xs
xsm
sm
md
lg

บิ๊กจิ๋ว : ผู้นำสร้างระบอบประชาธิปไตย หรือเสาค้ำระบอบเผด็จการระบบรัฐสภา

เผยแพร่:   โดย: ป.เพชรอริยะ

ความสัมพันธ์กับผู้เขียน ผู้เขียนสัมพันธ์กับ พ่อใหญ่จิ๋ว ในเชิงอุดมการณ์จากนักปราชญ์ทางการเมืองเจ้าของวาทะ "ผู้รู้เขา รู้เรา รุกทางการเมืองชนะแน่นอน" อาจารย์ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร ผู้เขียนหนังสือลัทธิประชาธิปไตย และเป็นต้นตำรับแนวคิดการต่อสู้เอาชนะคอมมิวนิสต์ยุติสงครามกลางเมืองเพื่อสร้างระบอบประชาธิปไตย ก่อนที่จะพัฒนาเป็นนโยบาย 66/2523 ผู้เขียนมีหน้าที่อย่างเมตตาสลายแนวร่วมพรรคคอมมิวนิสต์ด้านนักศึกษาและกรรมกรแนวรุนแรงให้ต่อสู้อย่างสันติ และต้องสร้างระบอบประชาธิปไตยให้เป็นผลสำเร็จเสียก่อน จึงจะต่อยอดไปสู่สังคมนิยม ในที่สุดพลังฝ่ายประชาธิปไตยทุกภาคส่วน ก็สามารถเอาชนะพรรคคอมมิวนิสต์ให้ยุติสงครามกลางเมืองลงได้ในขั้นตอนที่หนึ่ง

แต่ขั้นตอนที่สอง คือ ภารกิจเปลี่ยนการปกครองเผด็จการระบบรัฐสภาเป็นระบอบประชาธิปไตย ตามแนวทางปณิธานบูรพกษัตริย์ กองทัพแห่งชาติไม่ให้ความร่วมมือ เข้าใจว่าชนะคอมมิวนิสต์ได้อย่างเบ็ดเสร็จแล้ว หรืออีกนัยหนึ่งแนวร่วมพรรคคอมมิวนิสต์ชั้นสูงและเป็นพวกขวาตกขอบต่อต้านอย่างรุนแรง กองทัพต้องถอยปล่อยให้เป็นเรื่องของประชาชน กองทัพจะยอมไม่ได้ต่อเมื่อใช้แนวทางรุนแรงเท่านั้น

เอกสารจากกองทัพบก เมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2526 ความตอนท้ายว่า "...ใคร่ขอชี้แจงให้ชัดเจนอีกครั้งตามคำของท่านผู้บัญชาการทหารบก ว่าคำสั่งนโยบายที่ 66/2523 และคำสั่งที่ 65/2525 เป็นนโยบายประชาธิปไตยที่ถูกต้องและเป็นความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ภายในชาติ นโยบายนี้มิใช่เป็นนโยบายการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์เท่านั้น แต่เป็นนโยบายที่ต่อสู้กับความไม่ถูกต้องและความไม่เป็นธรรมทั้งปวงในชาติทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ที่หมักหมมกันมานานตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เพื่อสร้างสรรค์ให้ประเทศได้พัฒนา และนำไปสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขโดยสมบูรณ์ในอนาคต อันเป็นระบอบการปกครองที่เป็นธรรม ที่เรียกว่า ธรรมาธิปไตย ให้สามารถสนองประโยชน์ต่อปวงชนส่วนใหญ่ของประเทศได้

ทั้งหมดนี้เป็นเจตนารมณ์ของผู้บัญชาการทหารบก และจุดยืนอันแน่วแน่ของกองทัพบก หวังว่าคงจะได้รับความร่วมมือจากท่านผู้ที่มีเกียรติทั้งหลายทุกอาชีพด้วยดี เพื่อร่วมกันสร้างความมั่นคงไพบูลย์ของชาติของเราให้สถาพรตลอดไป"

จากบทความย่อข้างต้นใครหลายคนรู้ว่าใครเป็นผู้เขียน? และใครเป็นผู้อ่าน? จะเห็นได้ว่าผู้นำกองทัพบกในยุคนั้นเป็นกองทัพที่ก้าวหน้าทำหน้าที่ได้อย่างสมเกียรติ สมศักดิ์ศรีที่เป็นกองทัพแห่งชาติ ทุกวันนี้เราจะหาความปราดเปรื่องจากนายทหารในกองทัพบกแทบไม่ได้เลย (เพราะเงินตัวเดียวและหลงลืมธรรมาธิปไตย)

จึงตกเป็นภารกิจแห่งชีวิตของพลังมวลชนที่ต้องการสลายระบอบเผด็จการระบบรัฐสภา เพื่อสร้างระบอบประชาธิปไตย มีกันอย่างหลากหลายวิธีการแต่ก็ไม่สำเร็จ

พ่อใหญ่จิ๋ว ตั้งพรรคความหวังใหม่ โดยเชื่อว่าการออกจากกองทัพมาตั้งพรรคการเมืองเป็นสุภาพบุรุษประชาธิปไตย โดยหวังจะให้ประชาชนเลือกความหวังใหม่ในขณะนั้นเป็นรัฐบาลแล้วใช้อำนาจนั้นสร้างระบอบประชาธิปไตย แต่ไม่ทันไรรัฐบาล 11 เดือนของ พ่อใหญ่จิ๋วก็พังลง

ผู้เขียนขณะเป็นนักศึกษารามคำแหงพร้อมเพื่อนร่วมอุดมการณ์นักศึกษาหลายร้อยคน พาไปตะโกนพร้อมๆ กันตามศูนย์การค้าต่างๆ และสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ "เลือกพรรคความหวังใหม่ ให้พลเอกชวลิตไปกู้ชาติ ทำลายวงจรอุบาทว์สร้างประชาธิปไตยๆๆๆ" เป็นที่ฮือฮากันพอสมควร

ลงทุนเป็นผู้ปฏิบัติงานนอกพรรคให้แก่พรรคความหวังใหม่ โดยไม่ต้องการหวังประโยชน์ใดๆ จากพรรคฯ ทั้งๆ ที่ในใจมีความคิดว่า "การที่พลเอกชวลิตออกมาตั้งพรรคเพื่อสร้างระบอบประชาธิปไตย ภายใต้เงื่อนไขของระบอบเผด็จการ ไม่อาจจะเป็นไปได้" แต่ก็จำเป็นต้องส่งเสริมเพราะแนวทางเดียวกัน (ในขณะนั้น)

พลเอกชวลิต พ่อใหญ่จิ๋วของเราภายใต้ระบอบเผด็จการระบบรัฐสภา ทั้งๆ ที่พลเอกชวลิต รู้ทั้งรู้ รู้อยู่แก่ใจ ว่านี่คือระบอบเผด็จการระบบรัฐสภา เคยเป็นทั้งฝ่ายค้าน เป็นรัฐบาลแล้วที่น่าเห็นใจพลเอกชวลิตที่สุด ขมขื่นที่สุดยอมตน ลดอัตตาตัวตนเป็นรองนายกรัฐมนตรี นัยว่าทั้งนี้และทั้งนั้นก็เพื่อความมั่นคงของชาติ "การลาออกเป็นการเห็นแก่ตัว มีอัตตาตัวตนที่ร้ายกาจ"

สมพร มูสิกะ ผู้ปฏิบัติงานคนสำคัญ กล่าวว่า "รัฐบาลทักษิณ ถ้าไม่มีพลเอกชวลิตเพียงคนเดียว รัฐบาลนี้พังไปนานแล้ว" จะอยู่เป็นรองนายกฯ ก็ต้องหาทางร่วมมือกับท่านนายกฯ ทักษิณ บอกความจริง ความแท้ที่เป็นคุณต่อประเทศชาติและประชาชนทั้งแผ่นดิน ว่ารัฐบาลไปไม่รอดแล้วถ้าไม่สร้างระบอบประชาธิปไตยแท้หรือธรรมาธิปไตยให้เกิดขึ้นเป็นจริง"

พลเอกชวลิต เป็นคนโชคดี หรือคนมีโชค ที่นักปราชญ์ให้ความรู้ ให้ความอุ้มชู เป็นที่ปรึกษาถ่ายทอดวิชาลัทธิประชาธิปไตย (66/23) จนหมดสิ้นเพราะหวังว่า พลเอกชวลิตจะเป็นรัฐบุรุษ จะไม่ทรยศ จะไม่เป็นคนคดต่อประเทศชาติและประชาชน ทั้งแนวคิดเป็นลัทธิประชาธิปไตยและบุคลิกท่านเป็นนักประชาธิปไตยที่น่ายกย่องในเชิงส่วนตัว และท่านเป็นคนโชคดีอย่างที่สุดที่ ภิกษุผู้รู้ได้เมตตา แต่พลเอกชวลิตเป็นปุถุชน ท่านจึงไม่รู้ว่าตนนั้นโชคดีที่สุดแล้วที่ภิกษุหนุ่มได้เมตตาท่าน

จุดอ่อน จิตกับบุพกรรมเดิม เป็นคนลังเล ตัดสินใจไม่แน่นอน เลือกใช้คนไม่เป็น เมตตาออกหน้าพระเดชไม่มีคนจึงไม่เกรงใจ ลับหลังลืมคำที่รับปากไว้ คบคนไม่แยกแยะ อ่านคนไม่ออก ไม่จริงของปลอมแต่เอาไว้ใกล้ตัว พอหมดอำนาจเขาก็เผ่น ของจริงอุทิศตนไม่เคยถามหา ไม่ส่งเสริมเพื่อนๆ หรือน้องๆ ผู้ร่วมอุดมการณ์จึงมองว่าไม่จริงใจ ขาดการนำทางอุดมการณ์ที่แจ่มชัด ไม่ถ่ายทอดปัญญาที่ตนมีสู่ผู้อื่นหรือรุ่นน้อง มีจุดอ่อนในตัวเอง แก้ไขได้ด้วยการยกจุดยืนสู่พระโพธิสัตว์และฝึกวิปัสสนากรรมฐานเพื่อให้รู้แจ้งเห็นจริง การนำการแก้ปัญหาเหตุวิกฤตชาติก็จะกลับคืนมา

ความตั้งใจและภารกิจเดิม หลังจากได้ต่อสู้เอาชนะคอมมิวนิสต์ยุติสงครามกลางเมือง (2512-2525) พลเอกชวลิตเคยพูดว่า "ต้องสถาปนาการปกครองระบอบประชาธิปไตยให้สำเร็จ"

การดำเนินภารกิจ การสร้างระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ตามแนวทางและวิธีการของท่านพลเอกชวลิต ไม่ก้าวหน้า ไม่กล้าพูดความจริงกับนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร หรือท่านนายกฯ ไม่ให้โอกาส จะด้วยวิธีใดก็ตามความล้มเหลวภารกิจแห่งชีวิตของพลเอกชวลิต ใกล้จะจบลงแล้ว พร้อมกับการเสียโอกาสและเป็นการทำลายโอกาสลงอย่างน่าเสียดาย เพราะขบวนการประชาธิปไตยแห่งชาติ ทั่วทุกอำเภอยังยอมรับพลเอกชวลิตเป็นผู้นำนั่นเอง

แต่ถ้ามองในแง่ดีจะเห็นจุดอ่อนของพลเอกชวลิต คือ ขาดเลขานุการชำนาญรอบรู้ ภารกิจแห่งชีวิตจึงไม่เป็นชิ้นเป็นอัน จนใครๆ ในขบวนต่างก็ว่าท่านลืมตัว หลงตัวเอง รวมทั้งความจำเสื่อม ความพยายามต่อจุดมุ่งหมายยุทธศาสตร์อ่อนมาก หรืออ่อนต่อยุทธศาสตร์ก็เป็นไปได้ ขาดการสร้างสัมพันธ์ที่ดีละเลยต่อเพื่อนร่วมอุดมการณ์ และต่อมวลชนร่วมอุดมการณ์

สอบถามแนวอุดมการณ์เดียวกัน หลายคนกล่าวทำนองว่า "บิ๊กจิ๋วหลงระบอบดำเนินการแบบประชาธิปไตย ในสภาพการณ์ปัจจุบันนี้ สัมพันธภาพทางสังคมเป็นระบอบเผด็จการระบบรัฐสภา แต่กลับทำตนเหมือนยอมรับว่าปัจจุบันเป็นระบอบประชาธิปไตย หรือจะตื้นเขินเรื่องยุทธศาสตร์ หรือหลงระบอบกันแน่ คิดการใหญ่จุดมุ่งหมายโลเลเสียแล้ว"

สรุป พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นคนตั้งใจดี มีเมตตาสูงระดับพรหม แต่ยังไม่ถึงขั้นพระโพธิสัตว์ ต้องยกจุดยืน และทำการวิปัสสนากรรมฐานจากพระอาจารย์ผู้รู้เพื่อให้รู้สัจธรรมอย่างแจ่มแจ้งทั้งองค์รวม จะรู้ภูมิธรรมของมนุษย์ จะได้รู้ว่าภูมิธรรมของทหารนั้นสูงส่งกว่าพ่อค้านายทุนยิ่งนัก ฉะนั้นทหารหาญแห่งกองทัพแห่งชาติผู้สูงส่งทั้งหลาย อย่าได้ตกเป็นเครื่องมือให้นายทุน ผู้เห็นแก่ตัว ผู้มักมากเป็นทุนเดิมอยู่เลย

ทางแก้กรรมของพลเอกชวลิต ขอย้ำว่าควร พบผู้รู้ เพื่อรู้สัจธรรม รู้ภูมิธรรมของมนุษย์และแก้กรรมแห่งตน (ไม่ใช่ไปให้พระเคาะหัว หรือสะเดาะเคราะห์ที่ไม่เป็นไปด้วยธรรมะ)

บิ๊กจิ๋วกับอนาคตทางการเมือง ในสภาพการณ์ปัจจุบัน เป็นสัมพันธภาวะของระบอบเผด็จการระบบรัฐสภา อันเกิดจากปุถุชนผู้ไม่รู้แจ้งเห็นจริง เป็นผู้เห็นผิด เป็นมิจฉาทิฏฐิที่ครอบงำลึกเข้าไปในจิตใจของนักวิชาการ นักการเมือง มายาวนาน ยากที่จะแก้ไขให้ราบรื่นไปได้โดยลำพังของปุถุชนระหว่างนักการเมืองด้วยกัน

พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ น่าที่จะทบทวนยุทธศาสตร์ใหม่ ต้องคัดสรรผู้ปฏิบัติงานใหม่ เพราะ...ในสภาพการณ์ปัจจุบันการสร้างประชาธิปไตยแบบตะวันตก ย่อมไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงที่เป็นไปที่สังคม, ประเทศชาติ และสังคมโลกที่เปลี่ยนไปอย่างสลับซับซ้อน และเมื่อมองไปข้างหน้าระบอบประชาธิปไตยตะวันตก ไม่เหมาะกับยุคกาลปัจจุบันและอนาคตอีกต่อไปแล้ว (อ่าน "ธรรมาธิปไตย ก้าวกระโดดสู่ความรุ่งโรจน์ของแผ่นดิน" ร้านเรืองปัญญา วัดมหาธาตุฯ ท่าพระจันทร์)

จึงมีวิธีการเดียว ที่จะแก้ปัญหาเหตุวิกฤตของชาติอันเป็นเหตุแห่งวิกฤตทั้งปวง เพื่อความมั่นคงแห่งชาติอย่างยั่งยืน ก็คือการถวายความเห็น เพื่อองค์พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาการปกครองแห่งธรรม โดยมีหลักธรรมเป็นหลักการปกครอง เป็นระบอบการเมืองแนวพุทธที่ก้าวหน้ากว่าระบอบอื่นใดในโลก และสอดคล้องกับวิถีชีวิตของชาวไทย ดังคำกล่าวที่ว่า "ทศพิธราชธรรมของพระมหากษัตริย์ สู่การสร้างสรรค์รัฐธรรมาธิปไตยของปวงชน"

จะดำเนินการให้เป็นจริง ได้ก่อนการเลือกตั้ง พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ต้องปรึกษาหารือดำเนินการถวายความเห็นแด่องค์พระประมุขสร้างระบอบการเมืองแห่งธรรมขึ้น ก่อนการเลือกตั้งในครั้งหน้าจะมีขึ้น มิเช่นนั้นแล้วในอนาคตความยุ่งยากจะเกิดขึ้นกับประเทศชาติและพี่น้องปวงชนชาวไทย เกินที่จะกล่าว

(อนันต์ กาญจนสุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังเกษตรกร จัดสัมมนาใหญ่ฟรี เพื่อปลุกเสก ติดอาวุธทางปัญญา "เป็นผู้นำเกษตรกร สู่สนามรบกับผู้เอาเปรียบในสังคม" ณ ห้องประชุมวัดสวนแก้ว จังหวัดนนทบุรี ตั้งแต่เช้าวันที่ 12-14 ตุลาคม 2547 โทร. 07-286-7678)
กำลังโหลดความคิดเห็น