กองปราบฯ สั่งล่าอดีตจ่า สังกัด บช.ก. ถูกไล่ออกจากราชการ พัวพันแก๊งปล้นรถขนน้ำมัน ขณะที่จ่าตัวแสบเบี้ยวนัดพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ด้านสน.บุคคโล คุมตัว 1 ใน 4 คนร้ายขออำนาจศาลฝากขัง พร้อมส่งเส้นผมเทียบพิสูจน์ดีเอ็นเอ ด้านผู้ต้องหาร้องลั่นตกเป็นแพะรับบาป
วานนี้ (24 ต.ค.) พ.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามแก๊งคนร้ายปล้นรถน้ำมันของบริษัท สยามสหบริการ จำกัด (มหาชน) หรือซัสโก้ ของนายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ น้องชายนายภิมุข สิมะโรจน์ ส.ส.กทม.พรรคไทยรักไทยเมื่อกลางดึกของวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป.ให้ส่งทีมสืบสวนออกติดตามตัว จ.ส.ต.บรรลือศักดิ์ พวงจันทร์ อดีตตำรวจสังกัด บช.ก. ซึ่งถูกไล่ออกจากราชการ เมื่อปี 2546 ซึ่งคาดว่าน่าจะมีส่วนเชื่อมโยง และพัวพันกับแก๊งปล้นรถน้ำมัน โดยจ.ส.ต.บรรลือศักดิ์ มีการติดต่อขอเข้าพบกับตำรวจกองปราบปราม เพื่อให้ข้อมูลกรณีที่ถูกพาดพิงเกี่ยวข้องกับการปล้นน้ำมันแล้ว เมื่อวันที่(23 ต.ค.) ที่ผ่านมา
แต่เชื่อว่าภายใน 1-2 วันนี้ จ.ส.ต.บรรลือศักดิ์ น่าจะเดินทางเข้ามาพบกับตำรวจกองปราบปราม เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจอย่างแน่นอน และจากการตรวจสอบประวัติของ จ.ส.ต.บรรลือศักดิ์ ก่อนถูกให้ออกจากราชการ เคยช่วยราชการอยู่ที่งานปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง(ปนม.) ศูนย์ปฎิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) จึงเชื่อว่าน่าจะรู้ความเคลื่อนไหวของกลุ่มขบวนการปล้นรถน้ำมันเป็นอย่างดี
โดยในช่วงเช้า พ.ต.ท.พิพัฒน์ บุญเพ็ชร รอง ผกก.สส.สน.บุคคโล ได้คุมตัวนายสนธยา เที่ยงตรง 1 ใน 4 คนร้ายที่ปล้นรถน้ำมัน และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะในเวลากลางคืน เดินทางไปขออำนาจศาลอาญาธนบุรี เป็นฝากขังครั้งแรก โดยคำร้องสรุปใจความว่า
ผู้ต้องหารายนี้ ร่วมกันกับพวกอีกจำนวนหลายคนซึ่งยังหลบหนี ได้ร่วมกันปล้นรถขนส่งน้ำมันเบนซิน 95 จำนวน 6,000 ลิตร และน้ำมันดีเซล จำนวน 10,000 ลิตร รวมมูลค่า 200,000 บาท ของบริษัท สยามสหบริการ จำกัด (มหาชน) หรือซัสโก้ ของนายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ น้องชายนายภิมุข สิมะโรจน์ ส.ส.ไทยรักไทย แล้วหลบหนีไป
จึงขอฝากขังผู้ต้องหานี้ไว้ มีกำหนดเวลา 12 วัน และขอคัดค้านการขอประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าจะหลบหนี และเนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น พร้อมนำตัวกลับไปควบคุม ที่สน.บุคคโล ศาลไดัพิจารณาคำร้องแล้วอนุญาต
หลังจากนั้น พ.ต.อ.จีรศักดิ์ ขำคง ผกก.สส.บก.น.8 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บุคคโล ได้ควบคุมตัวนายสนธยา ไปตรวจค้นยังบ้านเลขที่ 101/4 ม. 6 ซ.ประชาอุทิศ 82 แขวงและเขตทุ่งครุ ซึ่งเป็นบ้านพักของนายสนธยาเพื่อทำการตรวจค้น โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชม. พร้อมทั้งนำเส้นผมของสนธยาส่งตรวจเปรียบเทียบดีเอนเอกับเส้นผมที่พบบนรถบรรทุกน้ำมันที่ถูกขโมยไป
ด้านนายสนธยา ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ในวันเกิดเหตุได้เดินทางไปส่งของที่นิคมอุตสาหกรรมบางกะดี ย่านรังสิต พร้อมเด็กรถอีก 2 คน หลังส่งของเสร็จก็ขับรถกลับมาที่ หจก.พรภพ เคมีภัณฑ์ ย่านทุ่งครุ จากนั้นได้แยกย้ายกันกลับบ้าน โดยถึงบ้านประมาณเที่ยงคืนเศษ พร้อมร้องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอย่างโปร่งใสบริสุทธิ์ เพราะตนตกเป็นแพะรับบาป
วานนี้ (24 ต.ค.) พ.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามแก๊งคนร้ายปล้นรถน้ำมันของบริษัท สยามสหบริการ จำกัด (มหาชน) หรือซัสโก้ ของนายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ น้องชายนายภิมุข สิมะโรจน์ ส.ส.กทม.พรรคไทยรักไทยเมื่อกลางดึกของวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป.ให้ส่งทีมสืบสวนออกติดตามตัว จ.ส.ต.บรรลือศักดิ์ พวงจันทร์ อดีตตำรวจสังกัด บช.ก. ซึ่งถูกไล่ออกจากราชการ เมื่อปี 2546 ซึ่งคาดว่าน่าจะมีส่วนเชื่อมโยง และพัวพันกับแก๊งปล้นรถน้ำมัน โดยจ.ส.ต.บรรลือศักดิ์ มีการติดต่อขอเข้าพบกับตำรวจกองปราบปราม เพื่อให้ข้อมูลกรณีที่ถูกพาดพิงเกี่ยวข้องกับการปล้นน้ำมันแล้ว เมื่อวันที่(23 ต.ค.) ที่ผ่านมา
แต่เชื่อว่าภายใน 1-2 วันนี้ จ.ส.ต.บรรลือศักดิ์ น่าจะเดินทางเข้ามาพบกับตำรวจกองปราบปราม เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจอย่างแน่นอน และจากการตรวจสอบประวัติของ จ.ส.ต.บรรลือศักดิ์ ก่อนถูกให้ออกจากราชการ เคยช่วยราชการอยู่ที่งานปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง(ปนม.) ศูนย์ปฎิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) จึงเชื่อว่าน่าจะรู้ความเคลื่อนไหวของกลุ่มขบวนการปล้นรถน้ำมันเป็นอย่างดี
โดยในช่วงเช้า พ.ต.ท.พิพัฒน์ บุญเพ็ชร รอง ผกก.สส.สน.บุคคโล ได้คุมตัวนายสนธยา เที่ยงตรง 1 ใน 4 คนร้ายที่ปล้นรถน้ำมัน และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะในเวลากลางคืน เดินทางไปขออำนาจศาลอาญาธนบุรี เป็นฝากขังครั้งแรก โดยคำร้องสรุปใจความว่า
ผู้ต้องหารายนี้ ร่วมกันกับพวกอีกจำนวนหลายคนซึ่งยังหลบหนี ได้ร่วมกันปล้นรถขนส่งน้ำมันเบนซิน 95 จำนวน 6,000 ลิตร และน้ำมันดีเซล จำนวน 10,000 ลิตร รวมมูลค่า 200,000 บาท ของบริษัท สยามสหบริการ จำกัด (มหาชน) หรือซัสโก้ ของนายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ น้องชายนายภิมุข สิมะโรจน์ ส.ส.ไทยรักไทย แล้วหลบหนีไป
จึงขอฝากขังผู้ต้องหานี้ไว้ มีกำหนดเวลา 12 วัน และขอคัดค้านการขอประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าจะหลบหนี และเนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น พร้อมนำตัวกลับไปควบคุม ที่สน.บุคคโล ศาลไดัพิจารณาคำร้องแล้วอนุญาต
หลังจากนั้น พ.ต.อ.จีรศักดิ์ ขำคง ผกก.สส.บก.น.8 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บุคคโล ได้ควบคุมตัวนายสนธยา ไปตรวจค้นยังบ้านเลขที่ 101/4 ม. 6 ซ.ประชาอุทิศ 82 แขวงและเขตทุ่งครุ ซึ่งเป็นบ้านพักของนายสนธยาเพื่อทำการตรวจค้น โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชม. พร้อมทั้งนำเส้นผมของสนธยาส่งตรวจเปรียบเทียบดีเอนเอกับเส้นผมที่พบบนรถบรรทุกน้ำมันที่ถูกขโมยไป
ด้านนายสนธยา ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ในวันเกิดเหตุได้เดินทางไปส่งของที่นิคมอุตสาหกรรมบางกะดี ย่านรังสิต พร้อมเด็กรถอีก 2 คน หลังส่งของเสร็จก็ขับรถกลับมาที่ หจก.พรภพ เคมีภัณฑ์ ย่านทุ่งครุ จากนั้นได้แยกย้ายกันกลับบ้าน โดยถึงบ้านประมาณเที่ยงคืนเศษ พร้อมร้องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอย่างโปร่งใสบริสุทธิ์ เพราะตนตกเป็นแพะรับบาป