ผู้จัดการรายวัน - การบินไทยช่วยอุ้ม TAGS เอ็มโอยูร่วมเป็นพันธมิตรบริการคลังสินค้าที่สุวรรณภูมิ เตรียมขยายธุรกิจ บริหารสนามบิน ครัวการบินไปต่างประเทศเพื่อเพิ่มรายได้ เผยนำร่องบริหารสนามบินจิตตะกอง เล็งหลวงพระบาง ย่างกุ้ง ต่อ
วานนี้ (11 ต.ค.) บริษัท การบิน ไทย จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการดำเนินธุรกิจด้านการบริการขนถ่ายสินค้า/คลังสินค้า และการบริการภาคพื้น ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กับ บริษัท ไทยแอร์พอร์ตส์ กราวด์ เซอร์วิสเซส จำกัด (TAGS) โดยนาย กนก อภิรดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เปิดเผยว่า TAGS เป็นผู้ให้บริการคลังสินค้าและบริการภาคพื้นที่ดีและมีความชำนาญ แต่เกิดปัญหาเพราะไม่สามารถประมูลเป็นผู้ประกอบการรายที่ 2 ที่สุวรรณภูมิได้ ทำให้เกิดปัญหา ซึ่งการบินไทยเห็นว่า ความร่วมมือดังกล่าวจะเพิ่มความ แข็งแกร่งของการบินไทยในด้านบริการ สินค้าและบริการภาคพื้นได้ โดยปัจจุบันการบินไทยมีรายได้จากการบริการด้านสินค้าและไปรษณียภัณฑ์ ประมาณ 23,000 ล้านบาทต่อปี จากรายได้ทั้งหมดประมาณ 120,000 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับแผนที่การบินไทยต้องการขยายงานด้านคลังสินค้า การบริหารสนามบินและครัวการบินไปยังต่างประเทศเพื่อรองรับผู้บริหารระดับกลางที่มีศักยภาพของการบินไทยให้สามารถบริหารงานได้อย่างเต็มที่ด้วย ซึ่งขณะนี้การบินไทยได้รับเลือกจากรัฐบาลบังกลาเทศในการบริหารสามบินชาอามานาท สนามบินจิตตะกอง เป็นเวลา 10 ปี ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนด้านอุปกรณ์ประมาณ 6-10 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยประมาณต้นปี 48 จะได้ข้อสรุปและเริ่มดำเนินการได้ รวมทั้งที่ย่างกุ้ง และหลวงพระบางด้วย
"การบินไทยมีผู้บริหารระดับกลางที่มีความสามารถจำนวนมากแต่ไม่มีตำแหน่งรองรับ ก็ต้องขยายงานไปต่างประเทศเพื่อให้ผู้บริหารเหล่านั้นได้ประสบการณ์ ส่วน TAGS มีความแข็งแกร่งด้านสินค้าโดยเฉพาะในหลายประเทศอินโดจีน ความร่วมมือกันเป็นการเปลี่ยนปัญหาเป็นโอกาส" นายกนกกล่าวว่า
TAGS หวังดึงลูกค้าเก่าไปสุวรรณภูมิ
นายอนุพงษ์ โรจน์นครินทร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท TAGS กล่าวว่า จะต้องหารือในรายละเอียดของเอ็มโอยูกับการบินไทยเบื้องต้นจะทำสัญญาประมาณ 5 ปีทั้งนี้เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการให้บริการกับลูกค้าของ TAGS ที่ดอนเมืองและในช่วงขณะที่ย้ายไปปฏิบัติงานที่สุวรรณภูมิ ทำให้ลดความกังวลใจของลูกค้า ทำให้ใช้ทรัพยากรคุ้มค่า และลดต้นทุนการบริการ
โดยปัจจุบัน TAGS มีลูกค้าที่ดอนเมือง 43 ราย (รวมเที่ยวบินเช่าเหมาลำ) ให้บริการสินค้าจำนวน 2.2 แสนตันต่อปี จากสินค้าทั้งหมด 1 ล้านตันต่อปี ส่วนที่สุวรรณภูมิคาดว่าจะมีจำนวนสินค้าประมาณ 1.5 ล้านตันต่อปี ซึ่ง TAGS จะรักษาลูกค้าที่มีอยู่และนำไปอยู่ที่สุวรรณภูมิด้วยทั้งหมด ส่วนการแบ่งรายได้กับการบิน ไทยจะต้องหารือรายละเอียดรูปแบบต่อไป ซึ่งยอมรับว่ารายได้และกำไรของบริษัทจะลดลงแน่นอนจากปัจจุบันที่มีรายได้ประมาณ 1,500 ล้านบาทและกำไรประมาณ 500 ล้านบาทต่อปี
"TAGS มีพนักงาน 28,000 คน มีความชำนาญ มีความพร้อมด้านเครื่องมืออุปกรณ์ ซึ่งหากมีการเปิดประมูลผู้ให้บริการคลังสินค้าในสุวรรณภูมิรายที่ 3 บริษัทฯจะร่วมประมูลแน่นอน" นายอนุพงษ์กล่าว
วานนี้ (11 ต.ค.) บริษัท การบิน ไทย จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการดำเนินธุรกิจด้านการบริการขนถ่ายสินค้า/คลังสินค้า และการบริการภาคพื้น ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กับ บริษัท ไทยแอร์พอร์ตส์ กราวด์ เซอร์วิสเซส จำกัด (TAGS) โดยนาย กนก อภิรดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เปิดเผยว่า TAGS เป็นผู้ให้บริการคลังสินค้าและบริการภาคพื้นที่ดีและมีความชำนาญ แต่เกิดปัญหาเพราะไม่สามารถประมูลเป็นผู้ประกอบการรายที่ 2 ที่สุวรรณภูมิได้ ทำให้เกิดปัญหา ซึ่งการบินไทยเห็นว่า ความร่วมมือดังกล่าวจะเพิ่มความ แข็งแกร่งของการบินไทยในด้านบริการ สินค้าและบริการภาคพื้นได้ โดยปัจจุบันการบินไทยมีรายได้จากการบริการด้านสินค้าและไปรษณียภัณฑ์ ประมาณ 23,000 ล้านบาทต่อปี จากรายได้ทั้งหมดประมาณ 120,000 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับแผนที่การบินไทยต้องการขยายงานด้านคลังสินค้า การบริหารสนามบินและครัวการบินไปยังต่างประเทศเพื่อรองรับผู้บริหารระดับกลางที่มีศักยภาพของการบินไทยให้สามารถบริหารงานได้อย่างเต็มที่ด้วย ซึ่งขณะนี้การบินไทยได้รับเลือกจากรัฐบาลบังกลาเทศในการบริหารสามบินชาอามานาท สนามบินจิตตะกอง เป็นเวลา 10 ปี ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนด้านอุปกรณ์ประมาณ 6-10 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยประมาณต้นปี 48 จะได้ข้อสรุปและเริ่มดำเนินการได้ รวมทั้งที่ย่างกุ้ง และหลวงพระบางด้วย
"การบินไทยมีผู้บริหารระดับกลางที่มีความสามารถจำนวนมากแต่ไม่มีตำแหน่งรองรับ ก็ต้องขยายงานไปต่างประเทศเพื่อให้ผู้บริหารเหล่านั้นได้ประสบการณ์ ส่วน TAGS มีความแข็งแกร่งด้านสินค้าโดยเฉพาะในหลายประเทศอินโดจีน ความร่วมมือกันเป็นการเปลี่ยนปัญหาเป็นโอกาส" นายกนกกล่าวว่า
TAGS หวังดึงลูกค้าเก่าไปสุวรรณภูมิ
นายอนุพงษ์ โรจน์นครินทร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท TAGS กล่าวว่า จะต้องหารือในรายละเอียดของเอ็มโอยูกับการบินไทยเบื้องต้นจะทำสัญญาประมาณ 5 ปีทั้งนี้เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการให้บริการกับลูกค้าของ TAGS ที่ดอนเมืองและในช่วงขณะที่ย้ายไปปฏิบัติงานที่สุวรรณภูมิ ทำให้ลดความกังวลใจของลูกค้า ทำให้ใช้ทรัพยากรคุ้มค่า และลดต้นทุนการบริการ
โดยปัจจุบัน TAGS มีลูกค้าที่ดอนเมือง 43 ราย (รวมเที่ยวบินเช่าเหมาลำ) ให้บริการสินค้าจำนวน 2.2 แสนตันต่อปี จากสินค้าทั้งหมด 1 ล้านตันต่อปี ส่วนที่สุวรรณภูมิคาดว่าจะมีจำนวนสินค้าประมาณ 1.5 ล้านตันต่อปี ซึ่ง TAGS จะรักษาลูกค้าที่มีอยู่และนำไปอยู่ที่สุวรรณภูมิด้วยทั้งหมด ส่วนการแบ่งรายได้กับการบิน ไทยจะต้องหารือรายละเอียดรูปแบบต่อไป ซึ่งยอมรับว่ารายได้และกำไรของบริษัทจะลดลงแน่นอนจากปัจจุบันที่มีรายได้ประมาณ 1,500 ล้านบาทและกำไรประมาณ 500 ล้านบาทต่อปี
"TAGS มีพนักงาน 28,000 คน มีความชำนาญ มีความพร้อมด้านเครื่องมืออุปกรณ์ ซึ่งหากมีการเปิดประมูลผู้ให้บริการคลังสินค้าในสุวรรณภูมิรายที่ 3 บริษัทฯจะร่วมประมูลแน่นอน" นายอนุพงษ์กล่าว