xs
xsm
sm
md
lg

หมอประเวศขอบคุณทักษิณให้บทเรียนสังคมเรื่องอำนาจเงิน-เผด็จการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“หมอประเวศ” ระบุ เหตุการณ์ ”14 ตุลา” เปลี่ยนจากอำนาจเผด็จการ มาเป็นอำนาจธนาธิปไตย เงินเข้ามายึดกุมการเมือง ส่งผลร้ายต่อสังคม บอกประชาชนต้องขอบคุณ “ทักษิณ” ที่ให้บทเรียนครั้งสำคัญกับสังคมในการใช้อำนาจเงินเข้ามาใช่ช่องว่างทางการเมืองแสวงหาผลประโยชน์ ชี้ประชาธิปไตยแบบตัวแทนหมดสมัย เรียกร้องสังคมร่วมมือกันเปลี่ยนแปลงให้เป็นประชาธิปไตยที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมโดยตรง ตะลึง! สาวชุดดำจ้องทำร้าย ‘หมอประเวศ” กลุ่มเครื่อขายพันธมิตรฯ ขยายวงล้มทักษิณสู่ต่างจังหวัด พร้อมออกหนังสือพิมพ์ ราย 3 วันเปิดโปร่งรัฐบาลคอร์รัปชั่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (14 ต.ค.) ซึ่งเป็นวันครบรอบ 31 ปี เหตุการณ์14 ตุลาฯ ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา มีการจัดพิธีทำบุญ ตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 31 รูป และพิธีวางพวงมาลา โดยมีนักการเมืองและอดีตคนเดือนตุลาเข้าร่วมงาน โดย นายจาตุรนต์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมงาน พร้อมด้วย นายสุธรรม แสงประทุม รมช.มหาดไทย นายอุทัย พิมพ์ใจชน ประธานรัฐสภานายสุรพล นิติไกรพจน์ รักษาการอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ อดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่า กทม. พร้อมด้วย ญาติวีรชน
ตัวแทนองค์กรประชาธิปไตย ประชาชนทั่วไป และกลุ่มผู้ใช้แรงงานเข้าร่วมพิธี

จากนั้น มีการปาฐกถา เรื่อง “เปิดหน้าต่าง สร้างสะพาน สมานใจ : ทางออกจากกับดักแห่งความรุนแรงในยุคทักษิณ” โดยพระไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุขโต จ.ชัยภูมิ อดีตนักศึกษาธรรมศาสตร์ คนเดือนตุลา เป็นองค์ปาถก พร้อมกับ ศ.น.พ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส กล่าวปัจฉิมกถา

พระไพศาลระบุ4ปีทักษิณมีแต่ความรุนแรง

พระไพศาล กล่าวว่า 4ปีแห่งความรุนแรงจะเห็นได้ว่าสังคมไทยได้ถลำสู่ ความรุนแรงลึกขึ้นทุกที โดยรัฐเองก็มีส่วนอย่างมากในการก่อให้เกิดสถานการณ์ดังกล่าว จะพบว่าความรุนแรงเหล่านี้มิใช่ผลพวงจากนโยบายการรักษาความสงบของรัฐบาลอย่างเดียว หากเป็นผลสะท้อนจากธรรมชาติพื้นฐานของรัฐไทยในยุคพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นั่นคือรัฐแบบอำนาจนิยม โดยเป็นการวมศูนย์อำนาจ มาไว้กับผู้นำเพื่อมีอำนาจเด็ดขาดในการแก้ปัญหา

“รัฐเช่นนี้มีแนวโน้มที่จะใช้ความรุนแรงกับประชาชนที่รัฐฯเห็นว่า ก่อความไม่สงบ อาทิ การประท้วงต่อต้านนโยบายของรัฐบาล อีกทั้งมีแนวโน้มที่รัฐจะใช้กำลังในการยุติปัญหาทั้ง ๆ ที่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงได้ หรือทั้ง ๆ ที่ขัดต่อหลักนิติธรรมหรือสิทธิมนุษยชน รวมทั้งการรวมศูนย์อำนาจและปฏิเสธการมีส่วนร่วมของประชาชนส่งผล คือ ประชาชนมักเป็นฝ่ายถูกกระทำจากมาตรการนโยบายของรัฐ ซึ่งเป็นความรุนแรงในเชิงโครงสร้าง”

พระไพศาล กล่าวว่า การที่นายกฯ ประกาศจะอยู่เป็นรัฐบาลอีก 4 ปี จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคิดใหม่ทำใหม่เพื่ออกจากความรุนแรง ได้แก่ การมีวิสัยทัศน์รอบด้าน ไม่ใช่มีแต่เศรษฐกิจเพียงมิติเดียว ซึ่งถือเป็นมิติที่แคบ คือมองแต่ เศรษฐกิจที่ผูกติดกับภาคธุรกิจสมัยใหม่ไม่ให้ความสำคัญกับประชาชนเข้ามาเกี่ยวข้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ยังจะต้องคิดใหม่ทำใหม่โดยเปลี่ยนจากการ “จัดการ” ประเทศมาเป็นการ “ร่วมมือ” กับสังคม โดยจัดการประเทศให้น้อยลงและร่วมมือกับสังคมให้มากขึ้นแทนการใช้อำนาจเหนือประชาชน

ขอบใจทักษิณทำให้สังคมได้บทเรียน

ด้าน ศ.นพ.ประเวศ วสี กล่าวว่า ประชาธิปไตยที่แท้จริงคือสัจจะและศีลธรรม พื้นฐานซึ่งหมายถึงความเท่าเทียมกันในคุณค่าและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ แต่เรากลับใช้อำนาจ เงินทองมาบดบังและไปกดทับความเป็นมนุษย์ ซึ่งถ้าประเทศใด ปราศจากสัจจะและศีลธรรมพื้นฐาน ประเทศชาติก็ไม่สามารถเจริญ และแก้ไขปัญหาความยากจน ความรุนแรงไม่ได้

ศ.น.พ.ประเวศ กล่าวว่านักการเมืองมองประชาธิปไตยเป็นเพียงเกมและกลไก ซึ่งกลไกเหล่านี้จะนำไปสู่กลโกงต่อไป ประชาธิปไตยต้องเป็นศีลธรรมและจิตสำนึก เหตุการณ์ 14 ตุลา เป็นการยุติอำนาจเผด็จการแต่ขณะเดียวกันก็มีอำนาจอื่น เข้ามาแทน คือ อำนาจธนาธิปไตย เมื่อเงินขนาดใหญ่เข้ามายึดกุมอำนาจทางการเมือง ซึ่งเป็นธรรมดาของการเคลื่อนย้ายอำนาจจากอำนาจดั้งเดิมที่เป็นการใช้กำลังเปลี่ยนไปเป็นการใช้อำนาจเงิน แต่เมื่ออำนาจเงินผนวกกับอำนาจรัฐ จึงเกิดความรุนแรงซึ่งเป็นผลร้ายต่อสังคม

“สังคมไทยควรขอบคุณ คุณทักษิณที่ทำให้คนไทยรู้ว่าอำนาจเงิน ได้เข้ามาใช้ช่องว่างทางการเมือง ทางความคิดและการศึกษาของผู้คนและใช้อำนาจเผด็จการอย่างไร สังคมได้เรียนรู้จากของจริงและได้ทดสอบสังด้วยว่าจะผ่านบททดสอบนี้ไปได้อย่างไร ทุกวันนี้เดินไปทางไหนก็ได้ยินคนบ่นคุณทักษิณทั่วบ้านทั่วเมือง คุยเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น เผด็จการ อำนาจนิยมและผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งสภาวการณ์เช่นนี้สังคมไทยต้องดิ้นรนต่อไปเพื่อหาประชาธิปไตยที่แท้จริง เราต้องขอบคุณคุณทักษิณที่ได้ให้บทเรียนนี้กับสังคม”

จี้เปลี่ยนปชต.แบบตัวแทนเป็นโดยตรง

ศ.น.พ.ประเวศ กล่าวอีกว่า ประชาธิปไตยที่เป็นอยู่ในปัจจุบันล้าสมัยอย่างสิ้นเชิง ไม่มีใครนับถือนักการเมืองที่เป็นผู้แทนของตัวเอง มักมีคำถามว่าแทนอะไร เพื่อใครเสมอ เราต้องปรับปรุงประชาธิปไตยแบบตัวแทน เราต้องการประชาธิปไตยแบบโดยตรง ซึ่งพิจารณาจากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีข้อดีหลายประเด็นมาก แต่รัฐบาลไม่เคารพรัฐธรรมนูญ แต่ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้ ยกตัวอย่าง เช่น รัฐธรรมนูญ มาตรา 40 ที่กำหนดให้คลื่นวิทยุเป็นทรัพย์สมบัติสาธารณะแต่รัฐบาลนี้ปล่อยไว้โดยไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้มีการหาประโยชน์ไขว้กันไปมา หรือกรณี มาตรา 76 ที่กำหนดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบอำนาจรัฐ ถามว่ารัฐบาลชุดนี้ทำหรือไม่ ตอบว่าทำแต่ตรงกันข้ามทั้งหมด

“อำนาจประชาธิปไตยที่แท้จริงคือประชาชนต้องมีส่วนในการกำหนดทิศทาง การพัฒนาประเทศแล้วให้นักการเมืองทำตาม แต่ทุกวันนี้มีเงินนิยม วัตถุนิยม บริโภคนิยม ซึ่งสิ่งเหล่านี้เร่งให้เกิดความรุนแรงและความขัดแย้ง ประชาธิปไตยโดยตรงสังคมต้องร่วมลงมือทำอะไรด้วยตัวเองให้มากที่สุดโดยไม่ต้องรอรัฐ และประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการตรวจสอบอำนาจรัฐ รวมถึงการมีส่วนร่วม ในนโยบายสาธารณะ ซึ่งทุกมหาวิทยาลัยและภาคประชาชนควรร่วมศึกษาแล้วกำหนดนโยบาย เพราะทุกวันนี้นโยบายสาธารณะมักมาจากคนส่วนน้อยและมีผลประโยชน์ทับซ้อน ดังนั้นเราต้องเชื่อมขบวนการทางปัญญา ศีลธรรม และสังคม

ศ.นพ.ประเวศ นำเสนอโดยผ่านมุมมองเหตุการณ์ 14 ตุลาฯว่า 1.เราต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชนเพื่อให้เกิดความเคลื่อนไหวในระบบประชาธิปไตยโดยตรง 2. ต้องมีการปรับปรุงการเมืองระบบตัวแทนแบบปัจจุบัน โดยลดอำนาจเงินที่เข้ามาสู่การเมือง 3.ต้องมีการคานอำนาจของฝ่ายบริหาร ที่ใช้อำนาจเข้าไปแทรกแซงทุกองค์กร โดยเฉพาะองค์กรอิสระต้องทบทวนใหม่ทั้งหมด 4 .ทำอย่างไรให้รัฐบาลเคารพรัฐธรรมนูญและหากไม่เคารพจะมีวิธีการจัดการเช่นไร 5 . แยกอำนาจการเมือง ข้าราชการ ธุรกิจ เพราะทุกวันนี้มีการประสานกันเป็นหนึ่งเดียว ทำให้เกิดมหาคอร์รัปชั่น เพราะว่าธุรกิจเข้ามาคุมการเมือง การเมืองเข้ามาสยบข้าราชการ ทำให้ไม่สามารถคานอำนาจกันได้ ทำให้การจัดการกับคอร์รัปชั่นไม่เป็นผล ประกาศกี่ครั้งก็ด้าน

ดังนั้นต้องแยกกันให้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นประเทศจะเสียหาย เช่น การแต่งตั้งรัฐมนตรี ข้าราชการระดับสูง อธิบดี ปลัด ไม่ใช่คน ๆ เดียวกระดิกนิ้วแล้วได้เลย ต้องมีการตรวจสอบหรือมีสัญญาระยะเวลาในการดำรงตำแหน่ง นอกจากนั้นในเรื่องของการศึกษาที่มีปฏิรูปการศึกษาอย่างมโหฬารที่จะต้องมีการระเบิดพลังจากการเรียนรู้ใหม่

“ในวาระนี้เราต้องต่อสู่โดยสร้างระบอบประชาธิปไตย โดยให้ประชาชน มีส่วนร่วมโดยตรง เพื่อต่อสู้กับประชาธิปไตยแบบตัวแทน ที่ล้าสมัยไปแล้ว”

ตะลึง! หญิงชุดดำจ้องทำร้ายหมอประเวศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่ ศ.น.พ.ประเวศ กล่าวปัจฉิมกถา เสร็จ ได้มีสตรีวัยรุ่นคนหนึ่งผิวขาว หน้าตาสะสวย สวมแว่นดำและแต่งชุดสีดำพยายามจะใช้ปากกา เข้าไปทำร้าย ศ.น.พ.ประเวศ โดยไม่มีสาเหตุ ทำให้เจ้าหน้าที่ที่จัดงานได้กันหญิงวัยรุ่นคนดังกล่าวออกไป สร้างความตกตะลึงให้กับสื่อมวลชนที่รอทำข่าว ซึ่งหลังจากนั้นหญิงคนดังกล่าว ได้ออกไปแจ้งกับตำรวจที่ปฎิบัติหน้าที่ บนถนนราชดำเนิน ว่าถูกเจ้าหน้าที่จัดงานทำร้ายร่างกาย โดยเจ้าหน้าที่ได้ยืนยันกับตำรวจว่าไม่ได้ทำอะไรหญิงคนดังกล่าวแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามขณะพูดคุยกันอยู่นั่น ผู้หญิงคนดังกล่าว แอบหลบออกไปจากบริเวณงานทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านั้นผู้หญิงคนดังกล่าวติดตาม ศ.น.พ.ประเวศ มาตั้งแต่ก่อนกล่าวปัจฉิมกถา โดยนั่งรออยู่ภายในร้านอาหารมาเรีย ซานตาน่า และตามเข้ามาฟังการปัจฉิมฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่เข้าใจว่าเป็นผู้สื่อข่าว ทั้งนี้หญิงคนดังกล่าวยังยืนฟังการให้สัมภาษณ์ของ ศ.น.พ.ประเวศ อย่างไรก็ตามไม่มีการยืนยันว่าหญิงคนดังกล่าวเป็นใคร เนื่องจากได้หลบหนีออกไปก่อน

ไม่รับรองคนเดือนตุลาฝั่งรัฐจะมีอุดมการณ์

นายจาตุรนต์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี หัวเราะห์ ก่อนจะเดินไปจับมือกับ นายพินิจ จันทรสุรินทร์ ส.ส.ลำปาง พรรคไทยรักไทย เมื่อถูกถามถึงเสียงวิจารณ์ที่ว่า อุดมการณ์ทางการเมืองของคนเดือนตุลาฯที่เป็นรัฐมนตรีเปลี่ยนไป ก่อนจะตอบว่า “ผมไม่อาจรับรองคนในฝั่งรัฐบาลได้ว่าจะมีอุดมการณ์อยู่หรือไม่ แต่ถ้าเป็นคุณพินิจ ผมรับรองได้

ด้าน นายสุธรรม แสงประทุม รมช.มหาดไทย 1 ในกลุ่มคนเดือนตุลา อดีตเลขาธิการศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (ศนท.) กล่าวว่า กล่าวถึง อดีตคนเดือนตุลา เมื่อเข้าไปอยู่ร่วมรัฐบาลแล้วมีอุดมการณ์เปลี่ยนไป ว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับหลักการวิธีการ ต้องยอมรับว่า วัยเปลี่ยนไป รูปในแบบการแสดงออก ก็อาจเปลี่ยนไปตามภาระหน้าที่ที่ทุกคนแบกรับอยู่ แต่ว่าจิตใจหลักการไม่มีเปลี่ยน

“ผมเชื่อว่า คน 14 ตุลาที่ไปยืนอยู่ในแวดวงต่างๆ ความเชื่อจิตสำนึกและพยายามที่จะผลักดันให้แวดวงนั้นดีทุกคน ไม่ว่าเป็นนักวิชาการ ผู้ประกอบการ นักการเมือง แม้ทุกคนไปร่ำรวยแล้วก็ไม่ทิ้งพี่น้องประชาชน เพียงแต่การแสดงออก ก็ต้องเป็นไปตามวัยและอายุขัยกับช่วงเวลาการพัฒนาประชาธิปไตย ที่มีความแตกต่างกันเท่านั้น”

เครื่อข่ายพันธมิตฯออกนสพ.ปลุกระดม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงเย็นวันเดียวกัน เครื่อข่ายพันธมิตประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เปิดเวทีปราศรัยเนื่องในงานรำลึก 31 ปี 14 ตุลา โดยมีประชาชน จากต่างจังหวัดเดินทางมาร่วมงาน ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีประชาชนเข้าร่วมทั้งหมดประมาณ 7 พันคน

ในโอกาสนี้ ตัวแทนพันธมิตรฯ ได้ออกคำประกาศฉบับที่ 2 รวมพลังต่อต้านระบอบทักษิณ โดยมีเนื้อหาสรุปว่า จะมีการขยายพันธมิตประชาชนให้กว้างขวางไปในทุกจังหวัด เปิดโปร่งการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม รวมรณรงค์ลดจำนวน ส.ส.ของพรรคไทยรักไทย ไม่ให้มากจนสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวตามที่ประกาศไว้ เปิดโปร่งการทุจริต คอร์รัปชั่น โดยเฉพาะปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน ต่อตลาดหุ้นและนักธุรกิจต่างประเทศเป็นภาษาอังกฤษ และจัดตั้งเครื่อข่ายการสื่อสารทางตรง โดยการทำหนังสือพิมพ์ “กอบบ้าน กู้เมือง” ราย 3 วัน แจกจ่ายทั่วประเทศ และจัดทำเวบไซต์เปิดโปงระบอบทักษิณ ต่อประชาขน
กำลังโหลดความคิดเห็น