องค์กรอิสระ เตรียมเสนอรัฐบาลจัดสรรเงิน 5 % ของงบประมาณให้กับองค์กรอิสระ พร้อมเสนอเปลี่ยนงบ จากหมวดรายจ่ายอื่น มาอยู่ในหมวดเงินอุดหนุน หวังให้ได้เงินเป็นก้อนแทนที่จะแยกประเภทรายจ่าย และยังต้องระบุการใช้เงินให้ชัดเจน แก้ปัญหาถูกสภาตัดงบที่ขอไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการจัดสัมสนาเชิงปฎิบัติการ คณะกรรมการองค์กรอิสระ ครั้งที่ 3 โดยสถาบันพระปกเกล้า วันสุดท้าย วานนี้ (10 ต.ค.) ได้มีการสรุปผลการประชุมกลุ่มย่อยเกี่ยวกับการบริหารงานขององค์กรอิสระ 3 ประเด็นได้แก่ 1.ความพอเพียงของงบประมาณกับการบริหารงานโดยอิสระขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งพบว่าการที่องค์กรอิสระยังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณที่พอเพียง เพราะไม่มีหัวหน้าองค์กรเข้าไปมีส่วนร่วมการชี้แจงงบประมาณเมื่อมีการตัดงบประมาณที่เสนอไป ทั้งๆ ที่ได้เคยมีการประสานในระดับนโยบายว่าจะไปปรับปรุงแก้ไข ให้แล้ว
ขณะเดียวกัน การจัดสรรงบองค์กรอิสระยังคงอยู่ในหมวดรายจ่ายอื่น ที่จะต้องมีการแยกประเภทของการจ่ายเงินและระบุเม็ดเงินที่ชัดเจน ซึ่งในขั้นตอน ของการพิจารณาอนุมัติงบประมาณนั้นจะถูกตัดงบที่องค์กรอิสระขอไป โดยไม่มีการสอบถามว่าเม็ดเงินที่ขอไปนั้นจะไปทำอะไรบ้าง จึงต้องการให้มีการ เปลี่ยนให้งบขององค์กรอิสระไปอยู่ในหมวดเงินอุดหนุน ซึ่งในหลักการจะเป็นการอนุมัติเงินงบประมาณให้เป็นก้อนเพื่อให้องค์กรอิสระนำไปใช้จ่ายตามภารกิจที่มีอยู่
โดยข้อสรุปของกลุ่มย่อยได้เสนอให้รัฐบาลกำหนดสัดส่วนงบประมาณของ องค์กรอิสระอย่างชัดเจนเช่นเดียวกับงบอุดหนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งสัดส่วนที่ควรจะได้รับคือ 5 % ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี เช่น ถ้าเทียบกับงบรายจ่ายประจำปี 2548 ควรจะจัดสรรให้องค์กรอิสระทั้งหมดประมาณ 50,000 ล้านบาท
2. สิทธิของประชาชนในการรับข้อมูลข่าวสารในความครอบครองของราชการ กับความเป็นอิสระขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ นั้น การกำหนดให้องค์กรอิสระอยู่ภายใต้การบังคับของ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร นั้นถือว่าไม่มีปัญหา แต่ควรกำหนดเงื่อนไขให้เปิดเผยได้เฉพาะในส่วนงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจการตรวจสอบ และไม่กระทบต่อองค์กรเท่านั้น
3. ความร่วมมือระหว่างภาคประชาชนและองค์กรอิสระในการสร้างธรรมาภิบาล โดยมีการเสนอสภาพปัญหาที่ประชาชนยังเข้ามามีส่วนร่วมน้อย ทั้งนี้เพราะความไม่รู้ ไม่เข้าใจในบทบาทหน้าที่ขององค์กรอิสระแม้จะมีช่องทางการเข้าถึงองค์กรอิสระแล้วก็ตาม ดังนั้น องค์กรอิสระจึงต้องสร้างความร่วมมือระหว่างกันเพื่อให้ความมั่นใจกับภาคประชาชนและให้ความสำคัญกับเครือข่ายภาคประชาชนและหน่วยงานกลางที่ทำหน้าที่ประสานกับประชาชนให้มากขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการนำเสนอรายงานการประชุมกลุ่มย่อยนั้น ผู้ร่วมประชุมได้เสนอประเด็นแนวทางในการทำงานขององค์กรอิสระ ซึ่งมีการเสนอให้ประกาศปฏิญญาองค์กรอิสระเพื่อนำปัญหาต่างๆ ที่หยิบยกขึ้นมานำเสนอในเวทีการสัมมนาไปสู่การแก้ไขที่เป็นรูปธรรม และควรจะตั้งคณะทำงานเฉพาะขึ้นมาผลักดันเรื่องนี้ต่อไป ซึ่งที่ประชุมเห็นร่วมกันว่า ในการประชุมองค์กรอิสระที่มีขึ้นทุก 2 เดือนจะนำเรื่องนี้ไปหารือต่อไป
นายนรนิติ เศรษฐบุตร เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวสรุปว่า ในประเด็นเรื่องงบประมาณนั้นขณะนี้สถาบันพระปกเกล้ากำลังเตรียมจะให้สถาบันการศึกษา ได้ทำการศึกษาเรื่องการบริหารงบประมาณและการจัดสรรงบประมาณขององค์กรอิสระและจะนำมาเสนอร่วมกับรายงานของกลุ่มย่อยเพื่อให้เกิดความหนักแน่นของข้อมูล ทางวิชาการว่าแนวทางที่รัฐบาลจัดสรรงบให้กับองค์กรอิสระในปัจจุบันไม่ได้สอดคล้องกับการดำเนินงานขององค์กรอิสระ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการจัดสัมสนาเชิงปฎิบัติการ คณะกรรมการองค์กรอิสระ ครั้งที่ 3 โดยสถาบันพระปกเกล้า วันสุดท้าย วานนี้ (10 ต.ค.) ได้มีการสรุปผลการประชุมกลุ่มย่อยเกี่ยวกับการบริหารงานขององค์กรอิสระ 3 ประเด็นได้แก่ 1.ความพอเพียงของงบประมาณกับการบริหารงานโดยอิสระขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งพบว่าการที่องค์กรอิสระยังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณที่พอเพียง เพราะไม่มีหัวหน้าองค์กรเข้าไปมีส่วนร่วมการชี้แจงงบประมาณเมื่อมีการตัดงบประมาณที่เสนอไป ทั้งๆ ที่ได้เคยมีการประสานในระดับนโยบายว่าจะไปปรับปรุงแก้ไข ให้แล้ว
ขณะเดียวกัน การจัดสรรงบองค์กรอิสระยังคงอยู่ในหมวดรายจ่ายอื่น ที่จะต้องมีการแยกประเภทของการจ่ายเงินและระบุเม็ดเงินที่ชัดเจน ซึ่งในขั้นตอน ของการพิจารณาอนุมัติงบประมาณนั้นจะถูกตัดงบที่องค์กรอิสระขอไป โดยไม่มีการสอบถามว่าเม็ดเงินที่ขอไปนั้นจะไปทำอะไรบ้าง จึงต้องการให้มีการ เปลี่ยนให้งบขององค์กรอิสระไปอยู่ในหมวดเงินอุดหนุน ซึ่งในหลักการจะเป็นการอนุมัติเงินงบประมาณให้เป็นก้อนเพื่อให้องค์กรอิสระนำไปใช้จ่ายตามภารกิจที่มีอยู่
โดยข้อสรุปของกลุ่มย่อยได้เสนอให้รัฐบาลกำหนดสัดส่วนงบประมาณของ องค์กรอิสระอย่างชัดเจนเช่นเดียวกับงบอุดหนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งสัดส่วนที่ควรจะได้รับคือ 5 % ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี เช่น ถ้าเทียบกับงบรายจ่ายประจำปี 2548 ควรจะจัดสรรให้องค์กรอิสระทั้งหมดประมาณ 50,000 ล้านบาท
2. สิทธิของประชาชนในการรับข้อมูลข่าวสารในความครอบครองของราชการ กับความเป็นอิสระขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ นั้น การกำหนดให้องค์กรอิสระอยู่ภายใต้การบังคับของ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร นั้นถือว่าไม่มีปัญหา แต่ควรกำหนดเงื่อนไขให้เปิดเผยได้เฉพาะในส่วนงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจการตรวจสอบ และไม่กระทบต่อองค์กรเท่านั้น
3. ความร่วมมือระหว่างภาคประชาชนและองค์กรอิสระในการสร้างธรรมาภิบาล โดยมีการเสนอสภาพปัญหาที่ประชาชนยังเข้ามามีส่วนร่วมน้อย ทั้งนี้เพราะความไม่รู้ ไม่เข้าใจในบทบาทหน้าที่ขององค์กรอิสระแม้จะมีช่องทางการเข้าถึงองค์กรอิสระแล้วก็ตาม ดังนั้น องค์กรอิสระจึงต้องสร้างความร่วมมือระหว่างกันเพื่อให้ความมั่นใจกับภาคประชาชนและให้ความสำคัญกับเครือข่ายภาคประชาชนและหน่วยงานกลางที่ทำหน้าที่ประสานกับประชาชนให้มากขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการนำเสนอรายงานการประชุมกลุ่มย่อยนั้น ผู้ร่วมประชุมได้เสนอประเด็นแนวทางในการทำงานขององค์กรอิสระ ซึ่งมีการเสนอให้ประกาศปฏิญญาองค์กรอิสระเพื่อนำปัญหาต่างๆ ที่หยิบยกขึ้นมานำเสนอในเวทีการสัมมนาไปสู่การแก้ไขที่เป็นรูปธรรม และควรจะตั้งคณะทำงานเฉพาะขึ้นมาผลักดันเรื่องนี้ต่อไป ซึ่งที่ประชุมเห็นร่วมกันว่า ในการประชุมองค์กรอิสระที่มีขึ้นทุก 2 เดือนจะนำเรื่องนี้ไปหารือต่อไป
นายนรนิติ เศรษฐบุตร เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวสรุปว่า ในประเด็นเรื่องงบประมาณนั้นขณะนี้สถาบันพระปกเกล้ากำลังเตรียมจะให้สถาบันการศึกษา ได้ทำการศึกษาเรื่องการบริหารงบประมาณและการจัดสรรงบประมาณขององค์กรอิสระและจะนำมาเสนอร่วมกับรายงานของกลุ่มย่อยเพื่อให้เกิดความหนักแน่นของข้อมูล ทางวิชาการว่าแนวทางที่รัฐบาลจัดสรรงบให้กับองค์กรอิสระในปัจจุบันไม่ได้สอดคล้องกับการดำเนินงานขององค์กรอิสระ