มหาชนโวย ช่อง 5 ระงับโฆษณาพรรคมหาชน อ้างออกอากาศถี่กลัวไม่เป็นธรรมกับพรรคอื่น แต่กลับเอาโฆษณาวัวล้านตัวมาเสียบแทน เตรียมร้องทุกข์ศาลปกครอง ปชป.ปฎิเสธร่วมมือกับกลุ่มองค์กรอื่นล้มรัฐบาล ระบุ ทรท.เบี่ยงเบนประเด็นกลบข่าวพรรคตกต่ำ
นายจเด็จ อินสว่าง เลขาธิการพรรคมหาชน กล่าววานนี้ (14 ต.ค.) ว่า พรรคมหาชนกำลังถูกฝ่าย ที่มีอำนาจรัฐ ใช้ความได้เปรียบโดยไม่เป็นธรรมกับพรรค จากการที่ทางพรรคได้ว่าจ้าง บริษัท เดอะ มีเดีย จำกัด เหมาเวลาโฆษณาในรายการข่าว ทุกช่วงเวลาของ สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการโฆษณาประชาสัมพันธ์พรรค ให้ประชาชนได้รู้จักพรรคมหาชน ก่อนที่จะถึงการเลือกตั้งส.ส. ในต้นปีหน้า ปรากฏว่าวันนี้ทางพรรคได้รับหนังสือจากบริษัทดังกล่าวว่า ทาง ททบ.5 ได้ขอความร่วมมือเพื่อระงับโฆษณาประชาสัมพันธ์พรรคมหาชน ตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค. นี้เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ทางบริษัทได้แจ้งเหตุผลที่ทาง ททบ.5 แจ้งมาถึงบริษัทว่าการโฆษณาประชาสัมพันธ์ของพรรคมหาชนนั้นมีความถี่มากเกินไป ทำให้รายการข่าวของ ททบ.5 ไม่ได้รับความสนใจจากผู้ชมเท่าที่ควร อีกทั้ง ททบ.5 ซึ่งเป็นสถานีของทางราชการ การลงโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้กับพรรคการเมืองเดียวบ่อยครั้งมากเกินไป อาจเกิดความไม่เป็นธรรมกับพรรคการเมืองอื่น
นายจเด็จ กล่าวว่า ทางพรรคมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้เตรียม รวบรวมหลักฐานเอกสารต่างๆ เพื่อนำไปร้องทุกข์กับศาลปกครอง และองค์กร ที่เกี่ยวข้อง เพราะเท่าที่ทราบขณะนี้ได้มีความพยายามที่จะถอดโฆษณาของพรรค ออกจากทีวีอีกช่องหนึ่งด้วย โดยผู้มีอำนาจได้เตรียมนำโฆษณาโครงการโคล้านตัวของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาประชาสัมพันธ์แทนเวลาของพรรคมหาชน
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคไทยรักไทยระบุว่า มีขบวนการโค่นล้มรัฐบาลโดยมีพรรคการเมืองหนุนหลังว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยร่วมมือกับใครในการล้มล้างรัฐบาล เราทำงานอย่างเปิดเผย ตรงไป ตรงมา ในทางตรงกันข้ามตนมองว่าหากรัฐบาลทราบว่ามีขบวนการใต้ดินต้องการที่จะล้มล้างรัฐบาลจริง รัฐบาลควรจะเข้าไปดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจัง
นายองอาจ กล่าวว่า การที่มีแกนนำของรัฐบาลคนหนึ่งออกมาบอกว่า ได้พบว่า มีการประชุมวางแผนกันในโรงแรมแห่งหนึ่ง รัฐบาลต้องจัดการอย่างเด็ดขาด หากรู้มีการประชุมวางแผนแล้วไม่ดำเนินการตามกฏหมายถือว่ารัฐบาลละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ซึ่งในความเป็นจริงคนที่รู้ทัน นายกฯและไม่ต้องการรัฐบาลนี้ ไม่ใช่ขบวนการใต้ดิน แต่เป็นคนที่ออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะชน หรือบางส่วนก็ตั้งเวทีพูดถึงรัฐบาลที่ท้องสนามหลวง รวมทั้งนักวิชาการด้วย ดังนั้นขณะนี้ตนคิดว่าไม่ใช่ขบวนการใต้ดิน
“การที่นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.สาธารณสุข และรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทยออกมาพูดเรื่องนี้บ่อยผมเข้าใจว่าต้องการเบี่ยงเบนประเด็นทางการเมือง และความตกต่ำในกทม.ช่วงขาลง รวมทั้งประเด็นการเปลี่ยนตัวนางสุดารัตน์ไม่ให้เป็นหัวหน้าคุมพื้นที่กทม.มากกว่า” นายองอาจกล่าว
นายจเด็จ อินสว่าง เลขาธิการพรรคมหาชน กล่าววานนี้ (14 ต.ค.) ว่า พรรคมหาชนกำลังถูกฝ่าย ที่มีอำนาจรัฐ ใช้ความได้เปรียบโดยไม่เป็นธรรมกับพรรค จากการที่ทางพรรคได้ว่าจ้าง บริษัท เดอะ มีเดีย จำกัด เหมาเวลาโฆษณาในรายการข่าว ทุกช่วงเวลาของ สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการโฆษณาประชาสัมพันธ์พรรค ให้ประชาชนได้รู้จักพรรคมหาชน ก่อนที่จะถึงการเลือกตั้งส.ส. ในต้นปีหน้า ปรากฏว่าวันนี้ทางพรรคได้รับหนังสือจากบริษัทดังกล่าวว่า ทาง ททบ.5 ได้ขอความร่วมมือเพื่อระงับโฆษณาประชาสัมพันธ์พรรคมหาชน ตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค. นี้เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ทางบริษัทได้แจ้งเหตุผลที่ทาง ททบ.5 แจ้งมาถึงบริษัทว่าการโฆษณาประชาสัมพันธ์ของพรรคมหาชนนั้นมีความถี่มากเกินไป ทำให้รายการข่าวของ ททบ.5 ไม่ได้รับความสนใจจากผู้ชมเท่าที่ควร อีกทั้ง ททบ.5 ซึ่งเป็นสถานีของทางราชการ การลงโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้กับพรรคการเมืองเดียวบ่อยครั้งมากเกินไป อาจเกิดความไม่เป็นธรรมกับพรรคการเมืองอื่น
นายจเด็จ กล่าวว่า ทางพรรคมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้เตรียม รวบรวมหลักฐานเอกสารต่างๆ เพื่อนำไปร้องทุกข์กับศาลปกครอง และองค์กร ที่เกี่ยวข้อง เพราะเท่าที่ทราบขณะนี้ได้มีความพยายามที่จะถอดโฆษณาของพรรค ออกจากทีวีอีกช่องหนึ่งด้วย โดยผู้มีอำนาจได้เตรียมนำโฆษณาโครงการโคล้านตัวของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาประชาสัมพันธ์แทนเวลาของพรรคมหาชน
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคไทยรักไทยระบุว่า มีขบวนการโค่นล้มรัฐบาลโดยมีพรรคการเมืองหนุนหลังว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยร่วมมือกับใครในการล้มล้างรัฐบาล เราทำงานอย่างเปิดเผย ตรงไป ตรงมา ในทางตรงกันข้ามตนมองว่าหากรัฐบาลทราบว่ามีขบวนการใต้ดินต้องการที่จะล้มล้างรัฐบาลจริง รัฐบาลควรจะเข้าไปดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจัง
นายองอาจ กล่าวว่า การที่มีแกนนำของรัฐบาลคนหนึ่งออกมาบอกว่า ได้พบว่า มีการประชุมวางแผนกันในโรงแรมแห่งหนึ่ง รัฐบาลต้องจัดการอย่างเด็ดขาด หากรู้มีการประชุมวางแผนแล้วไม่ดำเนินการตามกฏหมายถือว่ารัฐบาลละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ซึ่งในความเป็นจริงคนที่รู้ทัน นายกฯและไม่ต้องการรัฐบาลนี้ ไม่ใช่ขบวนการใต้ดิน แต่เป็นคนที่ออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะชน หรือบางส่วนก็ตั้งเวทีพูดถึงรัฐบาลที่ท้องสนามหลวง รวมทั้งนักวิชาการด้วย ดังนั้นขณะนี้ตนคิดว่าไม่ใช่ขบวนการใต้ดิน
“การที่นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.สาธารณสุข และรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทยออกมาพูดเรื่องนี้บ่อยผมเข้าใจว่าต้องการเบี่ยงเบนประเด็นทางการเมือง และความตกต่ำในกทม.ช่วงขาลง รวมทั้งประเด็นการเปลี่ยนตัวนางสุดารัตน์ไม่ให้เป็นหัวหน้าคุมพื้นที่กทม.มากกว่า” นายองอาจกล่าว