สุราษฎร์ธานี-ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี สั่งเจ้าหน้าที่ลุยสอบที่ดินกว่า 1,000 ไร่ของนายทุนเหมืองแร่เก่า ที่ได้โฉนดที่ดิน และเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 มาอย่างมีเงื่อนงำ หลังตรวจสอบเอกสารหลักฐานจากชาวบ้านที่เข้าชื่อยื่นให้ก่อนหน้านี้ ปรากฏพบการได้มาซึ่งที่ดินของนายทุนไม่น่าจะถูกต้องเท่าที่ควร ขณะที่แกนนำแฉซ้ำเป็นของนายหัวใหญ่ที่ภูเก็ต
จากกรณีที่แกนนำชาวบ้านชุมชนเหมืองแกะ ต.นาสาร อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี นำโดยนายโพธิ์ เพชรชิต ได้ล่ารายชื่อ 200 รายชื่อเข้ายื่นต่อนายวิจิตร วิชัยสาร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อให้ตรวจสอบการได้มาซึ่งโฉนดที่ดิน และเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 ของบริษัท เหมืองแร่สุราษฎร์ จำกัด กว่า 1,000 ไร่ว่ามีความชอบธรรมหรือไม่ โดยแกนนำชาวบ้านได้เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเมื่อวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา นายวิจิตร วิชัยสาร ได้เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเร่งดำเนินการตรวจสอบโดยเร่งด่วนแล้ว เพราะเท่าที่ดูเอกสารหลักฐานที่ชาวบ้านได้ร้องเรียนมานั้น เบื้องต้นพบความไม่ชอบมาพากลหลายประการ โดยเฉพาะในเรื่องที่ทางบริษัท เหมืองแร่สุราษฎร์ จำกัด อ้างกับชาวบ้านว่า มีเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 ในเนื้อที่จำนวน 426 ไร่ ทั้งๆ ที่ได้มีข้อตกลงระหว่างสำนักงานป่าไม้ กับสำนักงานปฏิรูปที่ดิน ให้กันพื้นที่บริเวณนั้นออกจากเขตปฏิรูปที่ดินแล้ว
ส่วนการได้มาซึ่งโฉนดที่ดินในเนื้อที่ 553-1-43 ไร่นั้นก็จะต้องตรวจดูว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าบ้านนา ป่าท่าเรือ และป่าเคียนซา จริงหรือไม่ เพราะชาวบ้านอ้างว่า พื้นที่ดังกล่าวนั้นอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งตามหลักฐานการได้โฉนดทั้ง 34 แปลง พบว่าส่วนใหญ่จะเป็นเครือญาติและพวกพ้องกัน ตนจึงอยากฝากบอกกับกลุ่มชาวบ้านที่ร้องเรียนมาว่า จะให้ความเป็นธรรมมากที่สุด เพราะความเดือดร้อนของชาวบ้านก็เหมือนกับความเดือดร้อนของตัวเอง
ขณะที่แกนนำชาวชุมชนเหมืองแกะ ได้เปิดเผยย้ำอีกว่า บริษัท เหมืองแร่สุราษฎร์ จำกัด นั้น เจ้าของกิจการเป็นนายทุนมาจาก จ.ภูเก็ต โดยมีหัวเรือใหญ่ที่พิทักษ์ผลประโยชน์ อยู่ 2 คน เป็นที่ทราบกันดีว่ามีพลังมากพอตัว โดยเฉพาะพื้นที่ดังกล่าวเป็นขุมทรัพย์ที่ทำผลประโยชน์ได้มหาศาล จึงสามารถเลี้ยงผู้มีสีบางคนอยู่ใกล้ตัว จนชาวบ้านไม่กล้าต่อกรด้วย อยากถามเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องว่าการที่ออกเอกสารสิทธิให้กับนายทุนเพียงกลุ่มเดียวทั้งๆ ที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่มีที่ดินทำกิน บางครัวเรือนต้องอยู่ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย หน้าบ้านติดถนน หลังบ้านติดกับรางรถไฟนั้นรู้สึกอย่างไร
ก่อนหน้านี้ช่วงหมดสัมปทานบัตรใหม่ๆ ชาวบ้านเคยบุกรุกเข้าไปจับจองขอเพียงที่อยู่อาศัย แต่กลับมีเจ้าหน้าที่ของรัฐมายิงปืนข่มขู่ กั้นรั้วลวดหนาม ช่วงหน้าฝนทางบริษัทดังกล่าวได้กรีดดินถมที่ทำให้เกิดน้ำท่วมโคลนทะลักไหลมา สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน แต่บริษัทฯดังกล่าวไม่เคยแสดงความรับผิดชอบเลย
นอกจากนี้ ตามที่บริษัทฯได้กล่าวอ้างว่าการได้มาซึ่งเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 นั้น เท่าที่ทราบบริษัทฯได้นำรายชื่อของพรรคพวกของตนเอง เพื่อยื่นขอเอกสารสิทธิ ซึ่งผลประโยชน์ทั้งหมดจะตกอยู่กับบริษัทเอง
จากกรณีที่แกนนำชาวบ้านชุมชนเหมืองแกะ ต.นาสาร อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี นำโดยนายโพธิ์ เพชรชิต ได้ล่ารายชื่อ 200 รายชื่อเข้ายื่นต่อนายวิจิตร วิชัยสาร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อให้ตรวจสอบการได้มาซึ่งโฉนดที่ดิน และเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 ของบริษัท เหมืองแร่สุราษฎร์ จำกัด กว่า 1,000 ไร่ว่ามีความชอบธรรมหรือไม่ โดยแกนนำชาวบ้านได้เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเมื่อวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา นายวิจิตร วิชัยสาร ได้เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเร่งดำเนินการตรวจสอบโดยเร่งด่วนแล้ว เพราะเท่าที่ดูเอกสารหลักฐานที่ชาวบ้านได้ร้องเรียนมานั้น เบื้องต้นพบความไม่ชอบมาพากลหลายประการ โดยเฉพาะในเรื่องที่ทางบริษัท เหมืองแร่สุราษฎร์ จำกัด อ้างกับชาวบ้านว่า มีเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 ในเนื้อที่จำนวน 426 ไร่ ทั้งๆ ที่ได้มีข้อตกลงระหว่างสำนักงานป่าไม้ กับสำนักงานปฏิรูปที่ดิน ให้กันพื้นที่บริเวณนั้นออกจากเขตปฏิรูปที่ดินแล้ว
ส่วนการได้มาซึ่งโฉนดที่ดินในเนื้อที่ 553-1-43 ไร่นั้นก็จะต้องตรวจดูว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าบ้านนา ป่าท่าเรือ และป่าเคียนซา จริงหรือไม่ เพราะชาวบ้านอ้างว่า พื้นที่ดังกล่าวนั้นอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งตามหลักฐานการได้โฉนดทั้ง 34 แปลง พบว่าส่วนใหญ่จะเป็นเครือญาติและพวกพ้องกัน ตนจึงอยากฝากบอกกับกลุ่มชาวบ้านที่ร้องเรียนมาว่า จะให้ความเป็นธรรมมากที่สุด เพราะความเดือดร้อนของชาวบ้านก็เหมือนกับความเดือดร้อนของตัวเอง
ขณะที่แกนนำชาวชุมชนเหมืองแกะ ได้เปิดเผยย้ำอีกว่า บริษัท เหมืองแร่สุราษฎร์ จำกัด นั้น เจ้าของกิจการเป็นนายทุนมาจาก จ.ภูเก็ต โดยมีหัวเรือใหญ่ที่พิทักษ์ผลประโยชน์ อยู่ 2 คน เป็นที่ทราบกันดีว่ามีพลังมากพอตัว โดยเฉพาะพื้นที่ดังกล่าวเป็นขุมทรัพย์ที่ทำผลประโยชน์ได้มหาศาล จึงสามารถเลี้ยงผู้มีสีบางคนอยู่ใกล้ตัว จนชาวบ้านไม่กล้าต่อกรด้วย อยากถามเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องว่าการที่ออกเอกสารสิทธิให้กับนายทุนเพียงกลุ่มเดียวทั้งๆ ที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่มีที่ดินทำกิน บางครัวเรือนต้องอยู่ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย หน้าบ้านติดถนน หลังบ้านติดกับรางรถไฟนั้นรู้สึกอย่างไร
ก่อนหน้านี้ช่วงหมดสัมปทานบัตรใหม่ๆ ชาวบ้านเคยบุกรุกเข้าไปจับจองขอเพียงที่อยู่อาศัย แต่กลับมีเจ้าหน้าที่ของรัฐมายิงปืนข่มขู่ กั้นรั้วลวดหนาม ช่วงหน้าฝนทางบริษัทดังกล่าวได้กรีดดินถมที่ทำให้เกิดน้ำท่วมโคลนทะลักไหลมา สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน แต่บริษัทฯดังกล่าวไม่เคยแสดงความรับผิดชอบเลย
นอกจากนี้ ตามที่บริษัทฯได้กล่าวอ้างว่าการได้มาซึ่งเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 นั้น เท่าที่ทราบบริษัทฯได้นำรายชื่อของพรรคพวกของตนเอง เพื่อยื่นขอเอกสารสิทธิ ซึ่งผลประโยชน์ทั้งหมดจะตกอยู่กับบริษัทเอง