xs
xsm
sm
md
lg

คำเตือนของขุนศึก: ระวัง military industrial complex

เผยแพร่:   โดย: ปราโมทย์ นาครทรรพ


นายพลห้าดาว ดไว้ท์ ไอเซนฮาวร์ เป็นแม่ทัพใหญ่ของพันธมิตรในสมรภูมิยุโรปซึ่งกำชัยสงครามอย่างเด็ดขาดในวัน ดี เดย์ เมื่อทัพพันธมิตรยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดีเป็นตำนานสงครามที่จะเล่าขานไม่รู้จักจบ

เสร็จสงครามพิชิตศึก วินซตัน เชอร์ชิล “บุลด็อกอังกฤษ” ของเรา กลับพ่ายแพ้เลือกตั้งให้แอตลี บรรพบุรุษพรรคแรงงานของพูเดิ้ล แบลร์ แต่ไอเซนฮาวร์ ซึ่งเมื่อก่อนไม่มีใครทราบว่าสังกัดพรรคใด กลับชนะนอมิเนชันพรรคริพับลิกัน และได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ของสหรัฐอเมริกา ไอเซนฮาวร์ อยู่ในตำแหน่ง 2 สมัยครบ 8 ปี แต่รองประธานาธิบดีของเขาคือริชาร์ด นิกสัน ต้องพ่ายแพ้จอน เอฟ. เคนเนดี้ บางคนก็กล่าวว่า เพราะการโต้คารมและทีวีมีส่วนมิใช่น้อย

นักประวัติศาสตร์ให้คะแนนประธานาธิบดีด้วยผลงานต่างๆว่ายิ่งใหญ่ ปานกลาง และธรรมดา ไอเซนฮาวร์ ก็ได้รับคะแนนประเภทธรรมดาอีกผู้หนึ่ง

แต่ผมกลับเห็นว่า ไอเซนฮาวร์ เป็นประธานาธิบดีในอุมคติผู้หนึ่ง เขาเป็นขุนศึกที่กระหายสันติภาพ ไม่หยิ่งผยองในแสนยานุภาพของอเมริกา ให้ความเคารพต่อสภา
คองเกรส ทำให้พรรคริพับลิกันกับเดโมแครตร่วมมือกันกับประธานาธิบดีได้ดี

ที่สำคัญที่สุด ไอเซนฮาวร์ เป็นผู้มีสายตาไกล เขาเฝ้ามองความเติบโตแสนยานุภาพของกองทัพอเมริกัน และสงครามเย็นด้วยความเป็นห่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาเห็นอุสาหกรรมสงคราม ซึ่งเป็นสิ่งใหม่ของอเมริกา ได้ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ใหญ่โตเหมือนยักษ์ออกจากขวด ทรงพลังน่าเกรงขาม และครอบงำเกลื่อนกลืนกับกองทัพ และประชาชนผู้กล้าหาญชาญศึกของอเมริกาได้เกือบเป็นหนึ่งเดียว

ไอเซนฮาวร์ เห็นว่าอุสาหกรรมสงครามที่เรียกรวมๆว่ military industrial complex นี้ ถ้าเติบโตต่อไปโดยไม่มีขอบเขต และปราศจากทิศทางทางจริยธรรม และไม่มีการควบคุมโดยขบวนการของประชาชนที่ตื่นตัวและมีความรู้ ก็จะกลับกลายเป็นอันตรายต่อสิทธิเสรีภาพภายในของอเมริกาเอง และเป็นศัตรูต่อสันติภาพของโลก ถึงกับจะนำมหันตภัยสงครามมาสู่มนุษยชาติได้

ผมอยากให้ท่านผู้อ่านได้อ่านสุนทรพจน์กล่าวลาตำแหน่งของไอเซนฮาวร์ เมื่อวันที่ 17 มกราคม ค.ศ. 1961 ซึ่งเป็นเรื่องตอกย้ำอันตรายของmilitary industrial complex หรืออุสาหกรรมสงครามโดยตรง แต่เนื้อที่มีจำกัด ผมจะคัดลอกแปลมาแต่เพียงบางตอน

“จนกระทั่งสงครามครั้งสุดท้าย สหรัฐยังไม่เคยมีอุสาหกรรมสร้างอาวุธ เรามีแต่อุสาหกรรมเพื่อความเป็นอยู่ที่ผันมาสร้างอาวุธเพราะความจำเป็น แต่เดี๋ยวนี้ เราไม่สามารถเอาความปลอดภัยของประเทศชาติมาเสี่ยงได้ เราถูกบังคับให้สร้างอุสาหกรรมอาวุธขึ้นมาอย่างใหญ่โต พร้อมๆกับกำลังพลทั้งชายหญิงเพิ่มขึ้นถึงสามล้านห้าแสนคน งบประมาณทหารขงเราปีหนึ่งๆมากกว่ารายได้ทั้งหมดของบรรษัทธุรกิจในประเทศรวมกัน

การเติบโตอย่างมหาศาลพร้อมๆกันของกองทัพกับอุสาหกรรมอาวุธนี้ เป็นประสบการณ์ใหม่ของอเมริกา อิทธิพลของมัน ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ การเมืองหรือจิตใจแทรกซึมไปทั่วทุกๆเมือง ทุกศาลาว่าการมลรัฐ และทุกๆหน่วยงานของรัฐบาลกลาง เราเข้าใจความสำคัญของการพัฒนาเช่นนี้ แต่เราไม่อาจมองข้ามถึงผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ที่เกิดกับประชาชน ทรัพยากรของชาติ วิถีชีวิตของผู้ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคมของอเมริกันเอง

รัฐบาลจะต้องป้องกันอย่างเต็มที่มิให้เกิดการแสวงหาอิทธิพลและ
ผลประโยชน์มิชอบ ไม่ว่าจะด้วยความจงใจหรือความบังเอิญของอุสาหกรรมสงครามที่เราเรียกว่า military industrial complex แนวโน้มที่อำนาจอันมิชอบธรรมจะนำไปสู่ความหายนะมีอยู่ทุกขณะและมีแต่จะเพิ่มทวีขึ้นทุกวัน

เราจะต้องไม่ยอมให้น้ำหนักของอุสาหกรรมสงครามทำลายอิสรเสรีภาพและความเป็นประชาธิปไตย เราจะประมาทหรือปล่อยปละละเลยไม่ได้แม้แต่น้อย ประชาชนที่ตื่นตัวและรอบรู้เท่านั้นจึงจะควบคุมอำนาจและกลไกอันใหญ่โตของทหารและอุสาหกรรมสงครามมิให้ทำลายหนทางและเป้าหมายอันสันติ เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงและเสรีภาพให้งอกงามอยู่ด้วยกันได้”

ท่านประธานาธิบดีเป็นนักรบ มิใช่นักวิชาการ แต่ท่านเป็นห่วงการสูญเสียเสรีภาพและจิตวิญญาณของปัญญาชน ที่พากันลุ่มหลงอำนาจและเงินก้อนโตๆจากโครงการวิจัยของกระทรวงกลาโหมและรัฐบาล

“ที่เติบโตพอๆกัน และมีส่วนช่วยให้อุสาหกรรมสงครามของเราขยายตัวได้ก็คือการปฏิวัติทางเทคโนโลยีในทศวรรษที่ผ่านมา

การปฏิวัติที่ว่านี้ การวิจัยได้กลายเป็นศูนย์กลาง พร้อมๆกับทั้งเป็นทางการ ซับซ้อน และแพงขึ้นๆ ยังผลให้งานวิจัยได้รับงบประมาณจากรัฐบาล กระทำโดยรัฐบาล โดยการสนับสนุนหรือใบสั่งของรัฐบาลมากขึ้น”

“โอกาสที่นักวิชาการจะถูกครอบงำโดยรัฐบาล โดยการว่าจ้าง จัดสรรโครงการ
และหว่านเงินก้อนโตๆ กลายเป็นเรื่องธรรมดา แต่เป็นสิ่งที่ควรระมัดระวังอย่างยิ่งยวด/ถึงแม้ว่า การวิจัยและการค้นคว้าสิ่งใหม่เป็นสิ่งมีคุณอนันต์ แต่เราก็ต้องตระหนักว่า มันอาจจะมีโทษมหันต์ทำให้นโยบายของรัฐกลายเป็นนักโทษของนักวิชาการและเทคโนแครตชั้นนำ”

หากไอเซนฮาวร์ มีชีวิตอยู่ถึงวันนี้ เขาก็คงจะได้เห็นว่าอุสาหกรรมสงครามที่เขาหวาดกลัวและกล่าวเตือนอย่างจริงจัง ได้เริ่มก่อตัวขึ้นมาอย่างบ้าระห่ำ และใหญ่โตหลากหลายสาขาทั่วโลก กล่าวเฉพาะอเมริกา ที่สำคัญที่สุดกลุ่มหนึ่ง ที่รวมตัวกันอย่างเหนียวแน่น มีอำนาจทางการเมืองสูง รวบรวมพ่อค้าอาวุธ นักค้าสงครามและนักวิชาการน๊โอ คอนส์หรือคอนเซอร์เวตีฟใหม่ ก็คือกลุ่มที่มีบุชพ่อเป็นประมุข ประกอบด้วยชนชั้นหัวหน้าคือ เชนี่ย์ รัมซเฟลด์ และวอลโฟวิตซ์ นักวิชาการนีโอคอนส์ มีบริษัทฮัลลิเบอร์ตันที่เทกซัสเป็นเครื่องมือ

กลุ่มนี้ทำการค้ากับซัดดัม ฮุสเซน และสนับสนุนซัดดัมในสงครามกับอิหร่าน
ทำการส่งอาวุสงคราม เครื่องยุทโธปกรณ์ อาวุธเคมี รวมทั้งแอนแทร่กซ์ กลุ่มนี้ถูกไต่สวนโดยสภาคองเกรส นำด้วยประธานเฮนรี่ กอนซาเลซ ค้นคพบว่ากลุ่มฝ่าฝืนคำสั่งสหรัฐส่งอาวุธและจัดสินเชื่อให้ซัดดัมผ่านธนาคารของอิตาลีที่ตั้งอยู่ในมืองแอตแลนต้า

รัฐจอร์เจีย เมื่อเรื่องแดงขึ้น ธนาคารถูกเผ่ทำลายหลักฐาน กอนซาเลซถูกลอบยิงแต่รอดชีวิตในขณะทีขับรถอยู่บนถนนเลียบแม่น้ำโปโตแมกเข้สู่กรุงวอชิงตัน ทั้งหมดนี้มีหลักฐานในรายงานประชุม Congressional Congress ไม่มีใครยกเมฆได้

นี่คือ ตำนานที่ยังไม่จบของนักค้าสงคราม และ military industrial complex ตัวจริงที่กำลังจะครองอเมริกาและครองโลกอีกวาระหนึ่ง
กำลังโหลดความคิดเห็น