บอร์ดทอท.นัดโนโวเทลเข้าถกในที่ประชุมวันนี้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ด้านโนโวเทล คุยความพร้อมด้านการบริหาร แบบมืออาชีพ ชูบริการที่แม่นยำเรื่องเวลา เล็งอัดเพิ่มจำนวนพนักงานอีก 1 เท่าตัวจากโรงแรมปกติ ภายใต้คอนเซปต์ เวิลด์คลาส อินเตอร์เนชั่นแนล แอร์พอร์ต โฮเตล ที่ดีที่สุดในเอเชีย
ม.ล.หทัยชนก กฤดากร ผู้จัดการทั่วไป-กิจกรรมองค์กร แอคคอร์ เอเชียแปซิฟิก บริหารโรงแรมในเชน โนโวเทล เปิดเผยว่า ทางบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้ส่งหนังสื่อเชิญให้โนโวเทล เข้าร่วมประชุมพร้อมกับการประชุมบอร์ดของทอท.ในวันจันทร์นี้ด้วยที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นการเรียกเข้าไปชี้แจงรายละเอียดของการทำงานให้บอร์ดได้ฟังเพิ่มเติมและตอบข้อซักถามเกี่ยวกับแผนงานการเข้าบริหารโรงแรมสุวรรณภูมิ โดยทางบริษัทฯจะส่งตัวแทนทางด้านเทคนิคเข้าไปร่วมประชุมด้วย
โดยคอนเซ็ปต์ของบริหารงานครั้งนี้จะต้องเป็น โรงแรมระดับเวิลด์คลาส อินเตอร์เนชั่นแนล แอร์พอร์ต โฮเตล ที่ดีที่สุดในเอเชีย มีมาตรฐานเดียวกับ โรงแรมแอร์พอร์ตระดับโลก เช่น ที่ ลอนดอน ซึ่งในทางเทคนิคการก่อสร้างจะต้องให้ความสำคัญเรื่องการเก็บเสียงภายในโรงแรม เพราะ มีการขึ้น-ลง ของเครื่องบินอยู่ตลอดเวลา แต่ภายในโรงแรมต้องเงียบสงบ และมีความเป็นส่วนตัว ซึ่งเรื่องนี้คาดว่าทีมวิศวกรก่อสร้างก็รู้ดีเช่นกัน
ส่วนเรื่องการบริการ ซึ่งหากโนโวเทล ได้รับเลือกแน่นอนแล้ว ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ ที่จะต้องให้บริการที่รวดเร็ว เพราะแขกที่เข้าพักส่วนใหญ่เป็นกลุ่มทรานซิส เพราะฉะนั้นเวลาต้องแม่นยำ และจะต้องไม่มีแขกที่เข้าพักต้องตกเครื่องบินอย่างแน่นอน โดยจะยึดแนวทางการบริหารแบบมืออาชีพซึ่งทางกลุ่มมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว
ทั้งนี้บริษัทฯได้เตรียมความพร้อมเรื่องบุคลากร ระดับบริการประมาณ 10 คนซึ่งเป็นมืออาชีพ ขณะเดียวกันพนักงานระดับปฎิบัติการด้านบริการ ก็พร้อมที่จะโอนถ่ายพนักงานของโงแรมในเครือทั้งหมด ที่มีบ้านพักใกล้สนามบิน หากสมัครใจจะโอนย้ายมาทำงานใกล้บ้านก็ได้
นอกจากนั้น คาดว่าต้องรับพนักงานเพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 600 คน เพราะโรงแรมมีขนาด 600 ห้อง ซึ่งโรงแรมปกติจะใช้พนักงานในสัดส่วน 1 ต่อ 1 และแอร์พอร์ตโฮเตล จะต้องจ้างพนักงานมากกว่าอีก 1 เท่าตัว เพราะเน้นที่ความรวดเร็ว แขกที่เข้าพักจะมาเร็วไปเร็ว ความพร้อมการทำงานของพนักงานจึงต้องสูงด้วย
“สิ่งที่เราเสนอให้กับบอร์ด ทอท.ได้พิจารณา คือด้านเทคนิค และตัวเลขรายรับรายจ่าย ซึ่งทั้งหมดเป็นการจัดทำที่อยู่บนพื้นฐานของจุดประสงค์ของรัฐบาล แล้วมาปรับให้เป็นแผนการบริหาร เพื่อให้ตรงกับนโยบายรัฐ ดังนั้นหากต้องมีการปรับเปลี่ยนอะไรบ้าง ก็คงไม่มากนัก เพราะมีกรอบใหญ่จากนโยบายรัฐอยู่แล้ว”
สำหรับเรื่องรายได้ที่จะเกิดขึ้นกับบริษัท ยังไม่สามารถตอบเป็นสัดส่วนที่แท้จริงได้ ส่วนแบรนด์ที่เสนอไปเป็นชื่อโนโวเทล นั้น เพราะว่า รัฐบาลต้องการเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว ซึ่งในเครือของเรา โนโวเทลก็เป็นโรงแรม 4 ดาว เป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก ส่วนการปรับชื่อ หรือเพิ่มชื่อภายหลังการเซ็นสัญญานั้นก็แล้วแต่การพิจารณาของบอร์ด เชื่อว่าทั้งหมดจะสามารถสรุปได้ในเร็วๆนี้ ซึ่งมั่นใจว่าเมื่อบริษัทได้เซ็นสัญญา ก็พร้อมที่จะส่งคนเข้าไปร่วมปฎิบัติงานได้ทันที และเชื่อมั่นว่าทั้งหมดจะเสร็จทันพร้อมเปิดให้บริการ ตามกำหนด 31 กรกฎาคม 2548
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า จากรายชื่อกลุ่มโรงแรมที่เสนอตัวเข้าบริหารโรงแรมแอร์พอร์ตแห่งนี้ 5 ราย ล่าสุดได้คัดเหลือ 3 ราย คือ โนโวเทล เรดิสัน และแมริออต โดยมีโนโวเทลเป็นเต็งหนึ่งในเรื่องของคุณสมบัติทางด้านเทคนิค ขณะเดียวกันก็เป็นโรงแรมในเชนยูโรเปี้ยนสไตล์ จะไม่มีปัญหากับเรื่องของสถานการณ์ก่อการร้าย ที่มีขึ้นในโลกขณะนี้ เพราะประเทศฝรั่งเศส ประกาศตัวชัดเจนในเรื่องของความเป็นกลาง ขณะที่ อีก 2 เชนที่เหลือคือ เรดิสัน และแมริออต เป็นอเมริกันเชน
ม.ล.หทัยชนก กฤดากร ผู้จัดการทั่วไป-กิจกรรมองค์กร แอคคอร์ เอเชียแปซิฟิก บริหารโรงแรมในเชน โนโวเทล เปิดเผยว่า ทางบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้ส่งหนังสื่อเชิญให้โนโวเทล เข้าร่วมประชุมพร้อมกับการประชุมบอร์ดของทอท.ในวันจันทร์นี้ด้วยที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นการเรียกเข้าไปชี้แจงรายละเอียดของการทำงานให้บอร์ดได้ฟังเพิ่มเติมและตอบข้อซักถามเกี่ยวกับแผนงานการเข้าบริหารโรงแรมสุวรรณภูมิ โดยทางบริษัทฯจะส่งตัวแทนทางด้านเทคนิคเข้าไปร่วมประชุมด้วย
โดยคอนเซ็ปต์ของบริหารงานครั้งนี้จะต้องเป็น โรงแรมระดับเวิลด์คลาส อินเตอร์เนชั่นแนล แอร์พอร์ต โฮเตล ที่ดีที่สุดในเอเชีย มีมาตรฐานเดียวกับ โรงแรมแอร์พอร์ตระดับโลก เช่น ที่ ลอนดอน ซึ่งในทางเทคนิคการก่อสร้างจะต้องให้ความสำคัญเรื่องการเก็บเสียงภายในโรงแรม เพราะ มีการขึ้น-ลง ของเครื่องบินอยู่ตลอดเวลา แต่ภายในโรงแรมต้องเงียบสงบ และมีความเป็นส่วนตัว ซึ่งเรื่องนี้คาดว่าทีมวิศวกรก่อสร้างก็รู้ดีเช่นกัน
ส่วนเรื่องการบริการ ซึ่งหากโนโวเทล ได้รับเลือกแน่นอนแล้ว ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ ที่จะต้องให้บริการที่รวดเร็ว เพราะแขกที่เข้าพักส่วนใหญ่เป็นกลุ่มทรานซิส เพราะฉะนั้นเวลาต้องแม่นยำ และจะต้องไม่มีแขกที่เข้าพักต้องตกเครื่องบินอย่างแน่นอน โดยจะยึดแนวทางการบริหารแบบมืออาชีพซึ่งทางกลุ่มมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว
ทั้งนี้บริษัทฯได้เตรียมความพร้อมเรื่องบุคลากร ระดับบริการประมาณ 10 คนซึ่งเป็นมืออาชีพ ขณะเดียวกันพนักงานระดับปฎิบัติการด้านบริการ ก็พร้อมที่จะโอนถ่ายพนักงานของโงแรมในเครือทั้งหมด ที่มีบ้านพักใกล้สนามบิน หากสมัครใจจะโอนย้ายมาทำงานใกล้บ้านก็ได้
นอกจากนั้น คาดว่าต้องรับพนักงานเพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 600 คน เพราะโรงแรมมีขนาด 600 ห้อง ซึ่งโรงแรมปกติจะใช้พนักงานในสัดส่วน 1 ต่อ 1 และแอร์พอร์ตโฮเตล จะต้องจ้างพนักงานมากกว่าอีก 1 เท่าตัว เพราะเน้นที่ความรวดเร็ว แขกที่เข้าพักจะมาเร็วไปเร็ว ความพร้อมการทำงานของพนักงานจึงต้องสูงด้วย
“สิ่งที่เราเสนอให้กับบอร์ด ทอท.ได้พิจารณา คือด้านเทคนิค และตัวเลขรายรับรายจ่าย ซึ่งทั้งหมดเป็นการจัดทำที่อยู่บนพื้นฐานของจุดประสงค์ของรัฐบาล แล้วมาปรับให้เป็นแผนการบริหาร เพื่อให้ตรงกับนโยบายรัฐ ดังนั้นหากต้องมีการปรับเปลี่ยนอะไรบ้าง ก็คงไม่มากนัก เพราะมีกรอบใหญ่จากนโยบายรัฐอยู่แล้ว”
สำหรับเรื่องรายได้ที่จะเกิดขึ้นกับบริษัท ยังไม่สามารถตอบเป็นสัดส่วนที่แท้จริงได้ ส่วนแบรนด์ที่เสนอไปเป็นชื่อโนโวเทล นั้น เพราะว่า รัฐบาลต้องการเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว ซึ่งในเครือของเรา โนโวเทลก็เป็นโรงแรม 4 ดาว เป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก ส่วนการปรับชื่อ หรือเพิ่มชื่อภายหลังการเซ็นสัญญานั้นก็แล้วแต่การพิจารณาของบอร์ด เชื่อว่าทั้งหมดจะสามารถสรุปได้ในเร็วๆนี้ ซึ่งมั่นใจว่าเมื่อบริษัทได้เซ็นสัญญา ก็พร้อมที่จะส่งคนเข้าไปร่วมปฎิบัติงานได้ทันที และเชื่อมั่นว่าทั้งหมดจะเสร็จทันพร้อมเปิดให้บริการ ตามกำหนด 31 กรกฎาคม 2548
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า จากรายชื่อกลุ่มโรงแรมที่เสนอตัวเข้าบริหารโรงแรมแอร์พอร์ตแห่งนี้ 5 ราย ล่าสุดได้คัดเหลือ 3 ราย คือ โนโวเทล เรดิสัน และแมริออต โดยมีโนโวเทลเป็นเต็งหนึ่งในเรื่องของคุณสมบัติทางด้านเทคนิค ขณะเดียวกันก็เป็นโรงแรมในเชนยูโรเปี้ยนสไตล์ จะไม่มีปัญหากับเรื่องของสถานการณ์ก่อการร้าย ที่มีขึ้นในโลกขณะนี้ เพราะประเทศฝรั่งเศส ประกาศตัวชัดเจนในเรื่องของความเป็นกลาง ขณะที่ อีก 2 เชนที่เหลือคือ เรดิสัน และแมริออต เป็นอเมริกันเชน