อ.มนัส คงแป้น รอง ผบ.ร.25 และ อดีต ผบ.ฉก.ปัตตานี ซึ่งดูแลพื้นที่บริเวณมัสยิดกรือเซะ ในวันเกิดเหตุการณ์วันที่ 28 เม.ย. กับ หัวหน้าชุดรบพิเศษที่คุมกำลังรบในวันนั้น กำลังจะตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาจากผลสรุปของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีกรือเซะ ที่มีนายสุจินดา ยงสุนทร เป็นประธาน ที่สรุปผลออกมาว่าการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เกินกว่าเหตุ ซึ่งตนได้รับทราบข้อมูลว่า ญาติผู้เสียชีวิต ได้ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดปัตตานี หลังจากที่มีการไต่สวนคดีที่อัยการร้องต่อศาล ให้สืบสวนกรณีการตายผิดธรรมชาติของผู้ที่เสียชีวิตภายในมัสยิดกรือเซะ เมื่อวันที่ 17-18 ตุ.ค.ที่ผ่านมา แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับหมายศาลแต่อย่างใด
พล.อ.พัลลภ ยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุ แต่คณะกรรมการซึ่งไม่ใช่ทหารจะไม่รู้ขั้นตอนของทหาร จึงเห็นว่าการใช้ระเบิดมือ ปาเข้าไปในมัสยิดกรือเซะ อันเป็นเหตุให้ผู้ก่อความไม่สงบเสียชีวิตเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ซึ่งหลักการปฏิบัติทางทหารวันนั้นมีทหารจากรบพิเศษเข้าไปจำนวน 6 คน ใช้ระเบิดมือ 8 ลูก เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับการต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามที่อยู่ในที่มั่นดัดแปลงแข็งแรง อีกทั้งระเบิดที่ใช้ก็ล้วนแต่เป็นภาษีอากรของประชาชน ในการให้เราซื้อเพื่อป้องกันรักษาความสงบเรียบร้อยให้เกิดขึ้นกับประเทศของเรา
“จะใช้ระเบิด 8 ลูกหรือ 20 ลูกก็มีความหมายเหมือนกัน หากเป็นนักโทษประหารชีวิตเพชรฆาตจะยิง 20 นัด หรือ 5 นัดก็ต้องตายเหมือนกัน จะมาบอกว่า คนนี้ทำดียิงแค่ 5 นัดก็พอมันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร ความจริงผมไม่ได้โกรธคณะกรรมการแม้แต่น้อย เพราะท่านไม่เข้าใจยุทธวิธีทางทหาร ที่เมื่อมีภารกิจก็จะมีขั้นตอนการปฏิบัติอยู่ แต่หลักคือทำให้ภารกิจจบสิ้นโดยเร็ว”
พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า สิ่งที่ไม่เข้าใจคือเหตุใดคณะกรรมการฯ จึงให้ชดใช้ ค่าเสียหายให้กับผู้เสียชีวิตทั้ง 32 คน ทั้งที่ตามหลักแล้วผู้ใดที่คิดเป็นกบถต่อแผ่นดิน ในอดีตต้องมีโทษประหารชีวิต 7 ชั่วโคตร ในขณะที่ ทหาร และตำรวจในพื้นที่ ตายไปแล้วเกือบ 600 คน
ด้าน พ.อ.มนัส คงแป้น รอง ผบ.กรมทหารราบที่ 25 อดีต ผบ.ฉก.ปัตตานี
กล่าวว่า ทราบแต่ข่าวว่ามีการฟ้องร้องตน แต่ไม่ทราบรายละเอียด ซึ่งญาติผู้ตาย สามารถฟ้องได้ ซึ่งก็ดีเหมือนกัน จะได้หายข้องใจกันเสียที ให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน เหตุการณ์ในวันนั้นถ้าตนเองไม่ทำอะไรปล่อยให้เหตุการณ์ลุกลามก็ถือว่ามีความผิด ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เหมือนกัน แต่ยืนยันว่าเราทำตามหน้าที่ และทำตามกฎหมายบ้านเมืองที่อำนาจตามประกาศกฎอัยการศึกให้ไว้ จากนี้ไปจะได้มีการทบทวนกันเสียทีว่าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่ได้มีหลักประกันใดๆ ในการปฏิบัติหน้าที่ และ จุดอ่อนที่เกิดขึ้นเพราะผลสรุปของคณะกรรมการฯ ออกมาบอกว่า เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ เมื่อผลออกมาก็นำมาฟ้องได้
ผู้สื่อข่าวรายงานจากศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ วานนี้ (26 ต.ค.) พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี รอง ผอ.กอ.รมน.ได้ไปเปิดตัวหนังสือ “ผมผิดหรือ ที่ยึดกรือเซะ” ที่ พล.อ.พัลลภ เขียนเอง
พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ตนเองและ ผู้ใต้บังคับบัญชาสองนาย คือ พ.อ.มนัส คงแป้น รอง ผบ.ร.25 และ อดีต ผบ.ฉก.ปัตตานี ซึ่งดูแลพื้นที่บริเวณมัสยิดกรือเซะ ในวันเกิดเหตุการณ์วันที่ 28 เม.ย. กับ หัวหน้าชุดรบพิเศษที่คุมกำลังรบในวันนั้น กำลังจะตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาจากผลสรุปของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีกรือเซะ ที่มีนายสุจินดา ยงสุนทร เป็นประธาน ที่สรุปผลออกมาว่าการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เกินกว่าเหตุ ซึ่งตนได้รับทราบข้อมูลว่า ญาติผู้เสียชีวิต ได้ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดปัตตานี หลังจากที่มีการไต่สวนคดีที่อัยการร้องต่อศาล ให้สืบสวนกรณีการตายผิดธรรมชาติของผู้ที่เสียชีวิตภายในมัสยิดกรือเซะ เมื่อวันที่ 17-18 ตุ.ค.ที่ผ่านมา แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับหมายศาลแต่อย่างใด
พล.อ.พัลลภ ยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุ แต่คณะกรรมการซึ่งไม่ใช่ทหารจะไม่รู้ขั้นตอนของทหาร จึงเห็นว่าการใช้ระเบิดมือ ปาเข้าไปในมัสยิดกรือเซะ อันเป็นเหตุให้ผู้ก่อความไม่สงบเสียชีวิตเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ซึ่งหลักการปฏิบัติทางทหารวันนั้นมีทหารจากรบพิเศษเข้าไปจำนวน 6 คน ใช้ระเบิดมือ 8 ลูก เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับการต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามที่อยู่ในที่มั่นดัดแปลงแข็งแรง อีกทั้งระเบิดที่ใช้ก็ล้วนแต่เป็นภาษีอากรของประชาชน ในการให้เราซื้อเพื่อป้องกันรักษาความสงบเรียบร้อยให้เกิดขึ้นกับประเทศของเรา
“จะใช้ระเบิด 8 ลูกหรือ 20 ลูกก็มีความหมายเหมือนกัน หากเป็นนักโทษประหารชีวิตเพชรฆาตจะยิง 20 นัด หรือ 5 นัดก็ต้องตายเหมือนกัน จะมาบอกว่า คนนี้ทำดียิงแค่ 5 นัดก็พอมันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร ความจริงผมไม่ได้โกรธคณะกรรมการแม้แต่น้อย เพราะท่านไม่เข้าใจยุทธวิธีทางทหาร ที่เมื่อมีภารกิจก็จะมีขั้นตอนการปฏิบัติอยู่ แต่หลักคือทำให้ภารกิจจบสิ้นโดยเร็ว”
พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า สิ่งที่ไม่เข้าใจคือเหตุใดคณะกรรมการฯ จึงให้ชดใช้ ค่าเสียหายให้กับผู้เสียชีวิตทั้ง 32 คน ทั้งที่ตามหลักแล้วผู้ใดที่คิดเป็นกบถต่อแผ่นดิน ในอดีตต้องมีโทษประหารชีวิต 7 ชั่วโคตร ในขณะที่ ทหาร และตำรวจในพื้นที่ ตายไปแล้วเกือบ 600 คน
ด้าน พ.อ.มนัส คงแป้น รอง ผบ.กรมทหารราบที่ 25 อดีต ผบ.ฉก.ปัตตานี
กล่าวว่า ทราบแต่ข่าวว่ามีการฟ้องร้องตน แต่ไม่ทราบรายละเอียด ซึ่งญาติผู้ตาย สามารถฟ้องได้ ซึ่งก็ดีเหมือนกัน จะได้หายข้องใจกันเสียที ให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน เหตุการณ์ในวันนั้นถ้าตนเองไม่ทำอะไรปล่อยให้เหตุการณ์ลุกลามก็ถือว่ามีความผิด ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เหมือนกัน แต่ยืนยันว่าเราทำตามหน้าที่ และทำตามกฎหมายบ้านเมืองที่อำนาจตามประกาศกฎอัยการศึกให้ไว้ จากนี้ไปจะได้มีการทบทวนกันเสียทีว่าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่ได้มีหลักประกันใดๆ ในการปฏิบัติหน้าที่ และ จุดอ่อนที่เกิดขึ้นเพราะผลสรุปของคณะกรรมการฯ ออกมาบอกว่า เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ เมื่อผลออกมาก็นำมาฟ้องได้